ราษฎรเสื้อแดง ตบเท้าเข้าลาว-แขมร์ สวม “หน้ากากแม้ว”เย้ยอำมาตย์

ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ -คงไม่ต้องกล่าวถึง “ความจงรักภักดี” ที่กลุ่มคนเสื้อแดงมีต่อ “นช.ทักษิณ ชินวัตร” ซึ่งเปรียบเสมือน “เจ้าชีวิต” ของพวกเขา เนื่องจากหลายครั้งหลายคราที่ผ่านมามีประจักษ์พยานที่ยืนยันถึงความเทิดทูนชนิดที่พร้อมแม้กระทั่งพร้อมที่จะพลีกายถวายชีวิตให้โดยไม่มีเงื่อนไข

ไม่เช่นนั้นแล้ว กลุ่มคนเสื้อแดงคงไม่นำรูปภาพประมุขแห่งรัฐไทยใหม่ไปประดับประดาไว้ในบ้านประหนึ่งเทพเจ้าผู้สามารถดลบันดาลความเป็นไปของชีวิตได้

ดังนั้น เมื่อผู้ซึ่งเป็นที่เคารพสักการะสูงสุดมาเยือนราชอาณาจักรกัมพูชา ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ พวกเขาก็พร้อมที่จะแห่แหนเดินทางไปรดน้ำดำหัวขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคลแห่งชีวิต โดยไม่สนใจด้วยซ้ำไปว่า บ้านเมืองกำลัง เผชิญกับสภาวะทุรยศแค่ไหน หรือประมุขแห่งรัฐไทยใหม่ของพวกเขามีแผนการที่จะมาต้มยำทำแกงกับแหล่งพลังงานของชาติหรือไม่อย่างไร

เฉกเช่นเดียวกับ “นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” โคลนนิงผู้น้องที่กระสันอยากจะไปเมืองขแมร์จนตัวสั่นงันงกจนแทบจะหลงลืมที่จะเดินทางไปเยี่ยนเยียนประชาชนคนไทยที่เสียชีวิตและบาดเจ็บจากเหตุการณ์คาร์บอมบ์ที่หาดใหญ่ ยะลาและในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้

ทั้งนี้ จากการเปิดเผยของทนายหน้าหอ-นายนพดล ปัทมะ ในฐานะที่ปรึกษาทางกฎหมาย เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า นช.ทักษิณจะขี่ม้าเลียบค่ายรอบราชอาณาจักรไทยเพื่อทดสอบแสนยานุภาพของทหารแห่งรัฐไทยใหม่ระหว่างวันที่ 11 เมษายนถึงวันที่ 15 เมษายน โดยในวันที่ 11 เมษายน นช.ทักษิณจะเดินทางถึงเมืองเวียงจันทน์ ประเทศลาวในเวลาประมาณ 12.00 น. จากนั้นวันที่ 12 เมษายนจะมีพิธีทำบุญเลี้ยงเพลพระในเวลา 11.00 น.ก่อนที่จะทำพิธีบายศรีสู่ขวัญและช่วงเย็นจะมีการจัดงานเลี้ยงพบปะเพื่อนฝูงตามประเพณี

สำหรับวันที่ 13 เมษายน ในช่วงเช้า นช.ทักษิณจะเดินทางไปเมืองจำปาสักเพื่อเปิดโอกาสให้พี่น้องประชาชนคนเสื้อแดงในภาคสีอานตอนใต้เข้าร่วมรดน้ำดำหัวเนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ไทย ก่อนที่จะเดินทางไปยังเมืองเสียมราฐของเพื่อนรักชั่วนิรันดร์ ประเทศกัมพูชาในเช้าวันที่ 14 เมษายนและจะใช้เวลาอยู่ที่นั่นถึงวันที่ 15 เมษายนก่อนที่จะเตรียมนิวัติพระนครในอนาคตอันใกล้

สำหรับการเดินทางเยือน สปป.ลาวและกัมพูชาของ นช.ทักษิณในครั้งนี้นั้นต้องบอกว่า ตั้งใจและเจตนาให้เกิดแรงสั่นสะเทือนทางการเมืองอย่างมีนัยสำคัญ ไม่เช่นนั้น แกนนำคนเสื้อแดงระดับราชองครักษ์อย่าง “ตุ๊ดตู่-จตุพร พรหมพันธุ์” นายอารีย์ ไกรนรา นายพายัพ ปั้นเกตุ นายสาโรจน์ หงส์ชูเวช ต้องเดินทางไปเป็นทัพหน้าในการเคลียร์พื้นที่ รวมทั้งส่ง “อุปลิขิต” ในการหาข่าวสอดแนมเพื่อดูแลรักษาความปลอดภัยกันเลยทีเดียว โดยในส่วนของราชอาณาจักรกัมพูชานั้น ราชองครักษ์ตุ๊ดตู่จะประสานงานผ่าน “นายเกียง ฮวด” เลขานุการส่วนตัวของสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ซึ่งเป็นผู้กว้างขวางแห่งเมืองเสียมราฐ ขณะที่ในส่วนของประเทศลาวนั้น จะประสานงานผ่านทางการลาวโดยตรง

