ASTVผู้จัดการรายวัน-สวนดุสิตโพล ชี้ประชาชน 57% บอกเหตุระเบิดมีผลทำให้ความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลยิ่งลักษณ์ลดลง ขณะที่ 58% กังวล บึ้มซ้ำวันสงกรานต์
“สวนดุสิตโพล”มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต สอบถามความคิดเห็นของประชาชน797 คน ที่อาศัยอยู่ในภาคใต้และภูมิภาคอื่นๆ ทั่วประเทศภายหลังจากที่เกิดเหตุการณ์ “ระเบิดหาดใหญ่และยะลา” สะท้อนความคิดเห็นและเป็นแนวทางป้องกันในการเฝ้าระวังเหตุการณ์ดังกล่าว เพื่อไม่ให้ประชาชนเกิดความวิตกกังวล ระหว่างวันที่ 2-3 เมษายน 2555
ความเห็นของประชาชน“25.42%”รู้สึกเศร้าใจ สะเทือนใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น/เห็นใจผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้ ขณะที่ “23.73%”พบว่าเป็นการกระทำที่มีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และไม่สามารถป้องกันได้ ส่วน“22.03%”เป็นเหตุการณ์ที่น่ากลัว ทำให้เกิดความกังวล ไม่มั่นใจในความปลอดภัย โดยที่“14.69%”เชื่อว่าการข่าวหรือหน่วยข่าวกรองยังทำหน้าที่ได้ไม่เต็มที่ /การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่หละหลวม ส่วน“14.13%” คาดว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ /ต้องการทำให้บ้านเมืองวุ่นวาย ปั่นป่วน
ส่วน“สาเหตุ”ของการระเบิดครั้งนี้ ประชาชนคิดว่ามาจากอะไร? อันดับ 1 เป็นการสร้างสถานการณ์ของผู้ที่ไม่หวังดีต่อบ้านเมืองอยากเห็นบ้านเมืองวุ่นวาย 41.75% อันดับ 2 เชื่อว่าน่าจะเป็นฝีมือของกลุ่มผู้ก่อการร้ายในภาคใต้ 24.76% อันดับ 3 เป็นเกมการเมืองที่ต้องการทำลายความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อรัฐบาล 13.59%
ขณะที่“ความเชื่อมั่น”ของประชาชนต่อ“รัฐบาล”หลังจากเหตุการณ์นั้น 57.43% เห็นว่าส่งผลทำให้เชื่อมั่นรัฐบาลลดลง เพราะเป็นปัญหาที่รัฐบาลยังไม่สามารถจัดการหรือแก้ไขให้เด็ดขาดได้ ,แสดงให้เห็นถึงความบกพร่องในการ ทำงานของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เช่น หน่วยข่าวกรอง ทหาร ตำรวจ ,กระทบต่อธุรกิจท่องเที่ยวและภาพลักษณ์ของประเทศ ฯลฯ
อันดับ 2 ไม่มีผล 42.57% เพราะเป็นเรื่องที่ภาครัฐไม่สามารถควบคุมดูแลได้ทั่วถึงทุกพื้นที่ ,เชื่อว่ารัฐบาลและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมีความตั้งใจ ในการป้องกันดูแลความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองอย่างเต็มที่ ,ไม่ว่ารัฐบาลชุดใดก็ไม่สามารถแก้ไขได้ ฯลฯ
ขณะที่ 58.54 %มีความวิตกกังวลในเรื่องการเดินทางช่วงเทศกาลสงกรานต์ เพราะกลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ขึ้นมาอีก ทั้งตัวเองและคนในครอบครัวอาจไม่ปลอดภัย ,ในช่วงเทศกาลมีประชาชนเดินทางท่องเที่ยวพักผ่อนจำนวนมาก อาจมีผู้ไม่หวังดีหรือมือที่สามเข้ามาสร้างสถานการณ์ให้วุ่นวาย ,เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถควบคุมดูแลได้ทั้งหมดเนื่องจากมีกำลังไม่เพียงพอ ฯลฯ ส่วน41.46% คิดว่าสามารถดูแลตัวเองได้ , หลังจากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น รัฐบาลน่าจะมีมาตรการที่เข้มงวดและแนวทางป้องกัน ที่จริงจังโดยเฉพาะช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่กำลังจะมาถึง ,เจ้าหน้าที่ทหารตำรวจมีการตรวจตรามากขึ้น ฯลฯ
ขณะที่ 45.80% เห็นว่า รัฐบาล เจ้าหน้าที่ภาครัฐ และประชาชน ควรทำเร่งด่วนในขณะนี้ โดยมีการสั่งการลงไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบให้ดำเนินการป้องกันและดูแลอย่างจริงจังพร้อมรายงานผลความคืบหน้ากลับมาอย่างต่อเนื่อง.
