ASTVผู้จัดการรายวัน – “ซีพีเอฟ” เปิดเกมรุกธุรกิจร้าน5ดาว ทั้งไก่ย่าง ไก่ทอด ข้าวมันไก่ บะหมี่เกี๊ยว จ่อผุดแฟรนไชส์อีก 5,000 สาขา หวังสยายปีกครบ 10,000 สาขาในอีก 5 ปีจากนี้ ทั้งไทยและในอาเซียน หวังเปิดเออีซีช่วยดันธุรกิจ ปีนี้รุกเพิ่มที่ พม่า บังคลาเทศ อินเดีย พร้อมปรับสาขาต่างประเทศเป็นแฟรนไชส์ทั้งหมด
นายสถิต สังขนฤบดี รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธุรกิจ 5 ดาว บริษัท ซีพีเอฟ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯวางเป้าหมายระยะยาวจากนี้ 5 ปี จะต้องขยายธุรกิจร้านเครือข่ายของ 5ดาว ด้วยรูปแบบการขายแฟรนไชส์ให้กับผู้ที่สนใจให้ครบ 10,000 สาขา รวมทั้งในประเทศและต่างประเทศย่านอาเซียน หรือต้องเพิ่มอีก 5,000 สาขาโดยรวม
ตลาดอาเซียนมีศักยภาพมาก เพราะจำนวนประชากรที่มีอยู่จำนวนมาก และค่าแรงงานก็ต่ำกว่าไทย และคนในประเทศนั้นๆต้องการมีธุรกิจของตนเอง ผนวกกับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี ในปี 2558 จะทำให้ภาษีเหลือ 0% ส่งผลดีต่อการขยายธุรกิจได้ดียิ่งขึ้นด้วย
ปัจจุบันบริษัทฯมีร้านธุรกิจ 5ดาว จำนวนประมาณ 5,000 สาขาแล้ว โดยแบ่งเป็นร้านสาขาในไทยประมาณ 4,700 สาขา แบ่งเป็น ร้านไก่ย่าง5ดาว จำนวน 2,300 สาขา ร้านไก่ทอด5ดาว 1,400 สาขา ร้านข้าวมันไก่5ดาว จำนวน 700 สาขา และร้านบะหมี่เกี๊ยวกุ้ง5ดาว จำนวน 200 สาขา ทั้งหมดเป็นรูปแบบแฟรนไชส์
ส่วนสาขาในต่างประเทศในอาเซียนมีประมาณ 300 สาขาแล้ว หลังจากที่เริ่มขยายเข้าไป 3 ปีที่ผ่านมา ที่ลาว เขมร และเวียดนาม อย่างไรก็ตาม ในต่างประเทศขณะนี้ ยังคงเป็นสาขาที่บริษัทฯลงทุนเองตั้งแต่แรก แต่ขณะนี้เริ่มทยอยปรับรูปแบบเพื่อให้เป็นแฟรนไชส์ทั้งหมด เริ่มที่ประเทศเขมร คาดว่าอีก 2 ปีจะเป็นแฟรนไชส์หมดทุกประเทศ
นายสถิตกล่าวต่อว่า แผนธุรกิจในไทยปีนี้วางแผนจะเปิดสาขาของแฟรนไชส์ทั้งหมดให้ได้ 800 สาขา โดยเน้นไปที่การเปิดร้านไก่ทอดและข้าวมันไก่ จำนวน 500 สาขา เนื่องจากไก่ทอดและข้าวมันไก่มีจำหน่ายในทุกจังหวัดแต่ยังไม่ครอบคลุมทุกอำเภอ ขณะที่ไก่ย่างมีครอบคลุมทุกจังหวัดและเกือบทุกอำเภอทั่วประเทศแล้ว ส่วนที่เหลือจะเป็นร้านไก่ย่างและร่านบะหมี่เกี๊ยวกุ้ง ส่วนร้านบะหมี่เกี๊ยวกุ้งได้รับการตอบรับที่ดี แต่ยังเติบโตได้ไม่เท่ากับร้านข้าวมันไก่
ด้านตลาดต่างประเทศเตรียมที่จะขยายธุรกิจห้าดาวเข้าไปยังประเทศพม่า บังคลาเทศและอินเดีย โดยช่วงแรกจะทำการลงทุนเองก่อน หลังจากนั้นจะปรับเป็นรูปแบบแฟรนไชส์
