ใครว่าประเทศไทยพบกับความสงบ ประเทศไทยสงบตรงไหน นับตั้งแต่ปี 2544 ที่ทักษิณขึ้นมาเป็นผู้นำเป็นต้นมา ประเทศชาติประชาชนไม่เคยพบกับความสงบร่มเย็น สิ่งที่ทำให้เกิดความแตกแยกมาจาก 3 ปัจจัย 1) ลิ้น 2) เงิน 3) อำนาจ
หากเป็นสัมมาทิฐิจริง ไม่ต้องมีลิ้น มีเงิน และมีอำนาจมาก แต่เพราะกิเลสและพอกพูนด้วยมิจฉาทิฐิ ลิ้นเงินและอำนาจของคน ก็นำมาทำให้เกิดความเบี่ยงเบน และเกิดความแตกแยกของคนในสังคม รายการนายกฯ พบประชาชนทุกเช้าวันเสาร์ ผ่านสถานีโทรทัศน์และวิทยุของกรมประชาสัมพันธ์ ที่รับฟังได้ทั่วประเทศตั้งแต่ปี 2544 พูดหาเสียงแบบไม่รับผิดชอบ สร้างเป็นวาทกรรมเป็นเรื่องๆ มันเป็นเรื่องยากที่คนทั่วไปจะตามทันและเข้าใจในสิ่งที่ทักษิณพูด
คนส่วนใหญ่ประทับใจในลีลาและวาทกรรมที่ทักษิณปรุงแต่งขึ้นมา แต่คนอีกส่วนหนึ่งรู้ว่าเป็นการมุสา และเรียกว่า รายการโกหกประชาชนทุกเช้าวันเสาร์ นี่คือจุดเริ่มต้นความแตกแยกของคนไทยในชาติ
ลองดูตัวอย่างจากสุนทรพจน์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ณ ศูนย์แถลงข่าว ทำเนียบรัฐบาล วันพฤหัสบดีที่ 31 กรกฎาคม 2546 เวลา 20.30 น.(ค่าเงินบาท 42 - 45 ต่อเหรียญสหรัฐ)
1) “ทำไมเราถึงกล้าใช้หนี้ไอเอ็มเอฟ ทำไมเราถึงใช้หนี้ไอเอ็มเอฟก่อนเวลาถึง 2 ปี เรามั่นใจว่าเราได้ปรับนโยบายและพลิกสถานการณ์ได้แล้ว และเรามั่นใจว่า เราได้มีเงินทุนเพียงพอ เราไม่จำเป็นจะต้องเก็บหนี้ไว้ การใช้หนี้นอกจากประหยัดดอกเบี้ยถึง 5,000 ล้านบาทแล้ว ยังเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศ โดยทุกประเทศจะมองว่า ประเทศไทยเรามีความพร้อม มีความแข็งแรงพอ พร้อมที่จะใช้หนี้ก่อนเวลา เพื่อให้ความมั่นใจ ผมขออนุญาตอธิบายตัวเลขบางตัวเลขที่เป็นประโยชน์เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้เข้าใจว่า ทำไมเราถึงมีความมั่นใจว่าเราเข้มแข็งพอ ฯลฯ”
วิจารณ์ การใช้หนี้ไอเอ็มเอฟเมื่อกลางปี 2546 ไม่ใช่ฝีมืออะไรของทักษิณ แต่เป็นเพราะตลาดหุ้นแนสแดกซ์และค่าเงินเหรียญสหรัฐพังทลายในปี 2543 ทำให้เงินเหรียญสหรัฐไหลออกนอกสหรัฐฯ ไหลออกไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก รวมทั้งไหลเข้ามายังประเทศไทย ทำให้ประเทศไทยใช้หนี้ไอเอ็มเอฟหมดก่อนกำหนด แต่หากยืดหนี้ไว้ชำระตามกำหนด ก็จะทำให้ใช้เงินบาทชำระหนี้น้อยลงจากการที่บาทแข็งค่าขึ้น ซึ่งอาจจะทำให้ประหยัดเงินระหว่าง 15,000 - 30,000 ล้านบาท
และหากว่ามีความสามารถจริง ก็ต้องหาทางใช้หนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูด้วย แต่ได้มีการออกพันธบัตรชดเชยหนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูกว่า 7 แสนล้านบาท ซึ่งก็เป็นธรรมดานักการเมือง จะพูดในสิ่งตัวเองได้เสียง จะไม่พูดถึงสิ่งที่ทำให้เสียงตัวเองเสีย
