xs
xsm
sm
md
lg

"ปู"หนีคำถาม แม้วกลับไทยปีนี้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน- "แม้ว" นั่งเครื่องบินส่วนตัวเข้าพนมเปญ เยี่ยมอาการป่วยของบิดาสมเด็จฮุนเซน หลังกินมือเช้าร่วมกับ ส.ส.แกนนำแดง "ยุทธ ตู้เย็น" ส่งสัญญาณถึงรัฐบาล ต้องมีกฎหมายรองรับก่อน "แม้ว" กลับไทย "ปู" หนีคำถาม "แม้ว" กลับไทยปีนี้ ด้าน ปชป.จับตาแผนหักดิบ ออก พ.ร.ก.นิรโทษฯ จี้หยุดพาดพิงสถาบันฯ แนะ "ปู" ทำ 5 ข้อ หากต้องการสร้างความปรองดอง อดีต ผบ.สส. เชื่อทหารไม่อยากปฏิวัติ

ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในกัมพูชาว่า เมื่อเวลา 08.45 น. วานนี้ (16 เม.ย.) พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ร่วมรับประทานอาหารเช้า กับแกนนำและ ส.ส.พรรคเพื่อไทย รวมทั้งแกนนำคนเสื้อแดง อาทิ นายพายัพ ชินวัตร นายยงยุทธ ติยะไพรัช น.ส.สุณีย์ เหลืองวิจิตร นายนิสิต สินธุไพร นายอารี ไกรนรา เลขานุการ รมช.เกษตรฯ ก่อนจะเดินทางออกจากเมืองเสียมราฐ ด้วยเครื่องบินส่วนตัวต่อไปยังกรุงพนมเปญ เพื่อเยี่ยมอาการป่วยของบิดา สมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา โดยยกเลิกกำหนดการก่อนหน้านี้ ที่จะเดินชมตลาดเช้าในเมืองเสียมราฐ เนื่องจากมีข้อจำกัดในเรื่องการรักษาความปลอดภัย

อย่างไรก็ตาม หลังรับประทานอาหาร พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ใช้เวลาทักทายผู้สนับสนุนซึ่งยังคงมีคนเสื้อแดง และส.ส.เข้ามาขอถ่ายภาพคู่จำนวนมาก ทั้งนี้ มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ได้โชว์รำวงเพลงลอยกระทง พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ควักธนบัตรแบงก์พันปึกใหญ่ มอบให้เป็นรางวัล

ขณะที่ด้านหน้าโรงแรมที่พัก คนเสื้อแดงกลุ่มใหญ่มารอส่งถึงรถ พร้อมตะโกน ทักษิณ สู้ๆ จนกระทั่งพ.ต.ท.ทักษิณ ออกจากโรงแรมไป จึงแยกย้ายกันเดินทางกลับ ทำให้บรรยากาศภายในโรงแรมเงียบเหงาลงไปทันที

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดเวลา 3 วันที่ พ.ต.ท.ทักษิณ พำนักอยู่ในกัมพูชา เพื่อร่วมกิจกรรมกับส.ส.เพื่อไทย และคนเสื้อแดง เนื่องในเทศกาลสงกรานต์ ได้ใช้โอกาสในช่วงเวลาว่าง หลังจากพบปะกับบุคลสำคัญของกัมพูชาแล้ว ในช่วงรับประทานอาหารค่ำ พ.ต.ท.ทักษิณ จะเลือกเพลงโปรดมาขับกล่อม ร่วมเต้นรำกันเป็นที่สนุกสนาน ครื้นเครง

**ต้องมี กม.รองรับ"แม้ว"กลับไทย

นายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน กล่าวถึง กรณี พ.ต.ท.ทักษิณ แสดงความมั่นใจว่ามีสิ่งบอกเหตุที่จะได้กลับประเทศไทยในปีนี้ว่า การกลับบ้านในความหมายของพ.ต.ท.ทักษิณ ต้องแยกเป็น 2 เรื่อง คือ การได้รับความยุติธรรมกลับคืนมา และความหมายที่แท้จริงคือ การปลดเปลื้องพันธนาการที่ถูกกระทำหลังจากที่มีรัฐประหาร ซึ่งจะต้องมีการปลดปล่อยทางข้อกฎหมาย

