ASTV ผู้จัดการรายวัน - หุ้นไทยเจอแรงขายกระหน่ำ ฉุดดัชนีรูด 16.80 จุด เหตุนักลงทุนผิดหวังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ และไร้ปัจจัยใหม่สนับสนุน อีกทั้งเข้าสู่ช่วงเทศกาลวัยหยุดยาว ประเมินพรุ่งนี้มีโอกาสรีบาวด์ หลังปรับตัวลงแรง ชี้เป็นโอกาสนักลงทุนระยะกลาง-ยาว ในการเข้าซื้อของถูก
ตลาดหุ้นไทยวานนี้(10เม.ย.) ดัชนีปรับตัวอยู่ในแดนลบตลอดทั้งวัน โดยปิดที่ระดับ 1,165.61 จุด ลดลง 16.80 จุด หรือ -1.42% มูลค่าการซื้อขาย 25,012.52 ล้านบาท ระหว่างวันปรับตัวสูงสุดที่ระดับ 1,176.26 จุด และต่ำสุด 1,156.83 จุด ภาพรวมดัชนีหลักทรัพย์ยังปรับตัวลดลงต่อเนื่องจากสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีแรงขายมาจากหุ้นในกลุ่มพลังงาน ขาดปัจจัยใหม่ๆออกสมสนับสนุน อีกทั้งเข้าใกล้สู่เทศกาลวัยหยุดยาว
หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่ BANPU มูลค่าการซื้อขาย 1,442.69 ล้านบาท ปิดที่ 582.00 บาท ลดลง 12.00 บาท SCB มูลค่าการซื้อขาย 1,240.08 ล้านบาท ปิดที่ 141.50 บาท ลดลง 3.50 บาท SCC มูลค่าการซื้อขาย 928.70 ล้านบาท ปิดที่ 341.00 บาท ลดลง 5.00 บาท PTT มูลค่าการซื้อขาย 882.70 ล้านบาท ปิดที่ 349.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง และ ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 854.94 ล้านบาท ปิดที่ 169.50 บาท ลดลง 5.00 บาท
นายปริญทร์ กิจจาทรพิทักษ์ ผอ.อาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. เคทีบี (ประเทศไทย) มองว่า ดัชนีหุ้นไทยวานนี้ปรับฐานลงแรงต่อเนื่องทั้งวัน ตามตลาดหุ้นต่างประเทศที่ลดลง หลังนักลงทุนผิดหวังตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐที่ออกมาต่ำกว่าที่คาดการณ์ รวมถึงกลับมากังวลเรื่องหนี้ในยุโรปอีกครั้ง ประกอบช่วงที่ผ่านตลาดหุ้นไทยปิดทำการในวันศุกร์และวันจันทร์ พอเปิดตลาดวานนี้จึงมีแรงเทขายออกมามาก
สำหรับแนวโน้มวันนี้ (11 เม.ย.) มองว่า ดัชนีมีโอกาสฟื้นตัวทางเทคนิค ได้หากตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปยืนในแดนบวกได้ แต่หากไม่เป็นเช่นนั้น หุ้นไทยจะปรับฐานลงต่อ แต่ไม่แรงมากนัก เพราะตลาดรับรู้ข่าวลบมาพอสมควรแล้ว โดยประเมินแนวรับแรกที่ 1,156 จุด แนวรับถัดไปที่ 1,160 จุด ด้านกลยุทธ์ ซึ่งเป็นโอกาสให้นักลงทุนระยะกลางถึงยาวควรใช้จังหวะนี้ซื้อเข้าลงทุน
นายสมชาย เอนกทวีผล ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวลงต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อน โดยมีแรงขายหุ้นขนาดใหญ่โดยเฉพาะกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีถ่วง เนื่องจากไม่มีปัจจัยบวกใหม่ๆหนุน ขณะที่ตัวเศรษฐกิจของหลายๆประเทศก็ออกมาไม่ค่อยดี อีกทั้งเข้าใกล้ช่วงวันหยุดยาวจึงทำให้มีนักลงทุนบางส่วนหายไปจากตลาดฯ และมีแรงขายทำกำไรออกมา ทั้งนี้คาดว่านักลงทุนต่างชาติมีโอกาสขายสุทธิต่อจากวันพฤหัสฯ โดย แนวโน้มการลงทุนในวันนี้(11 เม.ย.) ดัชนีมีโอกาสที่จะรีบาวน์กลับได้บ้าง พร้อมให้แนวรับ 1,156-1,160 จุด แนวต้าน 1,170-1,176 จุด