2) “กฎหมายทุนรัฐวิสาหกิจ ก่อนนี้ในกติกาเราต้องขายรัฐวิสาหกิจเพื่อนำเงินมาใช้หนี้ แต่วันนี้ไม่ใช่ครับ เราจะกระจายหุ้นรัฐวิสาหกิจในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการขยายการลงทุน เพื่อให้เกิดการบริหารงานอย่างมืออาชีพ และเพื่อให้เกิดการตรวจสอบได้ทุกระบบ ซึ่งตรวจสอบจากระบบของตลาดทุนและตรวจสอบด้วยระบบของราชการ ตรวจสอบด้วยระบบของผู้ถือหุ้นเอง”
วิจารณ์ ปตท.เป็นหุ้นที่มีมูลค่าสูงที่สุดในตลาด ทุกวันนี้มีมูลค่าตลาดประมาณ 1 ล้านล้านบาท ทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรีวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2544 วันที่ 6 ธันวาคม 2544 คือวันที่ ปตท.ถูกขายในตลาดหุ้นวันแรก (SET Index ปิดที่ 305 จุด) ตอนแรกว่าจะมีการ IPO ที่ราคา 50 บาท แต่มีข่าวอ้างว่า 50 บาทแพงไป ต่างชาติไม่สนใจ จึงได้มีการ IPO ที่ราคา 30 บาท สมมติว่านักการเมืองมีการกู้เงินที่ต่างประเทศ และให้นอมินีต่างชาติจองซื้อในนามต่างชาติ 300 ล้านหุ้น หุ้นละ 30 บาท จะเป็นเงิน 9,000 ล้านบาท หุ้นตัวนี้ราคาขึ้นถึง 440 บาทในอีก 6 ปีถัดมา
ลองคำนวณที่ราคา 300 บาท หุ้นจองชุดนี้จะมีมูลค่า 90,000 ล้านบาท ขายหุ้นออกเพื่อนำไปชำระหนี้ 9,000 ล้านบาท ชำระค่าดอกเบี้ยและค่าบริหารจัดการ 3,000 ล้านบาท ก็จะมีมูลค่าสุทธิเหลืออยู่ประมาณ 78,000 ล้านบาท และทำให้มีเงินอยู่ที่ต่างประเทศโดยไม่ผ่านธนาคารแห่งประเทศไทยได้ การเร่งรีบแปรรูปปตท.ในช่วงที่ตลาดเพิ่งฟื้นตัวจากจากวิกฤต SET Index 305 จุด และ IPO ที่ราคาหุ้นละ 30 บาท ทำให้ได้เงินเข้ากระทรวงการคลังน้อยมาก คนซื้อเหมือนได้ของเปล่า
คนไทยแตกแยกกันอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน นักวิชาการออกมาตำหนิคนไทยต่างๆ นานาถึงความแตกแยกของคนไทยด้วยกันเอง ผู้เขียนไม่เคยตำหนิคนไทยที่แตกแยกกัน คนไทยไม่ได้แตกแยกกันเองโดยตัวของตัวเอง ผู้เขียนตำหนิคนที่ทำให้คนไทยแตกแยกกันมากกว่า คำว่า “สมานฉันท์” หรือคำว่า “ปรองดอง” เป็นคำของทักษิณ เป็นวาทกรรมของทักษิณ เป็นคำที่ทักษิณพูดเป็นคนแรก
ผู้เขียนแปลกใจ ที่คนที่ทำให้คนไทยแตกแยก เป็นคนพูดถึงแต่คำว่าปรองดอง ได้มีการนำคำว่าปรองดองมาหาประโยชน์ฝ่ายตนมาโดยตลอด เอาวีรกานต์ มุสิกพงศ์ออกจากคุกก็อ้างถึงคำว่าปรองดอง ปล่อยแกนนำออกจากคุกก็อ้างปรองดอง ฯลฯ งานวิจัยสถาบันพระปกเกล้า ให้โละคดี คตส.ของทักษิณ ก็อ้างถึงเพื่อการปรองดองโดยตรง นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรพูดถึงการให้อภัยกัน ก็บอกว่าเพื่อการปรองดอง คำว่าปรองดองเป็นคำที่เฟ้อมาก
การปรองดองที่อ้างถึงครั้งล่าสุดนี้ เป็นเพียงนำมาใช้นิรโทษกรรมให้ทักษิณคนเดียว แต่อ้างถึงการนิรโทษกรรมผู้ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ทางการเมืองฝ่ายต่างๆ ให้ภาพว่าเป็นการปรองดอง หากเป็นเช่นนี้แล้วจะปรองดองไปทำไม
