ข่าวที่ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ได้เดินสายเปิดหมู่บ้านเสื้อแดง โดยหวังจะเปิดหมู่บ้านเสื้อแดงให้เป็น “แดงทั้งแผ่นดิน” และคราวนี้นายจตุพร ไปเปิดหมู่บ้านแดงที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ด่าคนใต้ว่าโง่ที่เลือกพรรคประชาธิปัตย์
ถูกครึ่งหนึ่ง เพราะพรรคประชาธิปัตย์เองก็เป็นพวก เป็นพรรคที่ยึดมั่นถือมั่นในลัทธิเผด็จการรัฐธรรมนูญ โดยยึดรัฐธรรมนูญฉบับปี 50 เป็นสรณะเป็นฝ่ายขวาหรือพวกอนุรักษนิยมแบบผิดๆ
ส่วนฝ่ายทักษิณ คือเสื้อแดงตัวพ่อ ก็ยึดมั่นถือมั่นในลัทธิเผด็จการรัฐธรรมนูญเช่นกัน ดังคำพูดของเขาโฟนอินที่โบนันซ่า “วันนี้พวกเรายังไม่หมดภารกิจนะครับจนกว่าเราจะได้ประชาธิปไตยคืนมา วันนี้ได้มาส่วนหนึ่งแล้วคือการให้ไปเลือก ส.ส.ร.เพราะฉะนั้นเราจะต้องช่วยกันดูแลเอาคนที่มีหัวใจประชาธิปไตยจริงๆ มาร่างรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยครับ”
แนวคิด “ร่างรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย” คือแนวคิดเจ้าเก่าดังเดิมของ “คณะราษฎร” ที่ครอบงำชนชั้นนำ ครอบงำผู้ปกครองให้เห็นผิดตาม โดยไม่ได้ฉุกคิด รู้สึกรู้สาอะไรเลย ต่างก็ได้สืบทอดกันมายาวนานร่วม 80 ปี ทั้งฝ่ายทักษิณและฝ่ายพรรคประชาธิปัตย์ จึงน่าเห็นใจคนใต้ที่ไม่มีตัวเลือก หากเลือกพรรคเพื่อไทยก็เท่ากับว่าเลือกให้ไปคอร์รัปชัน ปล้นแผ่นดิน เอาแต่ประโยชน์ส่วนตัวของเหล่าแกนนำพรรคและเหล่าหัวหน้าทาสรับใช้ หากเลือกพรรคประชาธิปัตย์ก็ทำงานไม่เป็น นโยบายล้าหลังไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงพรรคประชาธิปัตย์ควรจะศึกษาวิเคราะห์กันอย่างหนัก จนกระทั่งรู้ว่าสภาพการณ์ที่แท้ของชาติตกอยู่ภายใต้การปกครองแบบเผด็จการรัฐธรรมนูญระบบรัฐสภา
และหากวันใดพรรคประชาธิปัตย์ประกาศเสนอแก้ไขเหตุวิกฤตชาติด้วยการประกาศนโยบายผลักดันสถาปนาหลักการ (ระบอบ) ปกครองแบบประชาธิปไตยจริงๆ สู้กับนโยบายร่างรัฐธรรมนูญใหม่ของพรรคเพื่อไทย รับรองได้ว่าพรรคประชาธิปัตย์ชนะขาดลอย เพราะเป็นฝ่ายรุกทางการเมือง ด้วยนโยบายการเมืองที่เหนือกว่า และถือว่าเป็นพรรคการเมืองที่ได้เลิกโกหกพี่น้องประชาชนรวมทั้งพี่น้องชาวใต้ด้วย
แนวคิด “ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ให้เป็นประชาธิปไตย” ของทักษิณ ไม่มีอะไรใหม่ เป็นแนวคิดเดิมๆ เช่นเดียวกับอดีตคณะผู้ปกครองอื่นๆ นับแต่คณะราษฎร เป็นต้นมา แนวคิดดังกล่าวนี้ เราได้พูดท้าทายไปแล้วว่า แนวทาง “ร่างรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย” นั้น พวกเธอจะร่างกันสัก 100 ครั้ง 1,000 ฉบับ ก็ไม่มีวันที่จะได้ระบอบประชาธิปไตย
