ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-ถึงตอนนี้ คงยากที่ใครจะปฏิเสธว่า การตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการสร้างแนวทางการปรองดองแห่งชาติ หรือ กมธ.ปรองดอง สภาผู้แทนราษฎร ที่มี พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคมาตุภูมิ เป็นประธานนั้น เป็นไปเพื่อช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ให้หลุดพ้นจากความผิด และกลับมามีอำนาจอีกครั้ง
นับตั้งแต่ พล.อ.เอกชัย ศรีวิลาศ ผู้อำนวยการสำนักสันติวิธีและธรรมาภิบาล สถาบันพระปกเกล้า ได้แถลงถึงรายงานข้อเสนอสร้างความปรองดองในชาติ ตามที่ กมธ.ปรองดองมอบหมายให้ไปศึกษาวิจัย เมื่อวันที่ 8 มีนาคมที่ผ่านมา ก็เริ่มเห็นแล้วว่า งานวิจัยชิ้นนี้ให้ประโยชน์แก่ใคร
โดยเฉพาะข้อเสนอที่เป็นหัวใจสำคัญของรายงานชิ้นนี้คือการออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมให้แก่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับการขัดแย้งทางการเมืองในช่วงปี 2548 เป็นต้นมา และยกเลิกผลทางกฎหมายของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ(คตส.) ซึ่งหมายถึงการยกเลิกคดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรทั้งหมด
ทั้ง กมธ.ปรองดองและสถาบันพระปกเกล้า จึงถูกกล่มด้วยเสียงวิจารณ์อย่างหนัก ว่า กำลังรับงาน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มาหรือไม่
นายวัฒนา เมืองสุข รองประธาน กมธ.ปรองดอง และเป็นคนใกล้ชิด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อีกคนหนึ่ง ยอมรับว่าเป็นผู้ประสานงานให้นายวุฒิสาร ตันไชย รองเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้าได้สัมภาษณ์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่นครดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับอีมิเรตส์ แต่ได้ปฏิเสธว่าเขาไม่ได้ชี้นำงานวิจัยชิ้นนี้ และอ้างว่า พล.อ.สนธิได้มีคำสั่งให้เปิดเวทีสาธารณะในวันที่ 21 มีนาคม เพื่อให้คณะผู้ทำวิจัยชี้แจงเหตุผล วิธีวิจัย ผลการศึกษา โดยจะเชิญทุกฝ่ายมาร่วมรวมถึงหัวหน้าพรรคทุกพรรคและสื่อมวลชนเข้ารับฟัง และจะมีการเปิดให้ซักถามด้วย
อย่างไรก็ตาม การเปิดเวทีที่โรงแรมโรงแรมมิราเคิล แกรนด์ เมื่อวันที่ 21 มีนาคมที่ผ่านมานั้น กลับพบว่า ยิ่งถลำลึกเข้าทาง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรมากขึ้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตั้งคำถามจาก พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา ในฐานะตัวแทนจากพรรคการเมืองที่เข้าร่วมแสดงความคิดเห็น ที่ถาม พล.อ.สนธิ ในฐานะอดีตประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(คมช.) หัวหน้าคณะรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ถึงเบื้องหลังการยึดอำนาจในวันดังกล่าว สรุปได้ว่า 1.อำมาตย์และผู้ที่อยู่เหนือรัฐธรรมนูญ เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง 2.หลังการปฏิวัติแล้ว พล.อ.สนธิและคณะปฏิวัติได้เข้าเฝ้าฯ โดยมี พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เป็นผู้นำคณะเข้าเฝ้าฯ และรู้เห็นถึงการปฏิวัติในครั้งนั้นหรือไม่ และ 3.ภายหลังเกิดความขัดแย้งทางการเมือง พล.อ.เปรมเคยขอร้องให้ พล.อ.สนธิ ออกมาพูดความจริง โดยผ่าน พล.อ.มงคล อัมพรพิสิฏฐ์ อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด ถึง 2 ครั้ง ใช่หรือไม่ และ พล.อ.สนธิได้ออกมาพูดความจริงหรือไม่