ทั้งนี้ คดีของพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ใช่คดีในลักษณะอาญากรรม ไม่ได้มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจให้เสียหาย แต่เป็นเรื่องของการเมืองที่เชื่อมโยงกับกฎหมาย ซึ่งในสายตาของประชาคมโลก พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้เป็นอย่างที่ฝ่ายตรงข้ามกล่าวหา ทำให้มีเสรีภาพในต่างประเทศ

อย่างไรก็ตาม การเคลื่อนไหวของพ.ต.ท.ทักษิณ ครั้งนี้ไม่ใช่เป็นการกดดันน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้รีบออกกฎหมายนิรโทษกรรม แต่อย่างใด

เมื่อถามว่าในเรื่องของการปรองดองได้พูดคุยกับ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธานกมธ.ปรองดองฯ บ้างหรือไม่ นายยงยุทธ กล่าวว่า ไม่คุย ไม่อยากคุย และตนรับไม่ได้กับคนที่กลับไปกลับมา พล.อ.สนธิ ต้องออกมาขอโทษประชาชน เพราะจนถึงวันนี้ ยังไม่ได้ขอโทษ

เมื่อถามว่า การปรองดองจะทำให้เสียมวลชนหรือไม่ เพราะคนบางส่วนก็สูญเสียคนในครอบครัว นายยงยุทธกล่าวว่า ไม่เสีย เพราะปรองดองในระยะยาว เป็นผลดีต่อประเทศ แต่ถ้าใครคิดว่านี่เป็นความเน่าเสีย คนนั้นก็เป็นคนเห็นแก่ตัว

" การปรองดองไม่ได้หมายความว่า คนที่ทำผิดจะไม่ต้องถูกลงโทษ ขอขีดเส้นใต้คำนี้ไว้ได้เลยว่า คนที่ทำผิด ต้องถูกลงโทษ หากสังคมได้เห็นว่าคนที่ถูกกล่าวโทษ และถูกลงโทษแล้วจะมีการให้อภัย ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งการปรองดองจะเกิดได้ ต้องประกอบทั้งข้อกฎหมายและดูว่าอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อการพูดคุย ให้อภัย และส่งเสริมความสมานฉันท์ และต้องเกิดจากการมีกลไกพูดคุยเจรจา" นายยงยุทธ กล่าว

**"ปู"หนีคำถาม"แม้ว"กลับไทยปีนี้

ด้านน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีความคืบหน้าโครงการต่างๆของรัฐบาลที่หาเสียงไว้ โดยพบว่าโครงการต่างๆ มีความคืบหน้าเพียงร้อยละยี่สิบเท่านั้นว่า หากดูจากนโยบายหลายๆ อย่างจะพบว่าได้มีการออกนโยบายไปหลายนโยบายแล้ว เช่น รับจำนำข้าว นั้นก็ดำเนินการไปแล้ว และกำลังจะเข้าสู่เฟสที่ 2 แต่ขั้นตอนการทำงานนั้นต้องปรับปรุงให้ดีขึ้น นโยบายเบี้ยผู้สูงอายุ ก็ปรับขึ้นตามระดับขั้นบันไดไปแล้ว ตั้งแต่เดือนส.ค.ปีที่แล้ว ค่าแรง 300 บาท และเงินเดือนปริญญาตรี 15,000 บาทนั้นก็ดำเนินการแล้ว แต่บางโครงการอาจใช้เวลา เช่น บัตรเครดิตเกษตรกร ที่ต้องใช้เวลา และพัฒนาระบบ ทั้งนี้ในเบื้องต้นที่ได้จัดทำแผนงบประมาณสิ่งที่พบคือ การเชื่อมโยงข้อมูลของส่วนราชการ ฉะนั้นต้องปรับปรุง และจึงขอเวลา ขอเรียนว่านโยบายส่วนใหญ่ที่แถลงต่อรัฐสภาทุกหน่วยงานรับไปดำเนินการแล้ว

