เมื่อเวลา 14.00 น.วานนี้ (29 มี.ค.) ที่รัฐสภา ได้มีชายไม่ทราบชื่อ นำเอกสารใส่ในซองเอกสารสีน้ำตาล มีตราครุฑอยู่ด้านหลัง และด้านหน้าของซองเอกสารเขียนว่า “สื่อมวลชน” จำนวน 2 ปึกใหญ่ มาวางไว้ในห้องสื่อมวลชนประจำรัฐสภา โดยเอกสารดังกล่าวมีลายเซ็นที่อ้างว่า เป็นข้าราชการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) จำนวน 99 คน แจ้งวัตถุประสงค์ว่า ขอให้อภิปรายจริยธรรม นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.พม. โดยมีใบปะหน้าถึง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้าน สรุปว่า มติครม.ในการโยกย้าย นางพนิตา กำภู ณ อยุธยา ปลัดกระทรวงพม. ไปเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และได้มีการส่งเอกสารดังกล่าวพร้อมกับหลักฐานและข้อกฎหมายต่างๆ ไปยังราชเลขาธิการ ด้วย
ทั้งนี้ เนื้อหาในเอกสารได้ระบุถึงความไม่ชอบด้วยกฎหมาย อาทิ การดำเนินการของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ที่ไม่ปฏิบัติตามระเบียบปฏิบัติ ข้ามขั้นตอนในมาตรา 44 ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ. 2542 และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินไม่มีอำนาจตีความทางกฎหมาย ต้องรายงานต่อสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา หรือคณะรัฐมนตรี ตามวรรค 4 ซึ่งปกติต้องส่งเรื่องให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตีความตามกฎหมาย จึงจะรู้ว่าถูกหรือผิด รวมทั้งมีคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายโดยอ้างเรื่องสอบวินัย ตามหนังสือของสตง. ที่นำเรื่องเก่ามาพูดใหม่อย่างมีเลศนัย ทั้งๆ ที่เรื่องดังกล่าว นายอิสสระ สมชัย อดีตรมว.พัฒนาสังคมฯ ได้ชี้แจงต่อ สตง.ในเรื่องการใช้จ่ายเงินไปราชการต่างประเทศของอธิบดีในขณะนั้นว่า ได้ไตร่ตรองและยึดถือระเบียบการเบิกจ่ายเงินอย่างชัดเจน และยังระบุว่า จะเริ่มเดินหน้าขับไล่นายสันติ ในสัปดาห์หน้า
ด้านนายประวัฒน์ อุตตะโมต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นน้องชาย นางพนิตา กำภู ณ อยุธยา กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ตนยังไม่เห็นเอกสารดังกล่าว แต่ในเบื้องต้นได้โทรศัพท์ไปสอบถามนางพนิตาแล้ว ว่าได้ให้ใครนำเอกสารอะไรมาที่รัฐสภาหรือไม่ ซึ่งนางพนิตา ยืนยันว่าไม่ได้ให้ใครนำเอกสารใดๆไปแจกให้กับสื่อมวลชนเลย ดังนั้นตนจึงไม่แน่ใจว่าชายคนที่นำเอกสารดังกล่าวมาแจกให้กับสื่อมวลชนนั้น เป็นตัวแทนของข้าราชการในกระทรวงฯ ที่นำเอกสารดังกล่าวมาแจกให้กับสื่อมวลชนเองหรือไม่
ทั้งนี้ เนื้อหาในเอกสารได้ระบุถึงความไม่ชอบด้วยกฎหมาย อาทิ การดำเนินการของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ที่ไม่ปฏิบัติตามระเบียบปฏิบัติ ข้ามขั้นตอนในมาตรา 44 ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ. 2542 และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินไม่มีอำนาจตีความทางกฎหมาย ต้องรายงานต่อสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา หรือคณะรัฐมนตรี ตามวรรค 4 ซึ่งปกติต้องส่งเรื่องให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตีความตามกฎหมาย จึงจะรู้ว่าถูกหรือผิด รวมทั้งมีคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายโดยอ้างเรื่องสอบวินัย ตามหนังสือของสตง. ที่นำเรื่องเก่ามาพูดใหม่อย่างมีเลศนัย ทั้งๆ ที่เรื่องดังกล่าว นายอิสสระ สมชัย อดีตรมว.พัฒนาสังคมฯ ได้ชี้แจงต่อ สตง.ในเรื่องการใช้จ่ายเงินไปราชการต่างประเทศของอธิบดีในขณะนั้นว่า ได้ไตร่ตรองและยึดถือระเบียบการเบิกจ่ายเงินอย่างชัดเจน และยังระบุว่า จะเริ่มเดินหน้าขับไล่นายสันติ ในสัปดาห์หน้า
ด้านนายประวัฒน์ อุตตะโมต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นน้องชาย นางพนิตา กำภู ณ อยุธยา กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ตนยังไม่เห็นเอกสารดังกล่าว แต่ในเบื้องต้นได้โทรศัพท์ไปสอบถามนางพนิตาแล้ว ว่าได้ให้ใครนำเอกสารอะไรมาที่รัฐสภาหรือไม่ ซึ่งนางพนิตา ยืนยันว่าไม่ได้ให้ใครนำเอกสารใดๆไปแจกให้กับสื่อมวลชนเลย ดังนั้นตนจึงไม่แน่ใจว่าชายคนที่นำเอกสารดังกล่าวมาแจกให้กับสื่อมวลชนนั้น เป็นตัวแทนของข้าราชการในกระทรวงฯ ที่นำเอกสารดังกล่าวมาแจกให้กับสื่อมวลชนเองหรือไม่