แนวทางวิธีการนี้ผิดพลาดมาแล้ว 18 ครั้ง และครั้งต่อไปยังจะดันทุรังผิดซ้ำซากเป็นครั้งที่ 19 อันที่จริงจะว่าไปแล้ว ทักษิณ มีแต่เงิน ต้องการอำนาจเพื่อรักษาผลประโยชน์ของตนเอง ตระกูลชินวัตรเท่านั้น หาได้มีอุดมการณ์ทางการเมืองอะไรไม่ ก็ดูจากการพูดในหลายๆ ครั้ง ล้วนแล้วแต่พูดผิดๆ พูดหลอก พูดโฆษณาชวนเชื่อให้มวลชนอ่อนการศึกษาเชื่อเขาด้วยนโยบายประชานิยม แท้จริงก็คือเอาเงินภาษีของประชาชนไปซื้อเสียงนั่นเอง
ส่วนแกนนำเสื้อแดงเช่นนายจตุพร พรหมพันธุ์ เดิมเป็นลูกน้องของนายวัชระ เพชรทอง ส.ส.สัดส่วนพรรคประชาธิปัตย์ ส่วนวีระ, ก่อแก้ว ฯลฯ คนเหล่านี้ล้วนแล้วแต่หลอกทักษิณเพื่อเงินทั้งสิ้น พวกจตุพรสมัยเรียนรามฯ เป็นเด็กจนๆ เรียนรู้การเมืองนิดหน่อยจากนายวีระ มุสิกพงศ์ซึ่งเป็นศิษย์เอกของอดีตคอมมิวนิสต์นายไขแสง สุกใส จากนั้นก็เล่นการเมืองในรามฯ แล้วก็ร่วมกันคอร์รัปชันงบประมาณในองค์การนักศึกษารามฯ ถามว่ากลุ่มคนพวกนี้มีอุดมการณ์ไหม ตอบว่าไม่มี แต่พวกนี้มีอิทธิพล เป็นขาใหญ่ในรามฯ ลองถามนายอารีย์ ไกรนราซึ่งเป็นขาใหญ่ตัวพ่อในรามฯ อดีตเจ้าหน้าที่ฝ่ายกิจกรรมนักศึกษา ใครอยากเป็นนายกองค์การนักศึกษารามฯ ต้องซูฮก ต้องแบ่งให้คนนี้จึงจะได้เป็นนายกองค์การนักศึกษาฯ
จะเห็นว่า แนวทางคณะราษฎร แนวทางทักษิณ พรรคเพื่อไทย แกนนำเสื้อแดง ฯลฯ พวกนี้จะถือแนวทางของ นายปรีดี พนมยงค์ และฝ่ายซ้าย ทั้งนี้เพราะความฉลาดแกมโกงของทักษิณนี่เอง ยอมลงทุนซื้อแกนนำฝ่ายซ้าย ซื้อพวกเอกชนวีรชน ทั้งนี้ก็เพื่ออำนาจของตนเอง ด้วยที่ทักษิณมีบุคลิกโอ้อวดว่าเขาทำได้ทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งในสิ่งที่เขาต้องการ
เขาจึงไม่สนใจในวิธีการที่จะได้มา เช่น ขึ้นศาลหากเขาแพ้ เขาก็บอกว่าศาลตัดสินผิด ไม่ยอมรับคำตัดสิน หลายคดีที่ฟ้องคนอื่นเขาชนะ เขากลับพูดว่า “ศาลให้ความยุติธรรม” แสดงให้เห็นว่าเขาต้องถูกเสมอและชนะเสมอ คำว่าผิด คำว่าแพ้ จึงไม่มีอยู่ในใจของเขาซึ่งนับว่าเป็นบุคคลที่อันตรายมาก
เบื้องลึกจริงๆ แล้วเสื้อแดงในพื้นที่พยายามวิ่งเต้นที่จะจัดตั้งหมู่บ้านเสื้อแดง แกนนำก็รู้อยู่แก่ใจว่าพวกเขาไม่ได้มีอุดมการณ์อะไร แต่ที่ทำไปนั้นก็เพื่อดูดเงิน ได้ค่าใช้จ่าย ค่าดำเนินงานต่างๆ หากอยู่เฉยๆ ก็เหี่ยวเฉาตาย
