ASTVผู้จัดการรายวัน - รมว.คลัง ลั่นพร้อมให้การสนับสนุนตลาดทุนทุกด้านเพื่อแข่งขันกับต่างประเทศได้ “กิตติรัตน์” คงนโยบายไม่แปรรูปตลาดหลักทรัพย์-ให้ ก.ล.ต.ทวบทวนเปิดเสรีใบไลเซนส์-ค่าคอมมิชชั่น ต้องหารือหน่วยงานเกี่ยวข้องให้ครบถ้วนกว่าที่ผ่านมา ด้านตลาดหุ้น ขอลดภาษี บจ.-แก้ พ.ร.บ.มหาชน-พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ ส่วนสมาคมโบรกเกอร์ หวัง ตลท.-ก.ล.ต.ออกประกาศชัดเจนใช้ค่าคอมมิชชั่นขั้นบันได แทนประกาศเปิดเสรีฯ ล่าสุด บล.เคจีไอ เตรียมรับมาร์เกตติ้งเพิ่มหลังมีความชัดเจนทบทวนเปิดเสรี
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า กระทรวงการคลัง และรัฐบาลพร้อมที่จะให้การสนับสนุนที่จะทำให้ตลาดหุ้นไทยมีความเข้มแข็งหากมีข้อติดขัดรัฐบาลพร้อมที่จะให้การช่วยเหลือเพื่อที่จะสามารถให้บริการแก่นักลงทุนบุคคล สถาบันในประเทศและต่างประเทศได้ดี และสามารถแข่งขันกับตลาดหุ้นในภูมิภาคได้ และจากการที่จะมีการเปิดเสรีประชาคมอาเซียน (AEC) นั้น ทางกระทรวงการคลัง สำนักงงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) จะมีการหารือร่วมกันว่ามีภาษีอะไรบ้างที่จะต้องมีการปรับปรุงให้เป็นสากล เพื่อให้เรื่องภาษีไม่เป็นอุปสรรคในการแข่งขัน
ทั้งนี้ ในเรื่องการเปิดเสรีใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ (ใบไลเซนส์) นั้น ให้ทาง ก.ล.ต.ไปทบทวนเรื่องดังกล่าว โดยทาง ก.ล.ต.ต้องมีการพิจารณาอย่างให้รอบคอบในเรื่องของจำนวนผู้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ว่ามีมากเกินไป หรือน้อยเกินไป และให้ผู้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์มีการเน้นคุณภาพการให้บริการที่ดี
สำหรับเรื่องค่าธรรมเนียมการซื้อขายหลักทรัพย์ (ค่าคอมมิชชัน) นั้น ปัจจุบันตลาดหุ้นไทยถือว่าไม่สูงเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นในภูมิภาค ถึงแม้จะไม่มีการเปิดเสรีค่าคอมมิชชั่นแบบเต็มรูปแบบ จึงไม่เป็นอุปสรรคในการแข่งขันกับตลาดหุ้นอื่นหากมีการเปิด AEC แต่ในเรื่องคุณภาพการให้บริการถือว่ายังแข่งขันกับตลาดหุ้นภูมิภาคไม่ได้จึงต้องมีการเร่งพัฒนาในเรื่องดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม หน้าที่ของก.ล.ต.จากนี้ไปจะมีการออกเกณฑ์หรือ ดำเนินการอย่างไรจะต้องมีการปรึกษาหน่วยงานที่เกี่ยวให้ครบถ้วน และคำนึงถึงประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า ในเรื่องสิทธิประโยชน์ทางภาษีของกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF)และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF)จากที่จะครอบกำหนด ในปี 2559 นั้น ทางกระทรวงการคลังพร้อมที่จะให้สิทธิประโยชน์ดังกล่าวต่อไปโดยไม่กำหนดระยะเวลาสิ้นสุดก็ได้ หากแสดงได้ว่ามีประชาชนเข้ามาใช้สิทธิประโยชน์ดังกล่าว ซึ่งจะให้ทางก.ล.ต.และ ตลาดหลักทรัพย์ฯเข้ามาช่วยพิจารณา แต่หากมีผู้เข้ามาใช้ประโยชน์ดังกล่าวไม่เต็มที่ กระทรวงการคลังก็จะนำสิทธิประโยชน์ดังกล่าวหกันไปให้สิทธิประโยชน์ทางด้านอื่นแทน
ตลท.เสนอ4เรื่องขอคลังแก้กม.
นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ในการหารือครั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯได้มีการเสนอขอให้ทางกระทรวงการคลังมีการสนับสนุน 4 เรื่อง ซึ่งจะนำไปอยู่ในแผนพัฒนาตลาดทุนไทย คือ 1.การอนุญาตให้ตลาดอนุพันธ์ (ประเทศไทย)หรือ TFEX และผู้เกี่ยวข้องประกอบธุรกิจซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเกี่ยวกับอัตราแลกเปลี่ยน 2.การแก้ไขพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ฯเพื่อส่งเสริมให้บริษัทต่างประเทศเข้ามาจดทะเบียน 3. การแก้ไข พ.ร.บ.บริษัทมหาชนเพื่อลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพแก่บริษัทมหาชน และ 4. มาตรการภาษีสำหรับบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เพื่อเป็นการสนับสนุนให้กับบริษัทเข้ามาจดทะเบียนที่ดีกว่าบริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์
“เรื่องเปิดเสรีค่าคอมมิชชั่นนั้นตลาดหลักทรัพย์ฯจะมีการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แล้วผลมาเป็นอย่างไรตลาดหลักทรัพย์ฯพร้อมที่จะมีการดำเนินการแต่ การทำนั้นจะต้องเกิดประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมและนักลงทุน”นายจรัมพร กล่าว
ก.ล.ต.รับลูกรมว.คลังทบวนเปิดเสรีฯ
นายวรพล โสคติยานุรักษ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ตง) กล่าวว่า ก.ล.ต.จะกลับไปทบทวนและติดตามผลของการเปิดเสรีธุรกิจหลักทรัพย์อย่างใกล้ชิดเพื่อให้เกิดความเหมาะสมต่อการพัฒนาตลาดทุน รวมทั้งจะศึกษาแนวทางการพัฒนาธุรกิจหลักทรัพย์ควบคู่ไปด้วย โดยประเด็นสำคัญที่ต้องพิจารณาคือจำนวนของผู้ประกอบธุรกิจ การเพิ่มปริมาณธุรกรรม เช่น ธุรกรรมที่เกี่ยวกับพันธบัตร หุ้นกู้ การเป็นที่ปรึกษาทางการเงินและการจัดจำหน่ายหุ้น เป็นต้น เพื่อลดการพึ่งพิงค่าธรรมเนียมซื้อขายหลักทรัพย์และเพิ่มรายได้ให้กับทั้งอุตสาหกรรม
สมาคมโบรกเกอร์ชี้ก.ล.ต.ประกาศใช้ค่าคอมมิชชั่นขั้นบันได
นางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ กล่าวว่า สมาคมฯจะหารือกับตลาดหลักทรัพย์ฯ และก.ล.ต. เร็วๆนี้ เพื่อเสนอข้อมูลให้มีการพิจาณาทบทวนการเปิดเสรีทั้งใบอนุญาตธุรกิจหลักทรัพย์และค่าคอมมิชชัน โดยในเบื้องต้นสมาคมฯจะเสนอให้กลับไปใช้คอมมิชชันแบบขั้นบันไดเหมือนเดิม เพราะปัจจุบันแม้จะเปิดเสรีแล้ว แต่โบรกเกอร์ส่วนใหญ่ได้ตกลงร่วมกันที่จะใช้คอมแบบขั้นบันไดมานานแล้ว ทำให้เชื่อว่าหากย้อนกลับไปก็จะไม่มีผลกระทบกับฝ่ายใด ซึ่งหากมีการเห็นชอบก็จะให้ทางก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์ฯมีการออกมาเป็นประกาศต่อไป
นอกจากนี้ยืนยันว่าสมาคมฯไม่ได้ปิดกั้นการเปิดเสรีใบอนุญาตประกอบธุรกิจบล. แต่หากใครจะเข้ามาประกอบธุรกิจนี้ก็ควรจะมาแบบสร้างสรรค์และพัฒนาอุตสาหกรรม ไม่ใช่ทำลายอุตสาหกรรม โดยหากมีความชัดเจนในเรื่องดังกล่าวแล้วเชื่อว่าจะทำให้โบรกเกอร์มีการกล้าลงทุนและพัฒนาบุคคลากรมากขึ้น
บล.เคจีไอเล็งรับมาร์เกตติ้งเพิ่มหลังทบทวนเปิดเสรีค่าคอมมิชชั่น