ผู้สื่อข่าวหลายคน พยายามสอบถามเรื่องนโยบายปรองดองหลังจากที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้พูดถึงเรื่องนี้ระหว่างที่อยู่ใน สปป.ลาว และกัมพูชา ช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา โดยระบุว่าจะกลับไทยได้ภายในปีนี้ เพราะเป็นปีมหามงคล แต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ตอบคำถาม และเดินฝ่าวงล้อมสื่อมวลชนขึ้นรถประจำตำแหน่ง ออกจากทำเนียบรัฐบาลไปทันที

พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร บอกจะกลับประเทศไทยภายในปีนี้ว่า เป็นเรื่องส่วนตัวที่ท่านจะว่าไป ตนไม่ขอวิเคราะห์ เพราะอาจจะทำให้เรื่องยาว

ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่ พ.ต.ท.ทักษิณระบุจะกลับบ้านนั้น สามารถทำให้ปรองดองได้ หรือไม่ พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า ตนพูดหลายครั้งแล้ว เรื่องปรองดองไม่มีปัญหา และอยู่ที่ว่าคนจะทำหรือไม่ทำเท่านั้น เมื่อซักต่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุให้เริ่มต้นกระบวนการยุติธรรม มีความเป็นไปได้หรือไม่ พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า เรื่องนี้ตนตอบไม่ได้ เพราะอยู่ที่บทบาทกระบวนการยุติธรรม มันเป็นเพียงความคิด ได้แต่ฟังไปว่าอย่างไร คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรทำได้ก็ทำ

ส่วนการที่นักวิชาการมองว่า ความเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณจะไม่สามารถทำให้เรื่องปรองดองเกิดขึ้นได้นั้น รมว.กลาโหม กล่าวว่า ถ้าคนอื่นมีสิทธิเคลื่อนไหว เขาก็มีสิทธิเคลื่อนไหว เราก็ได้แต่ฟังว่าเป็นอย่างไรเท่านั้นเอง และดูว่าอยู่ในขอบเขตหรือไม่ เพราะ การห้ามไม่ให้เคลื่อนไหวก็จะเท่ากับการจำกัดสิทธิ และต้องปล่อยไป เมื่อถามถึงการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุเคยถูกลอบสังหาร นั้นจะมีมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างไร รมว.กลาโหม กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ตนเชื่อว่ามีการลอบสังหารจริง แต่ปัจจุบันไม่ทราบ ส่วนการรักษาความปลอดภัย ก็ต้องทำต่อไป

** อ้าง"แม้ว"ช่วยสร้างอาเซียนเข้มแข็ง

ด้านนายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะกรรมการธิการการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า การที่ประเทศกัมพูชาเปิดพื้นที่ให้คนเสื้อแดงได้เข้ามาทำกิจกรรมร่วมงานสงกรานต์กับพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่เกี่ยวกับปัญหาที่เกรงกันว่าจะเป็นการเปิดช่องให้ทางกัมพูชาเข้ามาแทรกแซงการเมืองภายในของไทย

"วันนี้เรากำลังพูดถึงการสร้างประชาคมอาเซียน ซึ่งต้องอาศัยความสัมพันธ์อันดีของประชาชน และพลเมืองของแต่ละประเทศ และการจัดกิจกรรมของคนเสื้อแดงครั้งนี้ ชาวกัมพูชารู้สึกดี เพราะมีการกระตุ้นเศรษฐกิจ การค้าให้ดีขึ้น ขณะที่ชาวไทยที่มาก็มีความรู้สึกที่ดีต่อชาวกัมพูชา ดังนั้นสิ่งที่เป็นผลมาจากคนกลุ่มหนึ่ง ที่สร้างลัทธิคลั่งชาติ โดยใช้สื่อที่ตัวเองควบคุมปลุกกระแสสงคราม จะไม่มีทางเกิดขึ้นอีก การค้าขายตามแนวชายแดน ก็จะดีขึ้น ส่วนกองทัพคงจะขับเคลื่อนตามมติของมหาชน" นายสุนัย กล่าว

