ASTVผู้จัดการรายวัน – ท่องเที่ยวหมดเวลาโปรโมตคุ้มค่าเงิน “สุรพล” สั่งปี 56 เดินเกม ปลุกกระแสท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ สร้างมูลค่าเพิ่ม พำนักยาว โกยเงินให้ได้ 2 ล้านล้านบาทในปี 58 พร้อม สร้างยูนิคความเป็นไทยให้โดดเด่น รับศึกอาเซียน ปรับคู่แข่งเป็นคู่ค้า ฟากเอกชนชี้ อุปสรรคสำคัญ อุตสาหกรรมนี้ขาดบูรณาการทำงาน แนะหน่วยงานรัฐ ตั้งผู้อำนวยการฝ่ายท่องเที่ยว
ร่วมถกปํญหา
วานนี้(22มี.ค.55) ในการประชุม ระดมความคิดเห็นร่วมภาครัฐและเอกชนเกี่ยวกับทิศทางการท่องเที่ยวปี 2556 นายสุรพล เศวตเศรนี ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จุดประสงค์การประชุม เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการจัดทำแผนการตลาด ททท.ประจำปีงบประมาณ 2556 โดยมุ่งสู่นโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้ประเทศไทยมีรายได้จากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว 2 ล้านล้านบาทในปี 2558
ดังนั้น ภาพลักษณ์ของประเทศไทยในด้านการท่องเที่ยว และ แผนการทำงานของ ททท.จะต้องมีการปรับเปลี่ยน การชูจุดขายเรื่องความคุ้มค่าเงิน ให้แก่นักท่องเที่ยวคงไม่เพียงพอ เพราะจะไม่ทำให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ไม่สามารถทำรายได้ถึง 2 ล้านล้านบาท ในปี 2558 ตามที่รัฐบาลกำหนดไว้ หากจะรอโครงการเมกกะโปรเจก ก็คงไม่ทันเวลา
ดังนั้น แนวทางการดำเนินงาน ของ ททท. เพื่อบรรลุเป้าหมาย เน้น 4 ประเด็นสำคัญ ประกอบด้วย การสร้างภาพลักษณ์ประเทศไทย ภายใต้แบรนด์ อะเมซิ่ง ไทยแลนด์ นำเสนอความเป็นไทย นำเสนอแหล่งท่องเที่ยวคุณภาพที่นักท่องเที่ยวพร้อมจ่าย หรือ ควอลิตี้ เลเชอร์ เดสติเนชั่น 2. มุ่งส่งเสริมการตลาดแบบสร้างคุณค่าทางจิตใจ เพิ่มบทบาทในการสร้าง คอนแทรก ควอลิตี้
กับประเทศในกลุ่มอาเซียน ผลักดันประเทศไทยให้เป็นมากกว่า คอนเน็คทิวิตี้ คือเป็นผู้ให้ แต่ได้รับร่วมกัน สร้างยูนิคของความเป็นไทยให้โดดเด่น
3.ควรสร้างแหล่งท่องเที่ยวขึ้นเองจากความคิดสร้างสรร ต่อยอด ควบคู่ไปกับการใส่ใจสิ่งแวดล้อม เพื่อการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน สร้างสรรทางเลือกใหม่ให้สินค้าหรือผลิตภัณฑ์ท่องเที่ยวเสมอๆ ให้เกิดการพำนักนานวันขึ้น 4. การจัดการด้านแรงงานให้มีคุณภาพ รองรับการเติบโตและการแข่งขันของอุตสาหกรรม สร้างองค์ความรู้ในการบริหารวิกฤติ
โดยมองการเปิดเสรีประชาคมเศรษบกิจอาเซียน(AEC) ว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะช่วยเร่งให้ประเทศไทยมีความคิดอย่างเป็นระบบได้เร็วขึ้น ปลุกพลังเอาชนะอุปสรรค
***อุปสรรคใหญ่ท่องเที่ยวขาดบูรณาการ****
ทางด้านนายเจริญ วังอนานนท์ โฆษก สหพันธ์สมาคมท่องเที่ยวไทย (เฟสต้า) กล่าวว่า แผนการตลาด ททท. ควร มี ทั้งระยะ สั้น กลาง และยาว กำหนดประเมินผลเป็นระยะๆ เพื่อปรับให้ทันสถานการณ์ ที่สำคัญ อุปสรรคที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ไม่ได้เกิดจากการทำงานของ ททท. เพียงฝ่ายเดียว
แต่เกิดจากการไม่บูรณาการของแต่ละหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เช่น ล่าสุด ปัญหา ความหนาแน่นของนักท่องเที่ยวที่ด่านตรวคนเข้าเมือง สนามบินสุวรรณภูมิ หรือปัญหา การดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว ดังนั้น จึงอยากเสนอให้ ในแต่ละกระทรวงที่มีหน่วยงานเกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว มีการแต่งตั้งผู้อำนวยการฝ่ายด้านการท่องเที่ยว เพื่อ
มาร่วมประชุมกับกระทรวงการท่องเที่ยวเพื่อร่วมแก้ไขปัญหาและผลักดันโครงการต่างๆให้เกิดขึ้นจริง
