วานนี้(3 เม.ย.55) เวลา 10.45 น. ภารกิจการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 20 ณ กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียนแบบเต็มคณะ (Plenary) ซึ่งเป็นการหารือกับผู้นำอาเซียนอีก 9 ประเทศ เกี่ยวกับความคืบหน้าในการเตรียมตัวเข้าสู่ประชาคมอาเซียน
ในช่วงเริ่มการประชุม นางสาวยิ่งลักษณ์ ได้กล่าวประณามการใช้ความรุนแรง โดยเฉพาะกับผู้บริสุทธิ์ในสถานการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้นในจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย และเป็นสิ่งที่ประชาคมอาเซียนไม่สามารถยอมรับได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น โดยไทยและอาเซียนจะดำเนินการเสริมเข้มมาตรการความปลอดภัย เพื่อประชาชนและนักท่องเที่ยวในพื้นที่ดังกล่าว ทั้งนี้ ในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในอีก 3 ปีข้างหน้า นายกรัฐมนตรีได้เสนอให้จัดลำดับความสำคัญของการสร้างประชาคมอาเซียนให้เข้มแข็ง โดยเฉพาะการนำสามเสาหลักของประชาคมอาเซียนมาปฏิบัติใช้ให้ได้จริง ซึ่งจำเป็นที่จะต้องยึดถือและดำเนินการตามแผนแม่บททั้งสาม ผู้นำทุกประเทศต้องให้การสนับสนุนทางการเมืองอย่างเข้มแข็ง
ขณะที่ผู้นำทุกประเทศ ต้องผลักดันเสาหลักอาเซียน ได้แก่ “เสาหลักทางเศรษฐกิจ” ต้องดำเนินการเพื่อนำไปสู่การค้าแบบเสรี เอื้อต่อการส่งเสริมการลงทุนทางตรงในอาเซียน การทำให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน และเริ่มให้มีการเจรจากับคู่ภาคี FTA ภายในปลายปีนี้ และไตรมาสแรกของปี 2556 (2013)
“เสาหลักการเมืองและความมั่นคง” ต้องมีการสนับสนุนทางสายกลางในการป้องกันการก่อการร้ายในภูมิภาค สนับสนุนให้ประเทศที่มีอาวุธนิวเคลียร์ลงนามในสนธิสัญญาเขตปลอดอาวุธนิวเคลียร์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ภายในปีนี้ และสร้างประชาคมที่ปราศจากยาเสพติด เพื่อรับรองแถลงการณ์อาเซียนว่าด้วยเขตปลอดยาเสพติด โดยไทยจะเสนอเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับรัฐมนตรี
“เสาหลักสังคมและวัฒนธรรม” จะต้องมีการร่วมมือมากขึ้นในเรื่องหมอกควันข้ามเขต จะลดวาตภัยให้เหลือเพียง 50,000 แห่ง ในลุ่มแม่น้ำโขง ภายในปี 2558 และเพื่อเป็นการสนับสนุนขีดความสามารถของภูมิภาค ประเทศไทยขอเสนอความช่วยเหลือด้านเทคนิคโดยการจัดการฝึกอบรมด้านการควบคุมคุณภาพอากาศให้แก่สมาชิกประเทศอาเซียนในปลายปีนี้
ส่วนการบริหารจัดการภัยพิบัติ มีเป้าหมายการสร้างเครือข่ายประชาคมที่สามารถบริหารจัดการด้วยการพัฒนาศักยภาพของภูมิภาคใช้เทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ให้เกิดประโยชน์และแบ่งปันความรู้ระหว่างกัน พร้อมกับสนับสนุนการบริหารน้ำข้ามเขตแดน ด้วยการพัฒนาคลเรือนและทหารให้ข้มแข็งมากขึ้น
ด้านความเชื่อมโยงในอาเซียน จะมีผลิตภาพและความสามารถในการแข่งขัน โดยต้องลดอุปสรรคบริเวณชายแดน รวมถึงการลดช่องว่างระหว่างประเทศที่พัฒนาแล้วกับประเทศที่กำลังพัฒนาตามนโยบายที่จะลดช่องว่างผ่านกรอบความร่วมมือ GMS ACMECS และ ASEAN
เวลา 14.00 น. นายกรัฐมนตรี และผู้นำอาเซียนอีก 9 ประเทศร่วมประชุมหารือกับผู้แทนสมัชชารัฐสภาอาเซียน เพื่อส่งเสริมการปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้นำอาเซียนกับฝ่ายนิติบัญญัติของอาเซียน
16.00 น. นายกรัฐมนตรีและผู้นำอาเซียนได้มีการพบปะกับผู้แทนเยาวชนอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ ภายใต้หัวข้อ "Role of ASEAN Youths in ASEAN Community Building" เพื่อส่งเสริมให้เยาวชนมีความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งในการเดินหน้าเป็นประชาคมอาเซียนของประเทศสมาชิก
ทั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และ ผู้นำอาเซียน 9 ประเทศ พร้อมด้วยนายสุรินทร์ พิศสุวรรณ เลขาธิการอาเซียน ได้ประชุมหารือกับผู้แทนภาคประชาสังคมอาเซียน ภายใต้หัวข้อ "Gender and Development in ASEAN" เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในการสร้างประชาคมอาเซียน โดยเฉพาะการสร้างความเท่าเทียมทางเพศในสังคม โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ประเทศไทยได้ตั้งกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีด้วยงบประมาณ 7.7 พันล้านบาท เพื่อพัฒนาบทบาท ซึ่งหวังว่า เลขาธิการอาเซียนจะให้การสนับสนุนและส่งเสริมให้สตรีมีโอกาสในระดับภูมิภาค