สำหรับผลประกอบการของธุรกิจ5ดาวในช่วงไตรมาสแรกปีนี้ นายสถิตกล่าวว่า ยอดขายเติบโต 15% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้ว และคาดว่าในช่วงไตรมาสที่ 2 ยอดขายจะเติบโตดีต่อเนื่อง เนื่องจากมีช่วงเทศกาลสงกรานต์ด้วย ซึ่งถือเป็นหน้าขายที่สำคัญด้วย โดยสามารถสร้างยอดขายได้เติบโตถึง 100% ส่วนยอดขายทั้งปีคาดว่า จะมียอดขาย 5,500 ล้านบาท เติบโต 20% เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ เพิ่มจากปีที่แล้วมียอดขาย 4,500 ล้านบาท เติบโต 20%
******************
ส่วนตลาดในไทยปีนี้วางแผนจะเปิดให้ได้ 800 สาขาเป็นของแฟรนไชส์ทั้งหมด โดยจะให้ความสำคัญกับไก่ทอดและข้าวมันไก่จะเปิดทั้งหมด 500 สาขา ที่เหลือจะเป็นไก่ย่างและบะหมี่เกี๊ยวกุ้ง เนื่องจากไก่ทอดและข้าวมันไก่มีจำหน่ายในทุกจังหวัดแต่ยังไม่ครอบคลุมทุกอำเภอ ขณะที่ไก่ย่างมีครอบคลุมทุกจังหวัดและเกือบทุกอำเภอทั่วประเทศแล้ว ส่วนร้านบะหมี่เกี๊ยวกุ้งได้รับการตอบรับที่ดี แต่ยังเติบโตได้ไม่เท่ากับร้านข้าวมันไก่
*************
บริษัทได้วางนโยบายของธุรกิจ 5 ดาวในระยะเวลา 5 ปีจากนี้จะมีจำนวนร้านสาขาให้ได้ 10,000 สาขาทั้งในประเทศไทยและประเทศในแถบอาเซียน โดยทั้งหมดจะเป็นรูปแบบการขยายสาขาผ่านระบบแฟรนไชส์ 100% เพื่อส่งเสริมให้มีธุรกิจเป็นของตนเอง และสร้างรายได้อย่างมั่นคง จากปัจจุบันในไทยมีจำนวนสาขาที่ 4,700 สาขา แบ่งเป็น ไก่ย่าง 5 ดาว 2,300 สาขา ไก่ทอด 1,400 สาขา ข้าวมันไก่ 700 สาขา และบะหมี่เกี๊ยวกุ้ง 200 สาขา ซึ่งทั้งหมดเป็นสาขาของแฟรนไชส์
ขณะที่ตลาดในอาเซียนได้เข้าไปขยายตลาดเมื่อ 3 ปีที่แล้วที่ประเทศลาว เขมร และเวียดนาม มีสาขาประมาณ 300 สาขา และเริ่มต้นด้วยธุรกิจร้านไก่ย่าง และไก่ทอด 5 ดาวก่อน โดยในช่วงเริ่มต้นบริษัทได้เข้ามาลงทุนเอง แต่ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างปรับรูปแบบให้เป็นแฟรนไชส์ทั้งหมด และได้เริ่มที่ประเทศเขมรแล้ว คาดว่าจะใช้ระยะเวลา 2 ปีจะปรับทั้งหมดให้เป็นร้านสาขาของแฟรนไชส์ เนื่องจากมองว่าตลาดในอาเซียนมีศักยภาพอย่างมากด้วยจำนวนประชากรที่มีอยู่ และค่าแรงงานที่ต่ำกว่าไทย ประกอบกับโอกาสที่เห็นว่าคนในประเทศนั้นๆ ต้องการมีธุรกิจของตนเอง พร้อมกันนี้หลังจากเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี ทำให้ภาษีเหลือ 0% ส่งผลดีต่อการขยายธุรกิจได้ดียิ่งขึ้น