การตั้งคำถามของ พล.ต.สนั่นดังกล่าวสร้างความตื่นตะลึงให้กับผู้เข้าฟังขึ้นมาทันที เพราะนี่ไม่ใช่แค่ถามแบบกว้างๆ พอเป็นพิธี แต่กลับลงลึก และเหมือนกับเป็นการถามแทนกลุ่มคนเสื้อแดง หรือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
ยิ่งไปกว่านั้น การที่ พล.อ.สนธิตอบแบบคลุมเครือว่า เรื่องบางเรื่องนั้นตายแล้วก็ตอบไม่ได้ ไม่ควรเอามาพูด เพราะพูดไปแล้วได้อะไรขึ้นมา ก็ยิ่งเข้าทาง พ.ต.ท.ทักษิณยิ่งขึ้น เพราะเขาพูดให้คนสงสัยมาตลอดว่า พล.อ.เปรมคือผู้อยู่เบื้องหลังการยึดอำนาจ การที่ พล.อ.สนธิไม่ยอมตอบให้ชัดเจน จึงยิ่งเพิ่มความสงสัยมากขึ้น
น่าวิเคราะห์ว่า เหตุใด พล.ต.สนั่นจึงถามคำถามเช่นนี้ และทำไม พล.อ.สนธิจึงตอบเช่นนั้น
สาเหตุของการยึดอำนาจนั้น คมช.เคยแถลงแล้วว่าเป็นเพราะพฤติกรรมของรัฐบาลทักษิณ ชินวัตรสรุปได้ 4 ข้อ คือ การทุจริตคอร์รัปชั่น การสร้างความแตกแยกในหมู่ประชาชน การแทรกแซงองค์กรอิสระ และการหมิ่นเหม่ต่อการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ
ส่วนข้อสงสัยว่า พล.อ.เปรมอยู่เบื้องหลังนั้น พล.อ.เปรมเคยให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนแล้วว่า ในคืนวันนั้นไม่ได้เป็นผู้พาคณะปฏิวัติเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่ได้เข้าเฝ้าพร้อมกันในฐานะประธานองคมนตรีที่ต้องเข้าเฝ้าฯ เมื่อมีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นในบ้านเมืองเท่านั้น และ พล.อ.เปรมไม่รู้เห็นกับการยึดอำนาจ รวมทั้ง พล.อ.สนธิก็เคยให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนแล้วว่า ก่อนการยึดอำนาจได้หารือกับ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ขณะที่เป็นแม่ทัพภาคที่ 1 เท่านั้น
แม้ว่า พล.ต.สนั่น จะชี้แจงเมื่อวันที่ 22 มีนาคมว่า เหตุผลที่ตั้งคำถามต่อ พล.อ.สนธิถึงเบื้องหลังการยึดอำนาจ ก็เพราะต้องการให้สังคมหายสงสัย และจากข่าวกรองที่ตนมีนั้น รู้อยู่แล้วว่า พล.อ.เปรมไม่ได้อยู่เบื้องหลังการยึดอำนาจและไม่ได้เป็นผู้พาคณะปฏิวัติเข้าเฝ้าฯ จึงคิดว่า พล.อ.สนธิจะกล้าตอบไปตามความเป็นจริง
อย่างไรก็ตาม พล.ต.สนั่นในฐานะผู้คร่ำหวอดในแวดวงการเมืองมานาน คิดไม่ออกเชียวหรือว่า ถึงแม้ พล.อ.สนธิจะตอบไปตามข้อมูลข่าวกรองที่ พล.ต.สนั่นมีอยู่ ฝ่ายคนเสื้อแดง พ.ต.ท.ทักษิณ หรือพรรคเพื่อไทย จะหยุดกล่าวหาว่ามีอำมาตย์อยู่เบื้องหลังการยึดอำนาจ
ข้อเท็จจริงก็เป็นที่ประจักษ์อยู่แล้วว่า ข้อมูลข่าวกรองที่ พล.ต.สนั่นอ้างถึงนั้น เคยมีการชี้แจงมาแล้ว ทั้งจาก พล.อ.เปรม และ พล.อ.สนธิเอง แต่คนเสื้อแดงก็ยังไม่หยุดกล่าวหา