อย่างไรก็ตาม สำหรับกรณีประเทศลาว ต้องบอกว่านี่เป็นครั้งแรกที่ นช.ทักษิณสามารถเดินทางเข้าได้ จนหลายคนอดสงสัยไม่ได้ว่า อดีตนายกรัฐมนตรีของไทยเดินทางไปในฐานะอะไร

และในที่สุดเรื่องนี้ก็ได้รับการเปิดเผยจาก “นายขวัญชัย ไพรพนา” ประธานชมรมคนรักอุดรว่า การเดินทางมา สปป.ลาวของ นช.ทักษิณครั้งนี้มาในนามแขกของรัฐบาลลาว โดยสภาอุตสาหกรรมลาวเชิญมาบรรยายเรื่องเศรษฐกิจในวันที่ 11เมษายนที่หอวัฒนธรรมแห่งชาติลาว และในวันที่ 12 เมษายนจะเดินทางไปทำบุญที่พระธาตุหลวง นครเวียงจันทน์

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า ราษฎรเสื้อแดงของ นช.ทักษิณที่จะเดินทางเข้าลาวและกัมพูชานั้น ล้วนแล้วแต่เป็นสาวกของลัทธิแดงระดับฉกาจฉกรรจ์ทั้งสิ้น

ยกตัวอย่างเช่น นายดาชัย อุชุโกศลการ รองประธานสมาพันธ์หมู่บ้านเสื้อแดง ซึ่งดูแลพื้นที่ 16 จังหวัดภาคเหนือ ที่เปิดเผยข้อมูลว่า ในวันที่ 12 เมษายนนี้คนเสื้อแดงจากหมู่บ้านเสื้อแดงในพื้นที่ภาคเหนือและภาคอีสานจะเดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณที่นครเวียงจันทน์ จะมีพิธีผูกฮักผูกแพงหรือผูกขวัญและรดน้ำดำหัวตามประเพณีสงกรานต์ โดยจะออกเดินทางจากจังหวัดเชียงรายไปรวมตัวกันที่จังหวัดหนองคาย

ทั้งนี้ แดงภาคเหนือจะเดินทางด้วยรถบัสจำนวน 20 คัน ซึ่งคาดว่ายอดคนเสื้อแดงที่จะร่วมขบวนในครั้งนี้จะตกอยู่ที่ประมาณ 1,000 คน และภาคอีสาน 20 คันอีกราว 1,000 คน

“หากสามารถพา พ.ต.ท.ทักษิณกลับมาไทยได้จะช่วยกันพากลับมา”นายดาชัยประกาศเจตนารมณ์อย่างชัดเจน+

ขณะที่นายปัณณวัฒน์ นาคมูล ผู้ประสานงานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) จังหวัดอุตรดิตถ์ ให้ข้อมูลด้วยความยินดีว่า ขณะนี้ นปช.และคนเสื้อแดงอุตรดิตถ์กำลงรวบรวมของฝากจาก 9 อำเภอของจังหวัดอุตรดิตถ์ เช่น ทุเรียนกวน กล้วยกวน ของอำเภอลับแล มะขามหวานของอำเภอฟากท่า สับปะรดห้วยมุ่นของอำเภอน้ำปาด เมล็ดมะม่วงหิมพานต์ของอำเภอท่าปลา ข้าวหลามของอำเภอเมืองอุตรดิตถ์ ขนมสาลี่ของอำเภอตรอน น้ำพริกผัดและน้ำพริกเผาของอำเภอทองแสนขัน

เรียกว่าจัดสรรของฝากระดับพรีเมี่ยมไปฝากกันเลยทีเดียว

“เราจะเดินทางไปเป็นขบวนไปที่ด่านอรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว เพื่อขอพรและรดน้ำดำหัว พ.ต.ท.ทักษิณเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตในเทศกาลสงกรานต์ รวมทั้งจะชวน พ.ต.ท.ทักษิณกลับประเทศไทยด้วยความสง่าผ่าเผย เพราะเชื่อว่าหากหลับเข้าประเทศไทยแล้วจะทำให้ประเทศเกิดการปรองดองและพลิกฟื้นประเทศได้แน่ เนื่องจากที่ผ่านมาก็พิสูจน์ให้เห็นมาแล้ว” นายปัณณวัตน์ประกาศเส้นทางการเดินทางและเป้าหมายไว้อย่างชัดเจน

นี่คือการประกาศศักดาและความยิ่งใหญ่ของ นช.ทักษิณถึงความเป็นผู้มีบารมีซึ่งอาจารย์ธีรยุทธ บุญมีถึงขนาดยกย่องว่าเทียบชั้นจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์และพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ซึ่งแน่นอนว่า นั่นเป็นความจริงที่มิอาจปฏิเสธได้ เพราะนช.ทักษิณในวันนี้ยิ่งใหญ่จริงๆ