**ปชป.เชื่อมีหักดิบออกพ.ร.ก.นิรโทษ

นายถาวร เสนเนียม รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวว่า รัฐบาลมีความพยายามจะช่วยเหลือพ.ต.ท.ทักษิณ ให้ได้กลับประเทศโดยไม่ต้องรับโทษ สอดรับกับช่วงเวลาที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ประกาศไว้ ถือเป็นการกระทำไม่ถูกต้อง มุ่งใช้เสียงข้างมากเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง และพวกพ้อง

ทั้งนี้เชื่อว่าที่สุดรัฐบาลและพรรคเพื่อไทย จะผลักดัน พ.ร.ก.นิรโทษกรรม เพื่อความรวดเร็วแทนการออก พ.ร.บ. โดยอาศัยมติครม. แล้วนำเสนอให้ที่ประชุมสภาได้รับทราบในภายหลัง

**แนะ"ปู"ทำ 5 ข้อเพื่อปรองดอง

นายสกลธี ภัททิยกุล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ปราศรัยต่อคนเสื้อแดงที่ประเทศกัมพูชา และให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อมวลชน แสดงให้เห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ยังไม่มีความสำนึกผิดใดๆ และกล่าวโทษคนอื่นตลอดเวลาถึงชะตากรรมที่ตนเองต้องประสบอยู่

นอกจากนี้ ยังเชื่อมโยงการปรองดอง เพื่อล้างผิดของตนเองกับปีมหามงคลนั้นก็มิบังควรเป็นอย่างยิ่ง ไม่ควรดึงเอาสถาบันฯ ที่คนไทยเคารพและเทิดทูนมาปะปน จึงอยากเตือนพ.ต.ท.ทักษิณว่า อย่าย่ามใจ คิดว่าน้องสาวเป็นนายกรัฐมนตรีคุมรัฐบาลได้ และมีเสียงส.ส.ในมือเกินครึ่งของสภาแล้วจะทำอะไรปู้ยี่ปู้ยำประเทศโดยไม่เกรงใจคนไทย การออกมาประกาศจะกลับประเทศภายในปีนี้ ก็ดี ออกโชว์ตัววนเวียนแสดงพลังอยู่รอบประเทศเพื่อนบ้านก็ดี การแก้รัฐธรรมนูญเพื่อตัวเองและพวกพ้องรวมถึงเร่งนิรโทษกรรมเพื่อล้างผิดให้ตนเอง ล้วนแล้วแต่จะเป็นชนวนให้เกิดความขัดแย้งขึ้นในประเทศทั้งสิ้น

" อย่าลืมว่าเมื่อปี 2549 ใครจะไปนึกว่า พ.ต.ท.ทักษิณและพรรคไทยรักไทย ที่กุมอำนาจเกือบทั้งหมดของประเทศจะพบจุดจบได้ หนังม้วนเดิมก็อาจจะกลับมาฉายซ้ำก็ได้ ถ้าพ.ต.ท.ทักษิณเป็นคนที่กตัญญูจริงตามอย่างที่ได้ปราศรัยไว้ ก็ขอให้พ.ต.ท.ทักษิณ กตัญญูต่อแผ่นดินเกิด รู้จัก ลด ละ เลิก บ้านเมืองก็จะปรองดองได้อย่างแท้จริง ขอให้สงสารน้องสาวของท่านจริงๆ การที่พ.ต.ท.ทักษิณ อ้างว่ามีคนเคลื่อนไหวเยอะ อยากให้หยุดทำให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ทำงานลำบาก ก็เห็นจะมีแต่พ.ต.ท.ทักษิณนี่แหละ ที่เคลื่อนไหวประชาสัมพันธ์ตัวเองอย่างต่อเนื่องบดบังความสง่างาม และตอกย้ำการไร้ภาวะผู้นำของน้องสาว จนไม่รู้ว่าใครเป็นนายกรัฐมนตรีกันแน่" นายสกลธี กล่าว

อย่างไรก็ตาม เพื่อให้บ้านเมืองปรองดอง และเดินไปได้อย่างแท้จริงขอเรียกร้องไปยังน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พ.ต.ท.ทักษิณ และพรรคเพื่อไทย แค่ 5 ข้อง่ายๆ