ในช่วงเริ่มการประชุม นางสาวยิ่งลักษณ์ ได้กล่าวประณามการใช้ความรุนแรง โดยเฉพาะกับผู้บริสุทธิ์ในสถานการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้นในจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย และเป็นสิ่งที่ประชาคมอาเซียนไม่สามารถยอมรับได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น โดยไทยและอาเซียนจะดำเนินการเสริมเข้มมาตรการความปลอดภัย เพื่อประชาชนและนักท่องเที่ยวในพื้นที่ดังกล่าว ทั้งนี้ ในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในอีก 3 ปีข้างหน้า นายกรัฐมนตรีได้เสนอให้จัดลำดับความสำคัญของการสร้างประชาคมอาเซียนให้เข้มแข็ง โดยเฉพาะการนำสามเสาหลักของประชาคมอาเซียนมาปฏิบัติใช้ให้ได้จริง ซึ่งจำเป็นที่จะต้องยึดถือและดำเนินการตามแผนแม่บททั้งสาม ผู้นำทุกประเทศต้องให้การสนับสนุนทางการเมืองอย่างเข้มแข็ง
ขณะที่ผู้นำทุกประเทศ ต้องผลักดันเสาหลักอาเซียน ได้แก่ “เสาหลักทางเศรษฐกิจ” ต้องดำเนินการเพื่อนำไปสู่การค้าแบบเสรี เอื้อต่อการส่งเสริมการลงทุนทางตรงในอาเซียน การทำให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน และเริ่มให้มีการเจรจากับคู่ภาคี FTA ภายในปลายปีนี้ และไตรมาสแรกของปี 2556 (2013)
“เสาหลักการเมืองและความมั่นคง” ต้องมีการสนับสนุนทางสายกลางในการป้องกันการก่อการร้ายในภูมิภาค สนับสนุนให้ประเทศที่มีอาวุธนิวเคลียร์ลงนามในสนธิสัญญาเขตปลอดอาวุธนิวเคลียร์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ภายในปีนี้ และสร้างประชาคมที่ปราศจากยาเสพติด เพื่อรับรองแถลงการณ์อาเซียนว่าด้วยเขตปลอดยาเสพติด โดยไทยจะเสนอเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับรัฐมนตรี
“เสาหลักสังคมและวัฒนธรรม” จะต้องมีการร่วมมือมากขึ้นในเรื่องหมอกควันข้ามเขต จะลดวาตภัยให้เหลือเพียง 50,000 แห่ง ในลุ่มแม่น้ำโขง ภายในปี 2558 และเพื่อเป็นการสนับสนุนขีดความสามารถของภูมิภาค ประเทศไทยขอเสนอความช่วยเหลือด้านเทคนิคโดยการจัดการฝึกอบรมด้านการควบคุมคุณภาพอากาศให้แก่สมาชิกประเทศอาเซียนในปลายปีนี้
ส่วนการบริหารจัดการภัยพิบัติ มีเป้าหมายการสร้างเครือข่ายประชาคมที่สามารถบริหารจัดการด้วยการพัฒนาศักยภาพของภูมิภาคใช้เทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ให้เกิดประโยชน์และแบ่งปันความรู้ระหว่างกัน พร้อมกับสนับสนุนการบริหารน้ำข้ามเขตแดน ด้วยการพัฒนาคลเรือนและทหารให้ข้มแข็งมากขึ้น
ด้านความเชื่อมโยงในอาเซียน จะมีผลิตภาพและความสามารถในการแข่งขัน โดยต้องลดอุปสรรคบริเวณชายแดน รวมถึงการลดช่องว่างระหว่างประเทศที่พัฒนาแล้วกับประเทศที่กำลังพัฒนาตามนโยบายที่จะลดช่องว่างผ่านกรอบความร่วมมือ GMS ACMECS และ ASEAN
เวลา 14.00 น. นายกรัฐมนตรี และผู้นำอาเซียนอีก 9 ประเทศร่วมประชุมหารือกับผู้แทนสมัชชารัฐสภาอาเซียน เพื่อส่งเสริมการปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้นำอาเซียนกับฝ่ายนิติบัญญัติของอาเซียน
16.00 น. นายกรัฐมนตรีและผู้นำอาเซียนได้มีการพบปะกับผู้แทนเยาวชนอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ ภายใต้หัวข้อ "Role of ASEAN Youths in ASEAN Community Building" เพื่อส่งเสริมให้เยาวชนมีความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งในการเดินหน้าเป็นประชาคมอาเซียนของประเทศสมาชิก
ทั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และ ผู้นำอาเซียน 9 ประเทศ พร้อมด้วยนายสุรินทร์ พิศสุวรรณ เลขาธิการอาเซียน ได้ประชุมหารือกับผู้แทนภาคประชาสังคมอาเซียน ภายใต้หัวข้อ "Gender and Development in ASEAN" เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในการสร้างประชาคมอาเซียน โดยเฉพาะการสร้างความเท่าเทียมทางเพศในสังคม โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ประเทศไทยได้ตั้งกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีด้วยงบประมาณ 7.7 พันล้านบาท เพื่อพัฒนาบทบาท ซึ่งหวังว่า เลขาธิการอาเซียนจะให้การสนับสนุนและส่งเสริมให้สตรีมีโอกาสในระดับภูมิภาค