จึงไม่เข้าใจว่าเหตุใด พล.ต.สนั่นจึงนำมาตั้งคำถามซ้ำ และเป็นการตั้งคำถามในเวทีปรองดอง ซึ่งย่อมจะคาดการณ์ได้ว่า คำถามที่จะก่อให้เกิดความขัดแย้งเช่นนี้ พล.อ.สนธิ ที่กลายเป็นคนไร้จุดยืนคงไม่กล้าตอบแบบตรงๆ แน่นอน เพราะมีหัวโขน ประธาน กมธ.ปรองดองสวมอยู่ และหากตอบไปตรงๆ ว่า ไม่มีใครอยู่เบื้องหลังการยึดอำนาจ แต่ตัดสินใจทำวันนั้นเพราะพฤติกรรม 4 ข้อของรัฐบาลทักษิณ ก็ย่อมจะสร้างความไม่พอใจให้กับฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และถูกกล่าวหาว่าไม่วางตัวเป็นกล่างอย่างแน่นอน
คำถามของ พล.ต.สนั่นในวันนั้น จึงเป็นเสมือนการถามแทน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และทำให้ฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณได้แต้มต่อไปเต็มๆ
ต้องไม่ลืมว่า พล.ต.สนั่น เมื่อครั้งเป็นรองนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็เคยเดินทางไปพูดคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ขณะไปทำบุญทอดกฐินที่ประเทศนอร์เวย์มาแล้ว ด้วยข้ออ้างว่า เพื่อหารือเรื่องการปรองดอง
ส่วน พล.อ.สนธินั้น กลายเป็นคนไม้หลักปักขี้เลนไร้จุดยืนตั้งแต่ช่วงหลังการยึดอำนาจใหม่ๆ แล้ว เพราะไม่ได้เอาจริงเอาจังกับการให้ข้อมูลแก่ประชาชนเพื่อให้เห็นอันตรายของเผด็จการทุนสามานย์ภายใต้การนำของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แต่กลับรีบจัดให้มีการเลือกตั้ง โดยที่ พล.อ.สนธิก็แอบไปลงเล่นการเมืองเสียเองด้วยการสนับสนุนอยู่เบื้องหลังพรรคเพื่อแผ่นดิน ก่อนที่จะมาเทกโอเวอร์พรรคมาตุภูมิในเวลาต่อมา และกลายเป็นหมากตัวหนึ่งในการเดินเกมให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พ้นจากความผิดและกลับเข้ามาในประเทศอีกครั้ง
จึงทำให้เกิดคำถามว่า แท้ที่จริงแล้ว พล.อ.สนธิยึดอำนาจจากรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณด้วยเรื่องของบ้านเมืองคือเหตุผล 4 ข้อ หรือเรื่องส่วนตัวเพราะกลัวว่าตนเองจะถูกปลดจากตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกกันแน่
พล.อ.สนธิให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 22 มีนาคมว่า การจะสร้างการปรองดองขึ้นได้ บางประเด็นอย่าพูดกัน ถ้าพูดกันก็ไม่จบ ส่วนเงื่อนไขการทำรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยาฯ ทั้ง 4 ข้อ ตนไม่คิดแล้ว คิดแต่ว่าพรุ่งนี้จะเดินไปอย่างไร ส่วนเรื่องที่ พ.ต.ท.ทักษิณเคยทุจริตในคดีต่างๆ ก็อย่าเอามาทำให้สังคมแตกแยก และเมื่อถูกถามเรื่องข้อเสนอให้ยกเลิกคดี คตส. พล.อ.สนธิที่ตั้ง คตส.มากับมือก็ถึงกับแสดงอาการหัวเสีย อ้างว่านั่นเป็นแค่ข้อเสนอทางวิชาการ จะเอาอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับสภา
ไม่ว่าการตั้งคำถามของ พล.ต.สนั่น และการตอบของ พล.อ.สนธิ ในเวทีปรองดองเมื่อวันที่ 21 มีนาคมจะมีสาเหตุมาจากอะไร แต่ลักษณะการตั้งคำถามแบบเจ้าเล่ห์ของ พล.ต.สนั่น และการตอบคำถามแบบขี้ขลาดของ พล.อ.สนธิ ล้วนให้ประโยชน์ต่อ พ.ต.ท.ทักษิณที่จะใช้ข้ออ้างเรื่องการปรองดองในการลบล้างความผิดให้ตัวเอง
ในขณะเดียวกันฝ่ายคนเสื้อแดงก็จะนำไปขยายผลนำเรื่องการรัฐประหารวันที่ 19 กันยายน 2549 ไปขยายผลเพื่อสั่นคลอนสถาบันหลักของชาติอีกครั้ง