1.ให้ พ.ต.ท.ทักษิณยอมรับคำพิพากษาของศาลฎีกา และเลิกกล่าวโจมตีกระบวนการยุติธรรมของประเทศ
2. พรรคเพื่อไทยต้องเลิกทำตัวเป็นเผด็จการรัฐสภา ใช้เสียงข้างมากลากไปอย่างเร่งรีบ ลุกลี้ลุกลน ทั้งในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรม ที่ทำให้ประชาชนและสังคมไม่สบายใจ
3. ต้องเลิกแบ่งแยกประชาชนและปลุกระดมคนเสื้อแดง รวมถึงการตั้งหมู่บ้านเสื้อแดงเพื่อหวังผลอะไรก็แล้วแต่ โดยต้องทำให้ประเทศไทยมีเพียงสีเดียวไม่แตกแยก

4. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องแสดงภาวะผู้นำในฐานะนายกรัฐมนตรีของคนไทยทั้งประเทศ มิใช่ในฐานะน้องสาวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ใช่ปากอ้างว่าไม่รู้ไม่เห็น แต่ปล่อยให้รัฐบาลและพรรคเพื่อไทย เดินเครื่องช่วย พ.ต.ท.ทักษิณอย่างเต็มที่ ต้องเอาประโยชน์ของประเทศเป็นที่ตั้ง
5. สำคัญที่สุดคือ พ.ต.ท.ทักษิณต้องเลิกอาฆาตพยาบาท ผูกใจเจ็บ และหยุดทำให้ประเทศแตกแยกเสียที

** เร่งนิรโทษโหมไฟขัดแย้ง

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองหลังเทศกาลสงกรานต์ว่า จะเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับรัฐบาล หากรัฐบาลไม่เป็นตัวเร่ง เป็นชนวนก่อให้เกิดสถานการณ์ความขัดแย้ง ก็คงจะไม่น่ามีปัญหาอะไร แต่จะสังเกตเห็นว่า ประเด็นที่เป็นชนวนความขัดแย้ง และอาจจะนำมาสู่ความแตกแยกรุนแรงหรือวิกฤติรอบใหม่ ต่างเริ่มต้นมาจากรัฐบาลทั้งสิ้น ส่วนรัฐบาลจะไปรับใบสั่งใครมา ตนคิดว่าเป็นที่เข้าใจกันอยู่แล้ว โดยเฉพาะประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็ทำให้เชื่อว่าสนองตอบส่วนตัวบุคคลมากกว่าประโยชน์ของส่วนรวม อีกทั้งยังมีความเคลื่อนไหวจะออกกฎหมายนิรโทษกรรม โดยใช้คณะกรรมาธิการปรองดองบังหน้า ซึ่งสิ่งเหล่านี้ อาจจะเป็นชนวน หากรัฐบาลเริ่มดำเนินการออกกฎหมายนิรโทษกรรมเมื่อไร ปมความขัดแย้งก็เริ่มปะทุขึ้นเมื่อนั้น เพราะมีสัญญาณประกาศกันออกมาแล้วจากบางกลุ่ม หากออกกฎหมายนิรโทษกรรม ก็จะออกมาชุมนุม

"ที่เห็นได้ชัดคือ มีความพยายามนำรายงานของคณะกรรมาธิการปรองดองบางส่วนมาเป็นข้ออ้างในการออกกฎหมายนิรโทษกรรม นำไปสู่การล้างผิด เพราะฉะนั้นตรงนี้ จะชี้ให้เห็นชัดเจน ส่วนจะทำเมื่อไร ผมคิดว่ารัฐบาลประเมินอยู่ แต่มีเป้าหมายเพื่อรับจ็อบแน่นอน เหมือนกับมาเป็นรัฐบาลเพราะมีสัญญาข้อผูกพันให้สำเร็จ ดังนั้นตอบล่วงหน้าไม่ได้ว่า สถานการณ์จะพัฒนาตัวเอง หรือขยายวงไปมากน้อยแค่ไหน แต่หลายฝ่ายที่มีความรู้ความเข้าใจเรื่องการเมือง และศึกษาการเมืองมานาน ก็วิเคราะห์ไม่ต่างกันว่า ถ้ารัฐบาลดึงดันใช้เสียงข้างมากในการที่จะทำทุกอย่างเพื่อคนๆ เดียวให้ได้ ที่สุดจะกลายเป็นประเด็นขั้ดแย้งรอบใหม่ของประเทศ ซึ่งรัฐบาลสามารถที่จะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะหลีกเลี่ยงได้ และทั้งหมดที่คนสงสัย ไม่ใช่จินตนาการ แต่มีการเริ่มดำเนินการแล้วจริง ๆ "นายจุรินทร์ กล่าว และย้ำว่า การที่รัฐบาลโยนให้สภาเป็นผู้ดำเนินการจะช่วยลดความขัดแย้งรุนแรงหรือไม่ นั้นรัฐบาลไม่สามารถที่จะปัดความรับผิดชอบได้ เพราะมีเสียงข้างมากในสภา และคิดว่ารัฐบาลยังเดินหน้าหาทางออกกฎหมายดังกล่าว เพราะ "ใบสั่ง" ยังไม่ได้สั่งให้หยุด