นายพิสิทธิ์ ปทุมบาล กรรมการผู้จัดการ สายธุรกิจหลักทรัพย์บุคคล บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ(ประเทศไทย) เปิดเผยว่า นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงขณะนี้จำนวนมาร์เก็ตติ้งภายใต้สายธุรกิจหลักทรัพย์ที่ตนดูแลได้ลดลงไปประมาณ 30 คน หรือเหลือเพียง 120-130 คน จากก่อนหน้านี้ 150-160 คน เนื่องจากมีการปรับโครงสร้างเพื่อรองรับกับการเปิดเสรีคอมมิชชั่น โดยต้องการเน้นสร้างกำไรมากกว่าส่วนแบ่งในสัดส่วนที่สูง แต่จากการที่จะมีการจะทบทวนการเปิดเสรีค่าคอมมิชชั่น ในสายธุรกิจหลักทรัพย์ที่ตนดูแลของเคจีไอ คงจะต้องรับมาร์เก็ตติ้งมากขึ้น เพื่อเพิ่มจำนวนฐานลูกค้า
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า กระทรวงการคลัง และรัฐบาลพร้อมที่จะให้การสนับสนุนที่จะทำให้ตลาดหุ้นไทยมีความเข้มแข็งหากมีข้อติดขัดรัฐบาลพร้อมที่จะให้การช่วยเหลือเพื่อที่จะสามารถให้บริการแก่นักลงทุนบุคคล สถาบันในประเทศและต่างประเทศได้ดี และสามารถแข่งขันกับตลาดหุ้นในภูมิภาคได้ และจากการที่จะมีการเปิดเสรีประชาคมอาเซียน (AEC) นั้น ทางกระทรวงการคลัง สำนักงงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) จะมีการหารือร่วมกันว่ามีภาษีอะไรบ้างที่จะต้องมีการปรับปรุงให้เป็นสากล เพื่อให้เรื่องภาษีไม่เป็นอุปสรรคในการแข่งขัน
ทั้งนี้ ในเรื่องการเปิดเสรีใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ (ใบไลเซนส์) นั้น ให้ทาง ก.ล.ต.ไปทบทวนเรื่องดังกล่าว โดยทาง ก.ล.ต.ต้องมีการพิจารณาอย่างให้รอบคอบในเรื่องของจำนวนผู้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ว่ามีมากเกินไป หรือน้อยเกินไป และให้ผู้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์มีการเน้นคุณภาพการให้บริการที่ดี
สำหรับเรื่องค่าธรรมเนียมการซื้อขายหลักทรัพย์ (ค่าคอมมิชชัน) นั้น ปัจจุบันตลาดหุ้นไทยถือว่าไม่สูงเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นในภูมิภาค ถึงแม้จะไม่มีการเปิดเสรีค่าคอมมิชชั่นแบบเต็มรูปแบบ จึงไม่เป็นอุปสรรคในการแข่งขันกับตลาดหุ้นอื่นหากมีการเปิด AEC แต่ในเรื่องคุณภาพการให้บริการถือว่ายังแข่งขันกับตลาดหุ้นภูมิภาคไม่ได้จึงต้องมีการเร่งพัฒนาในเรื่องดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม หน้าที่ของก.ล.ต.จากนี้ไปจะมีการออกเกณฑ์หรือ ดำเนินการอย่างไรจะต้องมีการปรึกษาหน่วยงานที่เกี่ยวให้ครบถ้วน และคำนึงถึงประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า ในเรื่องสิทธิประโยชน์ทางภาษีของกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF)และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF)จากที่จะครอบกำหนด ในปี 2559 นั้น ทางกระทรวงการคลังพร้อมที่จะให้สิทธิประโยชน์ดังกล่าวต่อไปโดยไม่กำหนดระยะเวลาสิ้นสุดก็ได้ หากแสดงได้ว่ามีประชาชนเข้ามาใช้สิทธิประโยชน์ดังกล่าว ซึ่งจะให้ทางก.ล.ต.และ ตลาดหลักทรัพย์ฯเข้ามาช่วยพิจารณา แต่หากมีผู้เข้ามาใช้ประโยชน์ดังกล่าวไม่เต็มที่ กระทรวงการคลังก็จะนำสิทธิประโยชน์ดังกล่าวหกันไปให้สิทธิประโยชน์ทางด้านอื่นแทน
ตลท.เสนอ4เรื่องขอคลังแก้กม.
นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ในการหารือครั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯได้มีการเสนอขอให้ทางกระทรวงการคลังมีการสนับสนุน 4 เรื่อง ซึ่งจะนำไปอยู่ในแผนพัฒนาตลาดทุนไทย คือ 1.การอนุญาตให้ตลาดอนุพันธ์ (ประเทศไทย)หรือ TFEX และผู้เกี่ยวข้องประกอบธุรกิจซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเกี่ยวกับอัตราแลกเปลี่ยน 2.การแก้ไขพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ฯเพื่อส่งเสริมให้บริษัทต่างประเทศเข้ามาจดทะเบียน 3. การแก้ไข พ.ร.บ.บริษัทมหาชนเพื่อลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพแก่บริษัทมหาชน และ 4. มาตรการภาษีสำหรับบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เพื่อเป็นการสนับสนุนให้กับบริษัทเข้ามาจดทะเบียนที่ดีกว่าบริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์
“เรื่องเปิดเสรีค่าคอมมิชชั่นนั้นตลาดหลักทรัพย์ฯจะมีการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แล้วผลมาเป็นอย่างไรตลาดหลักทรัพย์ฯพร้อมที่จะมีการดำเนินการแต่ การทำนั้นจะต้องเกิดประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมและนักลงทุน”นายจรัมพร กล่าว
ก.ล.ต.รับลูกรมว.คลังทบวนเปิดเสรีฯ
นายวรพล โสคติยานุรักษ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ตง) กล่าวว่า ก.ล.ต.จะกลับไปทบทวนและติดตามผลของการเปิดเสรีธุรกิจหลักทรัพย์อย่างใกล้ชิดเพื่อให้เกิดความเหมาะสมต่อการพัฒนาตลาดทุน รวมทั้งจะศึกษาแนวทางการพัฒนาธุรกิจหลักทรัพย์ควบคู่ไปด้วย โดยประเด็นสำคัญที่ต้องพิจารณาคือจำนวนของผู้ประกอบธุรกิจ การเพิ่มปริมาณธุรกรรม เช่น ธุรกรรมที่เกี่ยวกับพันธบัตร หุ้นกู้ การเป็นที่ปรึกษาทางการเงินและการจัดจำหน่ายหุ้น เป็นต้น เพื่อลดการพึ่งพิงค่าธรรมเนียมซื้อขายหลักทรัพย์และเพิ่มรายได้ให้กับทั้งอุตสาหกรรม
สมาคมโบรกเกอร์ชี้ก.ล.ต.ประกาศใช้ค่าคอมมิชชั่นขั้นบันได
นางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ กล่าวว่า สมาคมฯจะหารือกับตลาดหลักทรัพย์ฯ และก.ล.ต. เร็วๆนี้ เพื่อเสนอข้อมูลให้มีการพิจาณาทบทวนการเปิดเสรีทั้งใบอนุญาตธุรกิจหลักทรัพย์และค่าคอมมิชชัน โดยในเบื้องต้นสมาคมฯจะเสนอให้กลับไปใช้คอมมิชชันแบบขั้นบันไดเหมือนเดิม เพราะปัจจุบันแม้จะเปิดเสรีแล้ว แต่โบรกเกอร์ส่วนใหญ่ได้ตกลงร่วมกันที่จะใช้คอมแบบขั้นบันไดมานานแล้ว ทำให้เชื่อว่าหากย้อนกลับไปก็จะไม่มีผลกระทบกับฝ่ายใด ซึ่งหากมีการเห็นชอบก็จะให้ทางก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์ฯมีการออกมาเป็นประกาศต่อไป
นอกจากนี้ยืนยันว่าสมาคมฯไม่ได้ปิดกั้นการเปิดเสรีใบอนุญาตประกอบธุรกิจบล. แต่หากใครจะเข้ามาประกอบธุรกิจนี้ก็ควรจะมาแบบสร้างสรรค์และพัฒนาอุตสาหกรรม ไม่ใช่ทำลายอุตสาหกรรม โดยหากมีความชัดเจนในเรื่องดังกล่าวแล้วเชื่อว่าจะทำให้โบรกเกอร์มีการกล้าลงทุนและพัฒนาบุคคลากรมากขึ้น
บล.เคจีไอเล็งรับมาร์เกตติ้งเพิ่มหลังทบทวนเปิดเสรีค่าคอมมิชชั่น
นายพิสิทธิ์ ปทุมบาล กรรมการผู้จัดการ สายธุรกิจหลักทรัพย์บุคคล บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ(ประเทศไทย) เปิดเผยว่า นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงขณะนี้จำนวนมาร์เก็ตติ้งภายใต้สายธุรกิจหลักทรัพย์ที่ตนดูแลได้ลดลงไปประมาณ 30 คน หรือเหลือเพียง 120-130 คน จากก่อนหน้านี้ 150-160 คน เนื่องจากมีการปรับโครงสร้างเพื่อรองรับกับการเปิดเสรีคอมมิชชั่น โดยต้องการเน้นสร้างกำไรมากกว่าส่วนแบ่งในสัดส่วนที่สูง แต่จากการที่จะมีการจะทบทวนการเปิดเสรีค่าคอมมิชชั่น ในสายธุรกิจหลักทรัพย์ที่ตนดูแลของเคจีไอ คงจะต้องรับมาร์เก็ตติ้งมากขึ้น เพื่อเพิ่มจำนวนฐานลูกค้า