ทั้งนี้ ในบรรดาพิธีกรรมทั้งหลายทั้งปวงที่ถูกจัดขึ้นเพื่ออวดบารมีและความยิ่งใหญ่ของ นช.ทักษิณนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดเห็นจะหนีไม่พ้น “ของที่ระลึก” ซึ่งประมุขรัฐไทยใหม่เตรียมการเอาไว้ โดยของที่ระลึกประกอบด้วย 1.หน้ากากยางรูปหน้า นช.ทักษิณ จำนวน 20,000 ชิ้น 2.เสื้อยืดโปโลสีแดงรูป นช.ทักษิณจำนวน 30,000 ตัวและ 3.พัดรูป นช.ทักษิณและครอบครัวอีกจำนวนกว่า 100,000 เล่ม

ความไม่ธรรมดาในของที่ระลึกดังกล่าวอยู่ตรงที่ระบอบทักษิณเตรียมให้ราษฎรเสื้อแดงพร้อมใจกัน “ปฏิบัติการสวมหน้ากากยางรูปหน้า นช.ทักษิณ” หรือสวมเสื้อยืดสีแดงรูปหน้า นช.ทักษิณ พร้อมทั้งถือพัดรูปหน้า นช.ทักษิณจากนั้นก็พากันตบเท้าเดินขบวนกลับเข้าสู่ประเทศไทยอย่างพร้อมเพรียงกัน

มีการประมาณการตบเท้าสำแดงพลังครั้งนี้จะพีคสุดๆ ที่เมืองเสียมราฐด้วยการอำนวยความสะดวกของสมเด็จฮุนเซน โดยมีราษฎรเสื้อแดงร่วมงานไม่น้อยกว่า 80,000-100,000 คนเลยทีเดียว ทั้งนี้ที่กัมพูชานั้น นช.ทักษิณจะเตรียมขึ้นเวทีปราศรัยและฉลองสงกรานต์อย่างยิ่งใหญ่ที่ศูนย์วัฒนธรรมเมืองเสียมราฐ ประเทศกัมพูชา ซึ่งมีพื้นที่กว่า 400 ไร่ ส่วนที่ลาว แม้จะมีผู้แสดงเจตจำนงขอเดินทางเข้าไปพบ นช.ทักษิณเป็นจำนวนมาก แต่ด้วยข้อจำกัดของทาง สปป.ลาว ทำให้คาดว่า ตัวเลขผู้ที่จะได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้า สปป.ลาวจะมีไม่มากนัก

ปฏิเสธไม่ได้ว่าปฏิบัติการดังกล่าวคือการเคลื่อนไหวเชิงสัญลักษณ์เพื่อสะท้อนความยิ่งใหญ่ของประมุขแห่งรัฐไทยใหม่ ซึ่งเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าจะสามารถแย่งชิงพื้นที่ข่าวทั้งในและต่างประเทศได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด

ปฏิเสธไม่ได้ว่า ปฏิบัติการดังกล่าวคือการเคลื่อนไหวเชิงจิตวิทยาเพื่อเขย่าขวัญอำมาตย์โดยระดมสรรพกำลังราษฎรเสื้อแดงออกมาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ รวมทั้งเพื่อเตือนให้เห็นแสนยานุภาพของรัฐไทยใหม่ที่พร้อมบดขยี้ผู้ขัดขวางให้ราบเป็นหน้ากลองถ้าหากอำมาตย์ยังยึก ยังแทงกั๊กหรือเดินสายสาปแช่งคนทรยศชาติเหมือนเมื่อครั้งก่อนเกิดรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 อีกครั้ง

ปฏิบัติการสวมหน้ากากยางรูปหน้า นช.ทักษิณครั้งนี้ จึงย่อมไม่ใช่แค่การมอบของที่ระลึกจากคนที่ตกยากในต่างแดนธรรมดาๆ เท่านั้น หากแต่คือของที่ระลึกที่จะสร้างความสั่นสะเทือนทางการเมืองให้เกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

เพราะเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า นช.ทักษิณไม่ได้มาลาวมาเขมรเพื่อเล่นสงกรานต์เพียงประการเดียว หากแต่เป็นการตรวจกำลังรบทั้งเบื้องต่ำเบื้องสูงว่ายังคงจงรักภักดีต่อผู้เป็นประมุขมากน้อยแค่ไหน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งระดับ “แกนนำ” นั้น ว่ากันว่า ของที่ระลึกที่ นช.ทักษิณจัดเตรียมมามอบให้จัดอยู่ในขั้นพิเศษสุดๆ กันเลยทีเดียว…ก็จะไม่ให้พิเศษสุดได้อย่างไรเพราะในอีกไม่ช้า พวกเขาเหล่านั้นจะต้องรับบท “หัวหมู่ทะลวงฟัน” ในการนำ นช.ทักษิณกลับบ้านแบบตัวเป็นๆ จริงๆ ไม่ใช่แค่หน้ากากยาง