ตลาดหุ้นไทยวานนี้(10เม.ย.) ดัชนีปรับตัวอยู่ในแดนลบตลอดทั้งวัน โดยปิดที่ระดับ 1,165.61 จุด ลดลง 16.80 จุด หรือ -1.42% มูลค่าการซื้อขาย 25,012.52 ล้านบาท ระหว่างวันปรับตัวสูงสุดที่ระดับ 1,176.26 จุด และต่ำสุด 1,156.83 จุด ภาพรวมดัชนีหลักทรัพย์ยังปรับตัวลดลงต่อเนื่องจากสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีแรงขายมาจากหุ้นในกลุ่มพลังงาน ขาดปัจจัยใหม่ๆออกสมสนับสนุน อีกทั้งเข้าใกล้สู่เทศกาลวัยหยุดยาว
หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่ BANPU มูลค่าการซื้อขาย 1,442.69 ล้านบาท ปิดที่ 582.00 บาท ลดลง 12.00 บาท SCB มูลค่าการซื้อขาย 1,240.08 ล้านบาท ปิดที่ 141.50 บาท ลดลง 3.50 บาท SCC มูลค่าการซื้อขาย 928.70 ล้านบาท ปิดที่ 341.00 บาท ลดลง 5.00 บาท PTT มูลค่าการซื้อขาย 882.70 ล้านบาท ปิดที่ 349.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง และ ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 854.94 ล้านบาท ปิดที่ 169.50 บาท ลดลง 5.00 บาท
นายปริญทร์ กิจจาทรพิทักษ์ ผอ.อาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. เคทีบี (ประเทศไทย) มองว่า ดัชนีหุ้นไทยวานนี้ปรับฐานลงแรงต่อเนื่องทั้งวัน ตามตลาดหุ้นต่างประเทศที่ลดลง หลังนักลงทุนผิดหวังตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐที่ออกมาต่ำกว่าที่คาดการณ์ รวมถึงกลับมากังวลเรื่องหนี้ในยุโรปอีกครั้ง ประกอบช่วงที่ผ่านตลาดหุ้นไทยปิดทำการในวันศุกร์และวันจันทร์ พอเปิดตลาดวานนี้จึงมีแรงเทขายออกมามาก
สำหรับแนวโน้มวันนี้ (11 เม.ย.) มองว่า ดัชนีมีโอกาสฟื้นตัวทางเทคนิค ได้หากตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปยืนในแดนบวกได้ แต่หากไม่เป็นเช่นนั้น หุ้นไทยจะปรับฐานลงต่อ แต่ไม่แรงมากนัก เพราะตลาดรับรู้ข่าวลบมาพอสมควรแล้ว โดยประเมินแนวรับแรกที่ 1,156 จุด แนวรับถัดไปที่ 1,160 จุด ด้านกลยุทธ์ ซึ่งเป็นโอกาสให้นักลงทุนระยะกลางถึงยาวควรใช้จังหวะนี้ซื้อเข้าลงทุน
นายสมชาย เอนกทวีผล ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวลงต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อน โดยมีแรงขายหุ้นขนาดใหญ่โดยเฉพาะกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีถ่วง เนื่องจากไม่มีปัจจัยบวกใหม่ๆหนุน ขณะที่ตัวเศรษฐกิจของหลายๆประเทศก็ออกมาไม่ค่อยดี อีกทั้งเข้าใกล้ช่วงวันหยุดยาวจึงทำให้มีนักลงทุนบางส่วนหายไปจากตลาดฯ และมีแรงขายทำกำไรออกมา ทั้งนี้คาดว่านักลงทุนต่างชาติมีโอกาสขายสุทธิต่อจากวันพฤหัสฯ โดย แนวโน้มการลงทุนในวันนี้(11 เม.ย.) ดัชนีมีโอกาสที่จะรีบาวน์กลับได้บ้าง พร้อมให้แนวรับ 1,156-1,160 จุด แนวต้าน 1,170-1,176 จุด