ดังนั้น แผนการดึงเงินจากทักษิณ ดึงเงินจากงบประมาณตามนโยบายประชานิยม รัฐบาลก็จ่ายไปๆ ทุกอย่างเพื่อรักษาแกนนำ รักษาหัวคะแนนไว้ แต่อีกด้านหนึ่งรัฐบาลกู้เงินจำนวนมหาศาลเพื่อสนองตอบนโยบายประชานิยม
การกู้เงินจำนวนมหาศาลของรัฐบาล “ปูนิ่ม” นี้เองทำให้ประเทศมีหนี้สาธารณะมากขึ้นๆ ประชาชนยากจนลงๆ และอีกด้านหนึ่งที่จะตามมาของการใช้จ่ายงบประมาณคือเกิดการคอร์รัปชันทุกระดับรวมเสร็จสรรพสูงถึง 60% ของงบประมาณทั้งหมด ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก ใครจะหยุดยั้งมันได้ละ
แนวคิดเผด็จการรัฐธรรมนูญครอบงำทักษิณ แกนนำทางทฤษฎี แกนนำฝ่ายซ้าย แกนนำเสื้อแดงภาคปฏิบัติ ล้วนแล้วไม่รู้ว่าระบอบประชาธิปไตยคืออะไร พวกเขาพร่ำบ่นว่าอยากได้ประชาธิปไตยๆ หากพวกเขาอยากได้จริงๆ และรู้การสร้างระบอบประชาธิปไตย พวกเขาคงไม่คิดแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่จะคิดอย่างสร้างสรรค์ในการเสนอนโยบายเพื่อ “ทรงสถาปนาหลักการปกครองโดยธรรม”
แต่... มันคงเป็นไปไม่ได้เพราะพวกเขาไม่ได้เป็นนักคิด พวกเขาเป็นได้เพียงนักฉวยโอกาส ฉกฉวยอำนาจและทรัพย์สมบัติของชาติ ของประชาชนไปเป็นของตนเองและพวกพ้อง ทักษิณและพวกจึงเป็นได้เพียงพวกที่ยึดมั่นในระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญ (ระบบรัฐสภา) เท่านั้น
ถูกครึ่งหนึ่ง เพราะพรรคประชาธิปัตย์เองก็เป็นพวก เป็นพรรคที่ยึดมั่นถือมั่นในลัทธิเผด็จการรัฐธรรมนูญ โดยยึดรัฐธรรมนูญฉบับปี 50 เป็นสรณะเป็นฝ่ายขวาหรือพวกอนุรักษนิยมแบบผิดๆ
ส่วนฝ่ายทักษิณ คือเสื้อแดงตัวพ่อ ก็ยึดมั่นถือมั่นในลัทธิเผด็จการรัฐธรรมนูญเช่นกัน ดังคำพูดของเขาโฟนอินที่โบนันซ่า “วันนี้พวกเรายังไม่หมดภารกิจนะครับจนกว่าเราจะได้ประชาธิปไตยคืนมา วันนี้ได้มาส่วนหนึ่งแล้วคือการให้ไปเลือก ส.ส.ร.เพราะฉะนั้นเราจะต้องช่วยกันดูแลเอาคนที่มีหัวใจประชาธิปไตยจริงๆ มาร่างรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยครับ”
แนวคิด “ร่างรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย” คือแนวคิดเจ้าเก่าดังเดิมของ “คณะราษฎร” ที่ครอบงำชนชั้นนำ ครอบงำผู้ปกครองให้เห็นผิดตาม โดยไม่ได้ฉุกคิด รู้สึกรู้สาอะไรเลย ต่างก็ได้สืบทอดกันมายาวนานร่วม 80 ปี ทั้งฝ่ายทักษิณและฝ่ายพรรคประชาธิปัตย์ จึงน่าเห็นใจคนใต้ที่ไม่มีตัวเลือก หากเลือกพรรคเพื่อไทยก็เท่ากับว่าเลือกให้ไปคอร์รัปชัน