ส่วนกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ประกาศจะกลับประเทศไทยในปีนี้ นายจุรินทร์ กล่าวว่า ไม่มีใครห้ามกลับ เพียงแต่มีกระบวนการยุติธรรมที่จะต้องดำเนินการตามขั้นตอน ไม่ใช่มาแบบ "ล้างผิด" เสร็จแล้ว หรือมาแบบ "เท่" ซึ่งหากกลับมาแบบนี้ เชื่อว่าจะเกิดชนวนความขัดแย้งแน่นอน เพราะยังมีฝ่ายที่กระบวนการยุติธรรมต้องเดินหน้า ก็มีเหตุผลที่จะเคลื่อนไหว

เมื่อถามว่า หากมีการทำประชามติถามประชาชนก่อน จะทำให้สถานการณ์คลี่คลายหรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าววว่า ต้องดูก่อนว่าทำประชามติเรื่องอะไร ถามว่าอะไร และเอาไปใช้ในการตัดสิน หรือเพื่อรับฟังความเห็น แล้วมีผลต่อการลบล้างกระบวนการยุติธรรมหรือไม่ ตรงนี้มีเงื่อนไขหลายอย่าง ที่จะต้องไม่ให้การทำประชามติเป็นเครื่องมือ

นายจุรินทร์ ยังกล่าวถึงกรณีที่จะมีการลงมติร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ วาระ 3 ในวันที่ 8 พ.ค. ว่า เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะเป็นอำนาจของประธานสภา เมื่อรัฐบาลมีเสียงข้างมาก ต้องการจะผลักดัน แต่สิ่งสำคัญคือประชาชนจะต้องติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด เพราะจากการทำงานเป็นวิปมา พบว่าครั้งนี้เป็นหนึ่งในไม่กี่ครั้งที่ทำงานลำบาก เพราะรัฐบาลพยายามหักดิบ ใช้เสียงข้างมากเพื่อประโยชน์ของใครคนใดคนหนึ่ง ในส่วนของฝ่ายค้านก็ได้พยายามทำหน้าที่อย่างดีที่สุดแล้ว แต่มีเสียงไม่พอ อย่างน้อยก็ทำให้ประชาชนได้เห็นข้อเท็จจริง ซึ่งยืนยันว่าการประท้วงต่างๆ เช่น วอล์กเอาต์ นับองค์ประชุม ก็เพื่อเป็นการเตือนให้ประชาชนได้เห็น แต่หลายเรื่องที่เป็นประโยชน์ ฝ่ายค้านก็ยกมือสนับสนุน และสิ่งสำคัญคือ ประชาชนจะต้องช่วยกันจับตาดูการทำงานของนักการเมืองอย่างใกล้ชิด

**พท.ยันไม่ดันพ.ร.ก.ปรองดอง

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทย และรัฐบาลยืนยันว่าจะไม่เร่งรัดในการออก พ.ร.บ.ปรองดอง เพราะต้องรอให้ทุกฝ่ายเห็นตรงกันก่อน ดังนั้นจะไม่มีการรวบรัดออกเป็น พ.ร.ก.ปรองดอง แทนอย่างแน่นอน เพราะจะกลายเป็นการมัดมือชก

