หมูขยับรับสงกรานต์ ขึ้นโหดกิโลละ 10-25 บาท เป็น 120-125 บาท หลังพ่อค้าขยับราคาขายส่ง และเขียงต้องแย่งซื้อหมูตุนไว้ช่วงวันหยุดยาว
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า ก่อนเข้าเทศกาลสงกรานต์พบว่าราคาหมูชำแหละขายปลีกตามตลาดสดทั่วไป ได้ทยอยปรับเพิ่มราคาอีกครั้งจากกิโลกรัม (กก.) ละ 110 บาท เป็น 120-125 บาท หรือเพิ่มขึ้นกก.ละ 10-15 บาท โดยพ่อค้าแม่คา อ้างว่า ผู้หมูได้ขยับราคาขายส่ง อีกทั้งมีการแย่งซื้อหมู เพราะผู้ค้าบางส่วนจะหยุดในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ทำให้ต้องกมีการสต็อกหมูเพื่อจำหน่ายตามเทศกาลเอาไว้ ราคาขายจึงต้องขยับขึ้นตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้น
นายกิดดิวงศ์ สมบุญธรรม เลขาธิการสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ กล่าวว่า ขณะนี้ราคาหน้าหมูหน้าฟาร์มได้ขยับเพิ่มขึ้นอีกกก.ละ 2-3 บาท จากกก.ละ 57-58 บาท เป็นกก.ละ 59-61 บาท ซึ่งเป็นการขยับราคาตามภาวะต้นทุนที่เพิ่มขึ้น โดยราคาดังกล่าวใกล้เคียงกับต้นทุนที่ 61-62 บาท ทำให้ราคาหมูหน้าฟาร์มจะทรงตัวในระดับนี้ต่อไปได้ และราคาหน้าฟาร์มดังกล่าว จะไม่กระทบต่อราคาจำหน่ายหมูหน้าเขียง ที่ราคาเหมาะสมไม่เกินกิโลกรัมละ 120-130 บาท
“ที่ผ่านมา ผู้เลี้ยงหมูเลี้ยงต้องแบกรับภาระมาหลายเดือน ครั้งนี้น่าจะเป็นครั้งแรกในรอบปี ที่ขายได้ราคาเท่าทุน หากพ่อค้าคนกลางไม่มีการปั้นราคา ราคาหมูที่เป็นธรรมหน้าเขียงจะไม่เกินกก.ละ 120-130 บาท ซึ่งแม้ราคาหมูหน้าฟาร์มจะขยับราคาขึ้น แต่หมูชำแหละที่จะส่งเข้าโครงการร้านถูกใจ จะอยู่ที่ราคากก.ละ 99-101 บาท”นายกิดดิวงศ์
แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ในวันที่ 12 เม.ย.นี้ จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) ที่มีนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน กระทรวงพาณิชย์จะรายงานสถานการณ์ปาล์มน้ำมันและเสนอให้อนุมัตินำเข้าน้ำมันปาล์ม หลังมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบให้นำเข้าไม่เกิน 4 หมื่นตัน ราคาไม่เกินกก.ละ 30 เหรียญสหรัฐ เพื่อป้อนโรงงานผลิตปาล์มขวดและให้คงราคาขายลิตรละ 42 บาทแล้ว
“ผู้ผลิตปาล์มขวดได้ร้องเรียนให้กระทรวงฯ เร่งกนป. ให้นำเข้าน้ำมันปาล์มเพื่อผลิตขวดได้แล้ว หลังสต็อกเดิมตึงตัว หากปล่อยนานไปกว่านี้ ก็อาจจะสะดุดได้”แหล่งข่าวกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า ก่อนเข้าเทศกาลสงกรานต์พบว่าราคาหมูชำแหละขายปลีกตามตลาดสดทั่วไป ได้ทยอยปรับเพิ่มราคาอีกครั้งจากกิโลกรัม (กก.) ละ 110 บาท เป็น 120-125 บาท หรือเพิ่มขึ้นกก.ละ 10-15 บาท โดยพ่อค้าแม่คา อ้างว่า ผู้หมูได้ขยับราคาขายส่ง อีกทั้งมีการแย่งซื้อหมู เพราะผู้ค้าบางส่วนจะหยุดในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ทำให้ต้องกมีการสต็อกหมูเพื่อจำหน่ายตามเทศกาลเอาไว้ ราคาขายจึงต้องขยับขึ้นตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้น
นายกิดดิวงศ์ สมบุญธรรม เลขาธิการสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ กล่าวว่า ขณะนี้ราคาหน้าหมูหน้าฟาร์มได้ขยับเพิ่มขึ้นอีกกก.ละ 2-3 บาท จากกก.ละ 57-58 บาท เป็นกก.ละ 59-61 บาท ซึ่งเป็นการขยับราคาตามภาวะต้นทุนที่เพิ่มขึ้น โดยราคาดังกล่าวใกล้เคียงกับต้นทุนที่ 61-62 บาท ทำให้ราคาหมูหน้าฟาร์มจะทรงตัวในระดับนี้ต่อไปได้ และราคาหน้าฟาร์มดังกล่าว จะไม่กระทบต่อราคาจำหน่ายหมูหน้าเขียง ที่ราคาเหมาะสมไม่เกินกิโลกรัมละ 120-130 บาท
“ที่ผ่านมา ผู้เลี้ยงหมูเลี้ยงต้องแบกรับภาระมาหลายเดือน ครั้งนี้น่าจะเป็นครั้งแรกในรอบปี ที่ขายได้ราคาเท่าทุน หากพ่อค้าคนกลางไม่มีการปั้นราคา ราคาหมูที่เป็นธรรมหน้าเขียงจะไม่เกินกก.ละ 120-130 บาท ซึ่งแม้ราคาหมูหน้าฟาร์มจะขยับราคาขึ้น แต่หมูชำแหละที่จะส่งเข้าโครงการร้านถูกใจ จะอยู่ที่ราคากก.ละ 99-101 บาท”นายกิดดิวงศ์
แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ในวันที่ 12 เม.ย.นี้ จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) ที่มีนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน กระทรวงพาณิชย์จะรายงานสถานการณ์ปาล์มน้ำมันและเสนอให้อนุมัตินำเข้าน้ำมันปาล์ม หลังมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบให้นำเข้าไม่เกิน 4 หมื่นตัน ราคาไม่เกินกก.ละ 30 เหรียญสหรัฐ เพื่อป้อนโรงงานผลิตปาล์มขวดและให้คงราคาขายลิตรละ 42 บาทแล้ว
“ผู้ผลิตปาล์มขวดได้ร้องเรียนให้กระทรวงฯ เร่งกนป. ให้นำเข้าน้ำมันปาล์มเพื่อผลิตขวดได้แล้ว หลังสต็อกเดิมตึงตัว หากปล่อยนานไปกว่านี้ ก็อาจจะสะดุดได้”แหล่งข่าวกล่าว