สำหรับในปีนี้วางแผนที่จะขยายธุรกิจห้าดาวเข้าไปยังประเทศพม่า บังคลาเทศและอินเดีย ซึ่งในช่วงแรกจะเข้าไปสร้างตลาดเองก่อน หลังจากนั้นจะปรับเป็นแฟรนไชส์ให้เป็นไปตามนโยบายของบริษัท ส่วนตลาดในไทยปีนี้วางแผนจะเปิดให้ได้ 800 สาขาเป็นของแฟรนไชส์ทั้งหมด โดยจะให้ความสำคัญกับไก่ทอดและข้าวมันไก่จะเปิดทั้งหมด 500 สาขา ที่เหลือจะเป็นไก่ย่างและบะหมี่เกี๊ยวกุ้ง เนื่องจากไก่ทอดและข้าวมันไก่มีจำหน่ายในทุกจังหวัดแต่ยังไม่ครอบคลุมทุกอำเภอ ขณะที่ไก่ย่างมีครอบคลุมทุกจังหวัดและเกือบทุกอำเภอทั่วประเทศแล้ว ส่วนร้านบะหมี่เกี๊ยวกุ้งได้รับการตอบรับที่ดี แต่ยังเติบโตได้ไม่เท่ากับร้านข้าวมันไก่
นายสถิต กล่าวว่า ยอดขายของธุรกิจห้าดาวในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้มีอัตราเติบโต 15% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และคาดว่าในช่วงไตรมาสที่ 2 ยอดขายจะเติบโตดีต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสงกรานต์จะเป็นช่วงที่สร้างยอดขายได้ดี โดยสามารถสร้างยอดขายได้เติบโตถึง 100% ดังนั้นยอดขายทั้งปีน่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้เติบโต 20% หรือมียอดขาย 5,500 ล้านบาท จากปีที่แล้วมียอดขาย 4,500 ล้านบาท มีอัตราเติบโต 20%
*****
ออก 16/4/55
ซีพีเอฟวาดแผนธุรกิจ5ดาวภายใน5ปีมีสาขาครบ1หมื่นสาขาในไทยและอาเซียน เน้นเปิดแฟรนไชส์100%ประเดิมปีนี้เปิด800สาขามุ่งไก่ทอด ข้าวมันไก่ให้ครอบคลุมทุกอำเภอ คาดยอดขาย5.5พันล้าน
นายสถิต สังขนฤบดี รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธุรกิจ 5 ดาว บริษัท ซีพีเอฟ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทได้วางนโยบายของธุรกิจ 5 ดาวในระยะเวลา 5 ปีจากนี้จะมีจำนวนร้านสาขาให้ได้ 10,000 สาขาทั้งในประเทศไทยและประเทศในแถบอาเซียน โดยทั้งหมดจะเป็นรูปแบบการขยายสาขาผ่านระบบแฟรนไชส์ 100% เพื่อส่งเสริมให้มีธุรกิจเป็นของตนเอง และสร้างรายได้อย่างมั่นคง จากปัจจุบันในไทยมีจำนวนสาขาที่ 4,700 สาขา แบ่งเป็น ไก่ย่าง 5 ดาว 2,300 สาขา ไก่ทอด 1,400 สาขา ข้าวมันไก่ 700 สาขา และบะหมี่เกี๊ยวกุ้ง 200 สาขา ซึ่งทั้งหมดเป็นสาขาของแฟรนไชส์
ขณะที่ตลาดในอาเซียนได้เข้าไปขยายตลาดเมื่อ 3 ปีที่แล้วที่ประเทศลาว เขมร และเวียดนาม มีสาขาประมาณ 300 สาขา และเริ่มต้นด้วยธุรกิจร้านไก่ย่าง และไก่ทอด 5 ดาวก่อน โดยในช่วงเริ่มต้นบริษัทได้เข้ามาลงทุนเอง แต่ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างปรับรูปแบบให้เป็นแฟรนไชส์ทั้งหมด และได้เริ่มที่ประเทศเขมรแล้ว คาดว่าจะใช้ระยะเวลา 2 ปีจะปรับทั้งหมดให้เป็นร้านสาขาของแฟรนไชส์ เนื่องจากมองว่าตลาดในอาเซียนมีศักยภาพอย่างมากด้วยจำนวนประชากรที่มีอยู่ และค่าแรงงานที่ต่ำกว่าไทย ประกอบกับโอกาสที่เห็นว่าคนในประเทศนั้นๆ ต้องการมีธุรกิจของตนเอง พร้อมกันนี้หลังจากเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี ทำให้ภาษีเหลือ 0% ส่งผลดีต่อการขยายธุรกิจได้ดียิ่งขึ้น