ปล้นแผ่นดิน เอาแต่ประโยชน์ส่วนตัวของเหล่าแกนนำพรรคและเหล่าหัวหน้าทาสรับใช้ หากเลือกพรรคประชาธิปัตย์ก็ทำงานไม่เป็น นโยบายล้าหลังไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงพรรคประชาธิปัตย์ควรจะศึกษาวิเคราะห์กันอย่างหนัก จนกระทั่งรู้ว่าสภาพการณ์ที่แท้ของชาติตกอยู่ภายใต้การปกครองแบบเผด็จการรัฐธรรมนูญระบบรัฐสภา
และหากวันใดพรรคประชาธิปัตย์ประกาศเสนอแก้ไขเหตุวิกฤตชาติด้วยการประกาศนโยบายผลักดันสถาปนาหลักการ (ระบอบ) ปกครองแบบประชาธิปไตยจริงๆ สู้กับนโยบายร่างรัฐธรรมนูญใหม่ของพรรคเพื่อไทย รับรองได้ว่าพรรคประชาธิปัตย์ชนะขาดลอย เพราะเป็นฝ่ายรุกทางการเมือง ด้วยนโยบายการเมืองที่เหนือกว่า และถือว่าเป็นพรรคการเมืองที่ได้เลิกโกหกพี่น้องประชาชนรวมทั้งพี่น้องชาวใต้ด้วย
แนวคิด “ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ให้เป็นประชาธิปไตย” ของทักษิณ ไม่มีอะไรใหม่ เป็นแนวคิดเดิมๆ เช่นเดียวกับอดีตคณะผู้ปกครองอื่นๆ นับแต่คณะราษฎร เป็นต้นมา แนวคิดดังกล่าวนี้ เราได้พูดท้าทายไปแล้วว่า แนวทาง “ร่างรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย” นั้น พวกเธอจะร่างกันสัก 100 ครั้ง 1,000 ฉบับ ก็ไม่มีวันที่จะได้ระบอบประชาธิปไตย
แนวทางวิธีการนี้ผิดพลาดมาแล้ว 18 ครั้ง และครั้งต่อไปยังจะดันทุรังผิดซ้ำซากเป็นครั้งที่ 19 อันที่จริงจะว่าไปแล้ว ทักษิณ มีแต่เงิน ต้องการอำนาจเพื่อรักษาผลประโยชน์ของตนเอง ตระกูลชินวัตรเท่านั้น หาได้มีอุดมการณ์ทางการเมืองอะไรไม่ ก็ดูจากการพูดในหลายๆ ครั้ง ล้วนแล้วแต่พูดผิดๆ พูดหลอก พูดโฆษณาชวนเชื่อให้มวลชนอ่อนการศึกษาเชื่อเขาด้วยนโยบายประชานิยม แท้จริงก็คือเอาเงินภาษีของประชาชนไปซื้อเสียงนั่นเอง
ส่วนแกนนำเสื้อแดงเช่นนายจตุพร พรหมพันธุ์ เดิมเป็นลูกน้องของนายวัชระ เพชรทอง ส.ส.สัดส่วนพรรคประชาธิปัตย์ ส่วนวีระ, ก่อแก้ว ฯลฯ คนเหล่านี้ล้วนแล้วแต่หลอกทักษิณเพื่อเงินทั้งสิ้น พวกจตุพรสมัยเรียนรามฯ เป็นเด็กจนๆ เรียนรู้การเมืองนิดหน่อยจากนายวีระ มุสิกพงศ์ซึ่งเป็นศิษย์เอกของอดีตคอมมิวนิสต์นายไขแสง สุกใส จากนั้นก็เล่นการเมืองในรามฯ แล้วก็ร่วมกันคอร์รัปชันงบประมาณในองค์การนักศึกษารามฯ ถามว่ากลุ่มคนพวกนี้มีอุดมการณ์ไหม ตอบว่าไม่มี แต่พวกนี้มีอิทธิพล เป็นขาใหญ่ในรามฯ ลองถามนายอารีย์ ไกรนราซึ่งเป็นขาใหญ่ตัวพ่อในรามฯ อดีตเจ้าหน้าที่ฝ่ายกิจกรรมนักศึกษา ใครอยากเป็นนายกองค์การนักศึกษารามฯ ต้องซูฮก ต้องแบ่งให้คนนี้จึงจะได้เป็นนายกองค์การนักศึกษาฯ