“สวนดุสิตโพล”มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต สอบถามความคิดเห็นของประชาชน797 คน ที่อาศัยอยู่ในภาคใต้และภูมิภาคอื่นๆ ทั่วประเทศภายหลังจากที่เกิดเหตุการณ์ “ระเบิดหาดใหญ่และยะลา” สะท้อนความคิดเห็นและเป็นแนวทางป้องกันในการเฝ้าระวังเหตุการณ์ดังกล่าว เพื่อไม่ให้ประชาชนเกิดความวิตกกังวล ระหว่างวันที่ 2-3 เมษายน 2555
ความเห็นของประชาชน“25.42%”รู้สึกเศร้าใจ สะเทือนใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น/เห็นใจผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้ ขณะที่ “23.73%”พบว่าเป็นการกระทำที่มีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และไม่สามารถป้องกันได้ ส่วน“22.03%”เป็นเหตุการณ์ที่น่ากลัว ทำให้เกิดความกังวล ไม่มั่นใจในความปลอดภัย โดยที่“14.69%”เชื่อว่าการข่าวหรือหน่วยข่าวกรองยังทำหน้าที่ได้ไม่เต็มที่ /การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่หละหลวม ส่วน“14.13%” คาดว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ /ต้องการทำให้บ้านเมืองวุ่นวาย ปั่นป่วน
ส่วน“สาเหตุ”ของการระเบิดครั้งนี้ ประชาชนคิดว่ามาจากอะไร? อันดับ 1 เป็นการสร้างสถานการณ์ของผู้ที่ไม่หวังดีต่อบ้านเมืองอยากเห็นบ้านเมืองวุ่นวาย 41.75% อันดับ 2 เชื่อว่าน่าจะเป็นฝีมือของกลุ่มผู้ก่อการร้ายในภาคใต้ 24.76% อันดับ 3 เป็นเกมการเมืองที่ต้องการทำลายความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อรัฐบาล 13.59%
ขณะที่“ความเชื่อมั่น”ของประชาชนต่อ“รัฐบาล”หลังจากเหตุการณ์นั้น 57.43% เห็นว่าส่งผลทำให้เชื่อมั่นรัฐบาลลดลง เพราะเป็นปัญหาที่รัฐบาลยังไม่สามารถจัดการหรือแก้ไขให้เด็ดขาดได้ ,แสดงให้เห็นถึงความบกพร่องในการ ทำงานของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เช่น หน่วยข่าวกรอง ทหาร ตำรวจ ,กระทบต่อธุรกิจท่องเที่ยวและภาพลักษณ์ของประเทศ ฯลฯ
อันดับ 2 ไม่มีผล 42.57% เพราะเป็นเรื่องที่ภาครัฐไม่สามารถควบคุมดูแลได้ทั่วถึงทุกพื้นที่ ,เชื่อว่ารัฐบาลและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมีความตั้งใจ ในการป้องกันดูแลความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองอย่างเต็มที่ ,ไม่ว่ารัฐบาลชุดใดก็ไม่สามารถแก้ไขได้ ฯลฯ
ขณะที่ 58.54 %มีความวิตกกังวลในเรื่องการเดินทางช่วงเทศกาลสงกรานต์ เพราะกลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ขึ้นมาอีก ทั้งตัวเองและคนในครอบครัวอาจไม่ปลอดภัย ,ในช่วงเทศกาลมีประชาชนเดินทางท่องเที่ยวพักผ่อนจำนวนมาก อาจมีผู้ไม่หวังดีหรือมือที่สามเข้ามาสร้างสถานการณ์ให้วุ่นวาย ,เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถควบคุมดูแลได้ทั้งหมดเนื่องจากมีกำลังไม่เพียงพอ ฯลฯ ส่วน41.46% คิดว่าสามารถดูแลตัวเองได้ , หลังจากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น รัฐบาลน่าจะมีมาตรการที่เข้มงวดและแนวทางป้องกัน ที่จริงจังโดยเฉพาะช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่กำลังจะมาถึง ,เจ้าหน้าที่ทหารตำรวจมีการตรวจตรามากขึ้น ฯลฯ
ขณะที่ 45.80% เห็นว่า รัฐบาล เจ้าหน้าที่ภาครัฐ และประชาชน ควรทำเร่งด่วนในขณะนี้ โดยมีการสั่งการลงไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบให้ดำเนินการป้องกันและดูแลอย่างจริงจังพร้อมรายงานผลความคืบหน้ากลับมาอย่างต่อเนื่อง.