สำหรับในปีนี้วางแผนที่จะขยายธุรกิจห้าดาวเข้าไปยังประเทศพม่า บังคลาเทศและอินเดีย ซึ่งในช่วงแรกจะเข้าไปสร้างตลาดเองก่อน หลังจากนั้นจะปรับเป็นแฟรนไชส์ให้เป็นไปตามนโยบายของบริษัท ส่วนตลาดในไทยปีนี้วางแผนจะเปิดให้ได้ 800 สาขาเป็นของแฟรนไชส์ทั้งหมด โดยจะให้ความสำคัญกับไก่ทอดและข้าวมันไก่จะเปิดทั้งหมด 500 สาขา ที่เหลือจะเป็นไก่ย่างและบะหมี่เกี๊ยวกุ้ง เนื่องจากไก่ทอดและข้าวมันไก่มีจำหน่ายในทุกจังหวัดแต่ยังไม่ครอบคลุมทุกอำเภอ ขณะที่ไก่ย่างมีครอบคลุมทุกจังหวัดและเกือบทุกอำเภอทั่วประเทศแล้ว ส่วนร้านบะหมี่เกี๊ยวกุ้งได้รับการตอบรับที่ดี แต่ยังเติบโตได้ไม่เท่ากับร้านข้าวมันไก่
นายสถิต กล่าวว่า ยอดขายของธุรกิจห้าดาวในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้มีอัตราเติบโต 15% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และคาดว่าในช่วงไตรมาสที่ 2 ยอดขายจะเติบโตดีต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสงกรานต์จะเป็นช่วงที่สร้างยอดขายได้ดี โดยสามารถสร้างยอดขายได้เติบโตถึง 100% ดังนั้นยอดขายทั้งปีน่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้เติบโต 20% หรือมียอดขาย 5,500 ล้านบาท จากปีที่แล้วมียอดขาย 4,500 ล้านบาท มีอัตราเติบโต 20%
นายสถิต สังขนฤบดี รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธุรกิจ 5 ดาว บริษัท ซีพีเอฟ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯวางเป้าหมายระยะยาวจากนี้ 5 ปี จะต้องขยายธุรกิจร้านเครือข่ายของ 5ดาว ด้วยรูปแบบการขายแฟรนไชส์ให้กับผู้ที่สนใจให้ครบ 10,000 สาขา รวมทั้งในประเทศและต่างประเทศย่านอาเซียน หรือต้องเพิ่มอีก 5,000 สาขาโดยรวม
ตลาดอาเซียนมีศักยภาพมาก เพราะจำนวนประชากรที่มีอยู่จำนวนมาก และค่าแรงงานก็ต่ำกว่าไทย และคนในประเทศนั้นๆต้องการมีธุรกิจของตนเอง ผนวกกับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี ในปี 2558 จะทำให้ภาษีเหลือ 0% ส่งผลดีต่อการขยายธุรกิจได้ดียิ่งขึ้นด้วย
ปัจจุบันบริษัทฯมีร้านธุรกิจ 5ดาว จำนวนประมาณ 5,000 สาขาแล้ว โดยแบ่งเป็นร้านสาขาในไทยประมาณ 4,700 สาขา แบ่งเป็น ร้านไก่ย่าง5ดาว จำนวน 2,300 สาขา ร้านไก่ทอด5ดาว 1,400 สาขา ร้านข้าวมันไก่5ดาว จำนวน 700 สาขา และร้านบะหมี่เกี๊ยวกุ้ง5ดาว จำนวน 200 สาขา ทั้งหมดเป็นรูปแบบแฟรนไชส์