ส่วนเรื่องใครจะเป็นผู้เสนอนั้น ต้องหารือกันก่อน ขณะที่กฎหมายดังกล่าวจะผ่านกระบวนการนิติบัญญัติเมื่อไรนั้น ยังไม่แน่นอน อาจเป็นปีนี้ หรือปีหน้าก็ได้ ซึ่งเงื่อนไขสำคัญที่จะทำให้พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางกลับประเทศไทยได้ คือ ประเทศต้องมีความปรองดองเกิดขึ้นจริงๆ และต้องได้รับการยอมรับจากทุกฝ่าย เพื่อไม่ให้การเดินทางกลับมา กลายเป็นการจุดกระแสโจมตีจากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด

**"บัง"เตือนออกกม.ปรองดองต้องระวัง

พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน หัวหน้าพรรคมาตุภูมิ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดองแห่งชาติ สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยถึงกรณี ส.ส.พรรคเพื่อไทย ระบุว่า การจะสร้างความปรองดองได้นั้น จะต้องออกกฎหมาย หรือ พ.ร.บ.ปรองดอง ว่า ยังไม่ได้พูดคุยกันกับพรรคเพื่อไทย และยังไม่เห็นรายละเอียดของ พ.ร.บ. ว่ามีเนื้อหาอย่างไร และจะออกมาในรูปแบบไหน ซึ่ง กมธ.ปรองดองฯ ที่ตนเป็นประธานอยู่นั้น มีหน้าที่เพียงหาวิธีการปรองดองเท่านั้น

ทั้งนี้ ผลการวิจัยของสถาบันพระปกเกล้า ก็มีข้อเสนอแนะหลายอย่าง อาทิ การค้นหาความจริง การให้ความเป็นธรรม และองค์ประกอบต่างๆ เห็นว่าสิ่งเหล่านี้ ต้องนำมาพิจารณารวมกันในการสร้างความปรองดอง ฝ่ายค้าน และรัฐบาล รวมไปถึงองค์กรต่างๆ จะต้องร่วมกันสร้างบรรยากาศที่ดี โดยที่รัฐบาลจะต้องเป็นแกนนำหลักในการสร้างบรรยากาศความปรองดองให้เกิดขึ้น

พล.อ.สนธิ กล่าวด้วยว่า การที่พรรคเพื่อไทย จะผลักดัน พ.ร.บ.ปรองดอง หรืออาจจะมาในรูปแบบ พ.ร.ก.ก็ตาม จะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะต้องศึกษาว่า การจะดำเนินการในลักษณะดังกล่าว จะเป็นการไปเพิ่มความขัดแย้งให้แก่สังคมหรือไม่ ขอให้นำข้อเสนอแนะของสถาบันพระปกเกล้าไปศึกษาด้วย และต้องฟังความเห็นส่วนใหญ่ของสังคม ว่าเห็นอย่างไร

**อดีต ผบ.สส. เชื่อทหารไม่อยากปฏิวัติ

พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด กล่าวว่า ตนมองการเมืองกับทหารในปัจจุบัน ไม่ต่างไปจากในอดีตมากนัก แม้จะมีหลายฝ่ายมองว่า ทหารกำลังคิดเรื่องปฏิวัติอีกครั้ง แต่เชื่อว่าใจจริงแล้ว ทหารไม่อยากจะทำหรอก แต่ต้องดูรายละเอียด และข้อมูลอื่นๆ ประกอบหลายๆ ด้าน ซึ่งตนไม่อยากพูดอะไรมากไปกว่านี้

พล.อ.บุญสร้าง กล่าวด้วยว่า ไม่อยากให้รัฐบาล ฝ่ายการเมือง มุ่งแก้เฉพาะปัญหาการเมืองเพียงอย่างเดียว เพราะไม่มีทางทำได้ อยากให้ทุกฝ่ายทุ่มเทเวลา และแรงกายแรงใจ รวมถึงงบประมาณ ในการแก้ปัญหาอื่นๆ เช่น เศรษฐกิจ การศึกษา สังคม เพื่อให้ประเทศเดินหน้ามากกว่า จึงอยากขอฝากไปยัง รัฐบาล ทหาร และประชาชน ว่าขอให้รู้หน้าที่ของตนเอง.
กำลังโหลดความคิดเห็น