ดูใน Social media เช่น Twitter และ Facebook เป็นตัวอย่าง ระหว่างฝ่ายหลงใหลทักษิณกับไม่หลงใหลทักษิณ ต่างถล่มกันด้วยคำรุนแรงตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งเรื่อง 7.5 ล้านบาทชดใช้ให้ผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ทางการเมืองด้วย ดูแล้วไม่เห็นบรรยากาศที่จะให้เกิดความปรองดองของคนในชาติแต่อย่างใด
สิ่งเดียวที่ทีมวิจัยสถาบันพระปกเกล้า วิจัยได้ตรงจุด ดูได้จาก ไม่มีใครคัดค้าน ว่า “ทักษิณ” เป็นต้นเหตุขัดแย้ง ซึ่งก็ตรงตามที่ผู้เขียนนำเสนอมาโดยตลอด http://yfrog.com/h6vnj2j ทักษิณวิดีโอลิงก์มายังกลุ่มคนเสื้อแดง ชุมนุมกันที่โบนันซ่า เขาใหญ่ เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2555 ยังมิจฉาทิฐิไม่เปลี่ยนแปลง ใส่เสื้อแดงมาออกรายการ ทำให้เข้าใจว่าทักษิณไม่ได้เป็นผู้นำที่จะทำให้เกิดการปรองดองแต่อย่างใด ยังแยกกลุ่มคนออกเหมือนเดิม ก็เหมือนหลายครั้งที่ผ่านมา ปรองดองแต่วาจา แต่การกระทำไม่ใช่ ลวงล่อกันไม่จบสิ้น
ต้องแก้ที่คนต้นเหตุ ทักษิณทำความเสียหายให้ประเทศมากเหลือเกิน จะชดใช้หนี้กรรมอย่างไร ก็ชดใช้ไม่หมด วิธีปรองดองในทางเจริญ ที่ยั่งยืน ก็ต้องเอา “ทักษิณ” คนที่เป็นต้นเหตุของความขัดแย้งมารับโทษทัณฑ์ แล้วนิรโทษกรรมผู้ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ทั้งหมด ไม่ว่าฝ่ายเหลือง ฝ่ายแดง และฝ่ายราชการ จึงจะสมน้ำสมเนื้อกัน
http://twitter.com/indexthai2
indexthai2@gmail.com
หากเป็นสัมมาทิฐิจริง ไม่ต้องมีลิ้น มีเงิน และมีอำนาจมาก แต่เพราะกิเลสและพอกพูนด้วยมิจฉาทิฐิ ลิ้นเงินและอำนาจของคน ก็นำมาทำให้เกิดความเบี่ยงเบน และเกิดความแตกแยกของคนในสังคม รายการนายกฯ พบประชาชนทุกเช้าวันเสาร์ ผ่านสถานีโทรทัศน์และวิทยุของกรมประชาสัมพันธ์ ที่รับฟังได้ทั่วประเทศตั้งแต่ปี 2544 พูดหาเสียงแบบไม่รับผิดชอบ สร้างเป็นวาทกรรมเป็นเรื่องๆ มันเป็นเรื่องยากที่คนทั่วไปจะตามทันและเข้าใจในสิ่งที่ทักษิณพูด
คนส่วนใหญ่ประทับใจในลีลาและวาทกรรมที่ทักษิณปรุงแต่งขึ้นมา แต่คนอีกส่วนหนึ่งรู้ว่าเป็นการมุสา และเรียกว่า รายการโกหกประชาชนทุกเช้าวันเสาร์ นี่คือจุดเริ่มต้นความแตกแยกของคนไทยในชาติ
ลองดูตัวอย่างจากสุนทรพจน์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ณ ศูนย์แถลงข่าว ทำเนียบรัฐบาล วันพฤหัสบดีที่ 31 กรกฎาคม 2546 เวลา 20.30 น.(ค่าเงินบาท 42 - 45 ต่อเหรียญสหรัฐ)