ส่วนสาขาในต่างประเทศในอาเซียนมีประมาณ 300 สาขาแล้ว หลังจากที่เริ่มขยายเข้าไป 3 ปีที่ผ่านมา ที่ลาว เขมร และเวียดนาม อย่างไรก็ตาม ในต่างประเทศขณะนี้ ยังคงเป็นสาขาที่บริษัทฯลงทุนเองตั้งแต่แรก แต่ขณะนี้เริ่มทยอยปรับรูปแบบเพื่อให้เป็นแฟรนไชส์ทั้งหมด เริ่มที่ประเทศเขมร คาดว่าอีก 2 ปีจะเป็นแฟรนไชส์หมดทุกประเทศ
นายสถิตกล่าวต่อว่า แผนธุรกิจในไทยปีนี้วางแผนจะเปิดสาขาของแฟรนไชส์ทั้งหมดให้ได้ 800 สาขา โดยเน้นไปที่การเปิดร้านไก่ทอดและข้าวมันไก่ จำนวน 500 สาขา เนื่องจากไก่ทอดและข้าวมันไก่มีจำหน่ายในทุกจังหวัดแต่ยังไม่ครอบคลุมทุกอำเภอ ขณะที่ไก่ย่างมีครอบคลุมทุกจังหวัดและเกือบทุกอำเภอทั่วประเทศแล้ว ส่วนที่เหลือจะเป็นร้านไก่ย่างและร่านบะหมี่เกี๊ยวกุ้ง ส่วนร้านบะหมี่เกี๊ยวกุ้งได้รับการตอบรับที่ดี แต่ยังเติบโตได้ไม่เท่ากับร้านข้าวมันไก่
ด้านตลาดต่างประเทศเตรียมที่จะขยายธุรกิจห้าดาวเข้าไปยังประเทศพม่า บังคลาเทศและอินเดีย โดยช่วงแรกจะทำการลงทุนเองก่อน หลังจากนั้นจะปรับเป็นรูปแบบแฟรนไชส์
สำหรับผลประกอบการของธุรกิจ5ดาวในช่วงไตรมาสแรกปีนี้ นายสถิตกล่าวว่า ยอดขายเติบโต 15% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้ว และคาดว่าในช่วงไตรมาสที่ 2 ยอดขายจะเติบโตดีต่อเนื่อง เนื่องจากมีช่วงเทศกาลสงกรานต์ด้วย ซึ่งถือเป็นหน้าขายที่สำคัญด้วย โดยสามารถสร้างยอดขายได้เติบโตถึง 100% ส่วนยอดขายทั้งปีคาดว่า จะมียอดขาย 5,500 ล้านบาท เติบโต 20% เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ เพิ่มจากปีที่แล้วมียอดขาย 4,500 ล้านบาท เติบโต 20%
******************
ส่วนตลาดในไทยปีนี้วางแผนจะเปิดให้ได้ 800 สาขาเป็นของแฟรนไชส์ทั้งหมด โดยจะให้ความสำคัญกับไก่ทอดและข้าวมันไก่จะเปิดทั้งหมด 500 สาขา ที่เหลือจะเป็นไก่ย่างและบะหมี่เกี๊ยวกุ้ง เนื่องจากไก่ทอดและข้าวมันไก่มีจำหน่ายในทุกจังหวัดแต่ยังไม่ครอบคลุมทุกอำเภอ ขณะที่ไก่ย่างมีครอบคลุมทุกจังหวัดและเกือบทุกอำเภอทั่วประเทศแล้ว ส่วนร้านบะหมี่เกี๊ยวกุ้งได้รับการตอบรับที่ดี แต่ยังเติบโตได้ไม่เท่ากับร้านข้าวมันไก่
*************
บริษัทได้วางนโยบายของธุรกิจ 5 ดาวในระยะเวลา 5 ปีจากนี้จะมีจำนวนร้านสาขาให้ได้ 10,000 สาขาทั้งในประเทศไทยและประเทศในแถบอาเซียน โดยทั้งหมดจะเป็นรูปแบบการขยายสาขาผ่านระบบแฟรนไชส์ 100% เพื่อส่งเสริมให้มีธุรกิจเป็นของตนเอง และสร้างรายได้อย่างมั่นคง จากปัจจุบันในไทยมีจำนวนสาขาที่ 4,700 สาขา แบ่งเป็น ไก่ย่าง 5 ดาว 2,300 สาขา ไก่ทอด 1,400 สาขา ข้าวมันไก่ 700 สาขา และบะหมี่เกี๊ยวกุ้ง 200 สาขา ซึ่งทั้งหมดเป็นสาขาของแฟรนไชส์