จะเห็นว่า แนวทางคณะราษฎร แนวทางทักษิณ พรรคเพื่อไทย แกนนำเสื้อแดง ฯลฯ พวกนี้จะถือแนวทางของ นายปรีดี พนมยงค์ และฝ่ายซ้าย ทั้งนี้เพราะความฉลาดแกมโกงของทักษิณนี่เอง ยอมลงทุนซื้อแกนนำฝ่ายซ้าย ซื้อพวกเอกชนวีรชน ทั้งนี้ก็เพื่ออำนาจของตนเอง ด้วยที่ทักษิณมีบุคลิกโอ้อวดว่าเขาทำได้ทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งในสิ่งที่เขาต้องการ
เขาจึงไม่สนใจในวิธีการที่จะได้มา เช่น ขึ้นศาลหากเขาแพ้ เขาก็บอกว่าศาลตัดสินผิด ไม่ยอมรับคำตัดสิน หลายคดีที่ฟ้องคนอื่นเขาชนะ เขากลับพูดว่า “ศาลให้ความยุติธรรม” แสดงให้เห็นว่าเขาต้องถูกเสมอและชนะเสมอ คำว่าผิด คำว่าแพ้ จึงไม่มีอยู่ในใจของเขาซึ่งนับว่าเป็นบุคคลที่อันตรายมาก
เบื้องลึกจริงๆ แล้วเสื้อแดงในพื้นที่พยายามวิ่งเต้นที่จะจัดตั้งหมู่บ้านเสื้อแดง แกนนำก็รู้อยู่แก่ใจว่าพวกเขาไม่ได้มีอุดมการณ์อะไร แต่ที่ทำไปนั้นก็เพื่อดูดเงิน ได้ค่าใช้จ่าย ค่าดำเนินงานต่างๆ หากอยู่เฉยๆ ก็เหี่ยวเฉาตาย
ดังนั้น แผนการดึงเงินจากทักษิณ ดึงเงินจากงบประมาณตามนโยบายประชานิยม รัฐบาลก็จ่ายไปๆ ทุกอย่างเพื่อรักษาแกนนำ รักษาหัวคะแนนไว้ แต่อีกด้านหนึ่งรัฐบาลกู้เงินจำนวนมหาศาลเพื่อสนองตอบนโยบายประชานิยม
การกู้เงินจำนวนมหาศาลของรัฐบาล “ปูนิ่ม” นี้เองทำให้ประเทศมีหนี้สาธารณะมากขึ้นๆ ประชาชนยากจนลงๆ และอีกด้านหนึ่งที่จะตามมาของการใช้จ่ายงบประมาณคือเกิดการคอร์รัปชันทุกระดับรวมเสร็จสรรพสูงถึง 60% ของงบประมาณทั้งหมด ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก ใครจะหยุดยั้งมันได้ละ
แนวคิดเผด็จการรัฐธรรมนูญครอบงำทักษิณ แกนนำทางทฤษฎี แกนนำฝ่ายซ้าย แกนนำเสื้อแดงภาคปฏิบัติ ล้วนแล้วไม่รู้ว่าระบอบประชาธิปไตยคืออะไร พวกเขาพร่ำบ่นว่าอยากได้ประชาธิปไตยๆ หากพวกเขาอยากได้จริงๆ และรู้การสร้างระบอบประชาธิปไตย พวกเขาคงไม่คิดแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่จะคิดอย่างสร้างสรรค์ในการเสนอนโยบายเพื่อ “ทรงสถาปนาหลักการปกครองโดยธรรม”
แต่... มันคงเป็นไปไม่ได้เพราะพวกเขาไม่ได้เป็นนักคิด พวกเขาเป็นได้เพียงนักฉวยโอกาส ฉกฉวยอำนาจและทรัพย์สมบัติของชาติ ของประชาชนไปเป็นของตนเองและพวกพ้อง ทักษิณและพวกจึงเป็นได้เพียงพวกที่ยึดมั่นในระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญ (ระบบรัฐสภา) เท่านั้น