1) “ทำไมเราถึงกล้าใช้หนี้ไอเอ็มเอฟ ทำไมเราถึงใช้หนี้ไอเอ็มเอฟก่อนเวลาถึง 2 ปี เรามั่นใจว่าเราได้ปรับนโยบายและพลิกสถานการณ์ได้แล้ว และเรามั่นใจว่า เราได้มีเงินทุนเพียงพอ เราไม่จำเป็นจะต้องเก็บหนี้ไว้ การใช้หนี้นอกจากประหยัดดอกเบี้ยถึง 5,000 ล้านบาทแล้ว ยังเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศ โดยทุกประเทศจะมองว่า ประเทศไทยเรามีความพร้อม มีความแข็งแรงพอ พร้อมที่จะใช้หนี้ก่อนเวลา เพื่อให้ความมั่นใจ ผมขออนุญาตอธิบายตัวเลขบางตัวเลขที่เป็นประโยชน์เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้เข้าใจว่า ทำไมเราถึงมีความมั่นใจว่าเราเข้มแข็งพอ ฯลฯ”
วิจารณ์ การใช้หนี้ไอเอ็มเอฟเมื่อกลางปี 2546 ไม่ใช่ฝีมืออะไรของทักษิณ แต่เป็นเพราะตลาดหุ้นแนสแดกซ์และค่าเงินเหรียญสหรัฐพังทลายในปี 2543 ทำให้เงินเหรียญสหรัฐไหลออกนอกสหรัฐฯ ไหลออกไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก รวมทั้งไหลเข้ามายังประเทศไทย ทำให้ประเทศไทยใช้หนี้ไอเอ็มเอฟหมดก่อนกำหนด แต่หากยืดหนี้ไว้ชำระตามกำหนด ก็จะทำให้ใช้เงินบาทชำระหนี้น้อยลงจากการที่บาทแข็งค่าขึ้น ซึ่งอาจจะทำให้ประหยัดเงินระหว่าง 15,000 - 30,000 ล้านบาท
และหากว่ามีความสามารถจริง ก็ต้องหาทางใช้หนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูด้วย แต่ได้มีการออกพันธบัตรชดเชยหนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูกว่า 7 แสนล้านบาท ซึ่งก็เป็นธรรมดานักการเมือง จะพูดในสิ่งตัวเองได้เสียง จะไม่พูดถึงสิ่งที่ทำให้เสียงตัวเองเสีย
2) “กฎหมายทุนรัฐวิสาหกิจ ก่อนนี้ในกติกาเราต้องขายรัฐวิสาหกิจเพื่อนำเงินมาใช้หนี้ แต่วันนี้ไม่ใช่ครับ เราจะกระจายหุ้นรัฐวิสาหกิจในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการขยายการลงทุน เพื่อให้เกิดการบริหารงานอย่างมืออาชีพ และเพื่อให้เกิดการตรวจสอบได้ทุกระบบ ซึ่งตรวจสอบจากระบบของตลาดทุนและตรวจสอบด้วยระบบของราชการ ตรวจสอบด้วยระบบของผู้ถือหุ้นเอง”
วิจารณ์ ปตท.เป็นหุ้นที่มีมูลค่าสูงที่สุดในตลาด ทุกวันนี้มีมูลค่าตลาดประมาณ 1 ล้านล้านบาท ทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรีวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2544 วันที่ 6 ธันวาคม 2544 คือวันที่ ปตท.ถูกขายในตลาดหุ้นวันแรก (SET Index ปิดที่ 305 จุด) ตอนแรกว่าจะมีการ IPO ที่ราคา 50 บาท แต่มีข่าวอ้างว่า 50 บาทแพงไป ต่างชาติไม่สนใจ จึงได้มีการ IPO ที่ราคา 30 บาท สมมติว่านักการเมืองมีการกู้เงินที่ต่างประเทศ และให้นอมินีต่างชาติจองซื้อในนามต่างชาติ 300 ล้านหุ้น หุ้นละ 30 บาท จะเป็นเงิน 9,000 ล้านบาท หุ้นตัวนี้ราคาขึ้นถึง 440 บาทในอีก 6 ปีถัดมา
ลองคำนวณที่ราคา 300 บาท หุ้นจองชุดนี้จะมีมูลค่า 90,000 ล้านบาท ขายหุ้นออกเพื่อนำไปชำระหนี้ 9,000 ล้านบาท ชำระค่าดอกเบี้ยและค่าบริหารจัดการ 3,000 ล้านบาท ก็จะมีมูลค่าสุทธิเหลืออยู่ประมาณ 78,000 ล้านบาท และทำให้มีเงินอยู่ที่ต่างประเทศโดยไม่ผ่านธนาคารแห่งประเทศไทยได้ การเร่งรีบแปรรูปปตท.ในช่วงที่ตลาดเพิ่งฟื้นตัวจากจากวิกฤต SET Index 305 จุด และ IPO ที่ราคาหุ้นละ 30 บาท ทำให้ได้เงินเข้ากระทรวงการคลังน้อยมาก คนซื้อเหมือนได้ของเปล่า
คนไทยแตกแยกกันอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน นักวิชาการออกมาตำหนิคนไทยต่างๆ นานาถึงความแตกแยกของคนไทยด้วยกันเอง ผู้เขียนไม่เคยตำหนิคนไทยที่แตกแยกกัน คนไทยไม่ได้แตกแยกกันเองโดยตัวของตัวเอง ผู้เขียนตำหนิคนที่ทำให้คนไทยแตกแยกกันมากกว่า คำว่า “สมานฉันท์” หรือคำว่า “ปรองดอง” เป็นคำของทักษิณ เป็นวาทกรรมของทักษิณ เป็นคำที่ทักษิณพูดเป็นคนแรก
ผู้เขียนแปลกใจ ที่คนที่ทำให้คนไทยแตกแยก เป็นคนพูดถึงแต่คำว่าปรองดอง ได้มีการนำคำว่าปรองดองมาหาประโยชน์ฝ่ายตนมาโดยตลอด เอาวีรกานต์ มุสิกพงศ์ออกจากคุกก็อ้างถึงคำว่าปรองดอง ปล่อยแกนนำออกจากคุกก็อ้างปรองดอง ฯลฯ งานวิจัยสถาบันพระปกเกล้า ให้โละคดี คตส.ของทักษิณ ก็อ้างถึงเพื่อการปรองดองโดยตรง นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรพูดถึงการให้อภัยกัน ก็บอกว่าเพื่อการปรองดอง คำว่าปรองดองเป็นคำที่เฟ้อมาก
การปรองดองที่อ้างถึงครั้งล่าสุดนี้ เป็นเพียงนำมาใช้นิรโทษกรรมให้ทักษิณคนเดียว แต่อ้างถึงการนิรโทษกรรมผู้ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ทางการเมืองฝ่ายต่างๆ ให้ภาพว่าเป็นการปรองดอง หากเป็นเช่นนี้แล้วจะปรองดองไปทำไม
ดูใน Social media เช่น Twitter และ Facebook เป็นตัวอย่าง ระหว่างฝ่ายหลงใหลทักษิณกับไม่หลงใหลทักษิณ ต่างถล่มกันด้วยคำรุนแรงตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งเรื่อง 7.5 ล้านบาทชดใช้ให้ผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ทางการเมืองด้วย ดูแล้วไม่เห็นบรรยากาศที่จะให้เกิดความปรองดองของคนในชาติแต่อย่างใด
สิ่งเดียวที่ทีมวิจัยสถาบันพระปกเกล้า วิจัยได้ตรงจุด ดูได้จาก ไม่มีใครคัดค้าน ว่า “ทักษิณ” เป็นต้นเหตุขัดแย้ง ซึ่งก็ตรงตามที่ผู้เขียนนำเสนอมาโดยตลอด http://yfrog.com/h6vnj2j ทักษิณวิดีโอลิงก์มายังกลุ่มคนเสื้อแดง ชุมนุมกันที่โบนันซ่า เขาใหญ่ เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2555 ยังมิจฉาทิฐิไม่เปลี่ยนแปลง ใส่เสื้อแดงมาออกรายการ ทำให้เข้าใจว่าทักษิณไม่ได้เป็นผู้นำที่จะทำให้เกิดการปรองดองแต่อย่างใด ยังแยกกลุ่มคนออกเหมือนเดิม ก็เหมือนหลายครั้งที่ผ่านมา ปรองดองแต่วาจา แต่การกระทำไม่ใช่ ลวงล่อกันไม่จบสิ้น
ต้องแก้ที่คนต้นเหตุ ทักษิณทำความเสียหายให้ประเทศมากเหลือเกิน จะชดใช้หนี้กรรมอย่างไร ก็ชดใช้ไม่หมด วิธีปรองดองในทางเจริญ ที่ยั่งยืน ก็ต้องเอา “ทักษิณ” คนที่เป็นต้นเหตุของความขัดแย้งมารับโทษทัณฑ์ แล้วนิรโทษกรรมผู้ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ทั้งหมด ไม่ว่าฝ่ายเหลือง ฝ่ายแดง และฝ่ายราชการ จึงจะสมน้ำสมเนื้อกัน
http://twitter.com/indexthai2
indexthai2@gmail.com