ขณะที่ตลาดในอาเซียนได้เข้าไปขยายตลาดเมื่อ 3 ปีที่แล้วที่ประเทศลาว เขมร และเวียดนาม มีสาขาประมาณ 300 สาขา และเริ่มต้นด้วยธุรกิจร้านไก่ย่าง และไก่ทอด 5 ดาวก่อน โดยในช่วงเริ่มต้นบริษัทได้เข้ามาลงทุนเอง แต่ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างปรับรูปแบบให้เป็นแฟรนไชส์ทั้งหมด และได้เริ่มที่ประเทศเขมรแล้ว คาดว่าจะใช้ระยะเวลา 2 ปีจะปรับทั้งหมดให้เป็นร้านสาขาของแฟรนไชส์ เนื่องจากมองว่าตลาดในอาเซียนมีศักยภาพอย่างมากด้วยจำนวนประชากรที่มีอยู่ และค่าแรงงานที่ต่ำกว่าไทย ประกอบกับโอกาสที่เห็นว่าคนในประเทศนั้นๆ ต้องการมีธุรกิจของตนเอง พร้อมกันนี้หลังจากเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี ทำให้ภาษีเหลือ 0% ส่งผลดีต่อการขยายธุรกิจได้ดียิ่งขึ้น
สำหรับในปีนี้วางแผนที่จะขยายธุรกิจห้าดาวเข้าไปยังประเทศพม่า บังคลาเทศและอินเดีย ซึ่งในช่วงแรกจะเข้าไปสร้างตลาดเองก่อน หลังจากนั้นจะปรับเป็นแฟรนไชส์ให้เป็นไปตามนโยบายของบริษัท ส่วนตลาดในไทยปีนี้วางแผนจะเปิดให้ได้ 800 สาขาเป็นของแฟรนไชส์ทั้งหมด โดยจะให้ความสำคัญกับไก่ทอดและข้าวมันไก่จะเปิดทั้งหมด 500 สาขา ที่เหลือจะเป็นไก่ย่างและบะหมี่เกี๊ยวกุ้ง เนื่องจากไก่ทอดและข้าวมันไก่มีจำหน่ายในทุกจังหวัดแต่ยังไม่ครอบคลุมทุกอำเภอ ขณะที่ไก่ย่างมีครอบคลุมทุกจังหวัดและเกือบทุกอำเภอทั่วประเทศแล้ว ส่วนร้านบะหมี่เกี๊ยวกุ้งได้รับการตอบรับที่ดี แต่ยังเติบโตได้ไม่เท่ากับร้านข้าวมันไก่
นายสถิต กล่าวว่า ยอดขายของธุรกิจห้าดาวในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้มีอัตราเติบโต 15% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และคาดว่าในช่วงไตรมาสที่ 2 ยอดขายจะเติบโตดีต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสงกรานต์จะเป็นช่วงที่สร้างยอดขายได้ดี โดยสามารถสร้างยอดขายได้เติบโตถึง 100% ดังนั้นยอดขายทั้งปีน่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้เติบโต 20% หรือมียอดขาย 5,500 ล้านบาท จากปีที่แล้วมียอดขาย 4,500 ล้านบาท มีอัตราเติบโต 20%
*****
ออก 16/4/55
ซีพีเอฟวาดแผนธุรกิจ5ดาวภายใน5ปีมีสาขาครบ1หมื่นสาขาในไทยและอาเซียน เน้นเปิดแฟรนไชส์100%ประเดิมปีนี้เปิด800สาขามุ่งไก่ทอด ข้าวมันไก่ให้ครอบคลุมทุกอำเภอ คาดยอดขาย5.5พันล้าน
นายสถิต สังขนฤบดี รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธุรกิจ 5 ดาว บริษัท ซีพีเอฟ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทได้วางนโยบายของธุรกิจ 5 ดาวในระยะเวลา 5 ปีจากนี้จะมีจำนวนร้านสาขาให้ได้ 10,000 สาขาทั้งในประเทศไทยและประเทศในแถบอาเซียน โดยทั้งหมดจะเป็นรูปแบบการขยายสาขาผ่านระบบแฟรนไชส์ 100% เพื่อส่งเสริมให้มีธุรกิจเป็นของตนเอง และสร้างรายได้อย่างมั่นคง จากปัจจุบันในไทยมีจำนวนสาขาที่ 4,700 สาขา แบ่งเป็น ไก่ย่าง 5 ดาว 2,300 สาขา ไก่ทอด 1,400 สาขา ข้าวมันไก่ 700 สาขา และบะหมี่เกี๊ยวกุ้ง 200 สาขา ซึ่งทั้งหมดเป็นสาขาของแฟรนไชส์
ขณะที่ตลาดในอาเซียนได้เข้าไปขยายตลาดเมื่อ 3 ปีที่แล้วที่ประเทศลาว เขมร และเวียดนาม มีสาขาประมาณ 300 สาขา และเริ่มต้นด้วยธุรกิจร้านไก่ย่าง และไก่ทอด 5 ดาวก่อน โดยในช่วงเริ่มต้นบริษัทได้เข้ามาลงทุนเอง แต่ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างปรับรูปแบบให้เป็นแฟรนไชส์ทั้งหมด และได้เริ่มที่ประเทศเขมรแล้ว คาดว่าจะใช้ระยะเวลา 2 ปีจะปรับทั้งหมดให้เป็นร้านสาขาของแฟรนไชส์ เนื่องจากมองว่าตลาดในอาเซียนมีศักยภาพอย่างมากด้วยจำนวนประชากรที่มีอยู่ และค่าแรงงานที่ต่ำกว่าไทย ประกอบกับโอกาสที่เห็นว่าคนในประเทศนั้นๆ ต้องการมีธุรกิจของตนเอง พร้อมกันนี้หลังจากเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี ทำให้ภาษีเหลือ 0% ส่งผลดีต่อการขยายธุรกิจได้ดียิ่งขึ้น
สำหรับในปีนี้วางแผนที่จะขยายธุรกิจห้าดาวเข้าไปยังประเทศพม่า บังคลาเทศและอินเดีย ซึ่งในช่วงแรกจะเข้าไปสร้างตลาดเองก่อน หลังจากนั้นจะปรับเป็นแฟรนไชส์ให้เป็นไปตามนโยบายของบริษัท ส่วนตลาดในไทยปีนี้วางแผนจะเปิดให้ได้ 800 สาขาเป็นของแฟรนไชส์ทั้งหมด โดยจะให้ความสำคัญกับไก่ทอดและข้าวมันไก่จะเปิดทั้งหมด 500 สาขา ที่เหลือจะเป็นไก่ย่างและบะหมี่เกี๊ยวกุ้ง เนื่องจากไก่ทอดและข้าวมันไก่มีจำหน่ายในทุกจังหวัดแต่ยังไม่ครอบคลุมทุกอำเภอ ขณะที่ไก่ย่างมีครอบคลุมทุกจังหวัดและเกือบทุกอำเภอทั่วประเทศแล้ว ส่วนร้านบะหมี่เกี๊ยวกุ้งได้รับการตอบรับที่ดี แต่ยังเติบโตได้ไม่เท่ากับร้านข้าวมันไก่
นายสถิต กล่าวว่า ยอดขายของธุรกิจห้าดาวในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้มีอัตราเติบโต 15% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และคาดว่าในช่วงไตรมาสที่ 2 ยอดขายจะเติบโตดีต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสงกรานต์จะเป็นช่วงที่สร้างยอดขายได้ดี โดยสามารถสร้างยอดขายได้เติบโตถึง 100% ดังนั้นยอดขายทั้งปีน่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้เติบโต 20% หรือมียอดขาย 5,500 ล้านบาท จากปีที่แล้วมียอดขาย 4,500 ล้านบาท มีอัตราเติบโต 20%