***เปลี่ยนคู่แข่งเป็นคู่ค้ารับAEC*****
ทางด้านนายสันติ ชุดินธรา ผู้อำนวยการฝ่ายแผน ททท. ในการวางแผน ของ ททท. ส่วนหนึ่ง จะต้อง มีการเพิ่มการโปรโมตเส้นทางท่องเที่ยวใหม่ๆ ให้เกิดขึ้น เน้น เส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยใช้กลยุทธ์ สร้างคู่แข่งเป็นคู่ค้า ผลักดันประเทศไทยเป็นมากกว่าเกทเวย์ ที่นักท่องเที่ยวต้องพำนัก ทั้งก่อนและหลังการเดินทางต่อไปยังประเทศเพื่อนบ้าน
อย่างไรก็ตามการระดมความคิดครั้งนี้ ททท.จะใช้เป็นข้อมูลก่อนสรุปทำแผนให้ทันในเดือนมิถุนายนศกนี้
***แนะเดินสายประชุมกลุ่มย่อยภูมิภาค****
นายสราวุฒิ เตี๋ยว นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยว จังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า โดยส่วนตัวต้องการเสนอให้ททท.จัดเดินสายไปรับฟังความคิดเห็นของภาคเอกชนในภูมิภาคต่างๆ เพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงลึกและหลากหลาย เพื่อประโยชน์ในการจัดทำแผนการตลาดให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันในแต่ละภูมิภาค
นายโอภาส เนตรอำไพ รองประธานสมาคมส่งเสริมการประชุมนานาชาติ (ไทย) หรือ ทิก้า กล่าวว่า ต้องการให้รัฐบาลมองภาระกิจหน้าที่ของ ททท.ให้ชัดเจน ว่าทำหน้าที่อะไร ซึ่งหากเป็นภาระกิจด้านการตลาดถือว่า ททท.ทำงานได้ดีมาก แต่ ปัจจุบัน ภาระหน้าที่ด้านการจัดการปัญหาที่เกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยวกลับกลายเป็น ททท.ต้องเป็นผู้แก้ไข ทั้งที่ไม่ใช่ภาระกิจของททท. เช่น
ความแออัดของนักท่องเที่ยวที่สนามบิน หรือกรณีนักท่องเที่ยวถูกหลอกลวงจากมิจฉาชีพ จึงเห็นว่า รัฐความทำงานบูรณาการอย่างเป็นรูปธรรมที่แท้จริง
ร่วมถกปํญหา
วานนี้(22มี.ค.55) ในการประชุม ระดมความคิดเห็นร่วมภาครัฐและเอกชนเกี่ยวกับทิศทางการท่องเที่ยวปี 2556 นายสุรพล เศวตเศรนี ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จุดประสงค์การประชุม เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการจัดทำแผนการตลาด ททท.ประจำปีงบประมาณ 2556 โดยมุ่งสู่นโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้ประเทศไทยมีรายได้จากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว 2 ล้านล้านบาทในปี 2558
ดังนั้น ภาพลักษณ์ของประเทศไทยในด้านการท่องเที่ยว และ แผนการทำงานของ ททท.จะต้องมีการปรับเปลี่ยน การชูจุดขายเรื่องความคุ้มค่าเงิน ให้แก่นักท่องเที่ยวคงไม่เพียงพอ เพราะจะไม่ทำให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ไม่สามารถทำรายได้ถึง 2 ล้านล้านบาท ในปี 2558 ตามที่รัฐบาลกำหนดไว้ หากจะรอโครงการเมกกะโปรเจก ก็คงไม่ทันเวลา
ดังนั้น แนวทางการดำเนินงาน ของ ททท. เพื่อบรรลุเป้าหมาย เน้น 4 ประเด็นสำคัญ ประกอบด้วย การสร้างภาพลักษณ์ประเทศไทย ภายใต้แบรนด์ อะเมซิ่ง ไทยแลนด์ นำเสนอความเป็นไทย นำเสนอแหล่งท่องเที่ยวคุณภาพที่นักท่องเที่ยวพร้อมจ่าย หรือ ควอลิตี้ เลเชอร์ เดสติเนชั่น 2. มุ่งส่งเสริมการตลาดแบบสร้างคุณค่าทางจิตใจ เพิ่มบทบาทในการสร้าง คอนแทรก ควอลิตี้
กับประเทศในกลุ่มอาเซียน ผลักดันประเทศไทยให้เป็นมากกว่า คอนเน็คทิวิตี้ คือเป็นผู้ให้ แต่ได้รับร่วมกัน สร้างยูนิคของความเป็นไทยให้โดดเด่น
3.ควรสร้างแหล่งท่องเที่ยวขึ้นเองจากความคิดสร้างสรร ต่อยอด ควบคู่ไปกับการใส่ใจสิ่งแวดล้อม เพื่อการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน สร้างสรรทางเลือกใหม่ให้สินค้าหรือผลิตภัณฑ์ท่องเที่ยวเสมอๆ ให้เกิดการพำนักนานวันขึ้น 4. การจัดการด้านแรงงานให้มีคุณภาพ รองรับการเติบโตและการแข่งขันของอุตสาหกรรม สร้างองค์ความรู้ในการบริหารวิกฤติ
โดยมองการเปิดเสรีประชาคมเศรษบกิจอาเซียน(AEC) ว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะช่วยเร่งให้ประเทศไทยมีความคิดอย่างเป็นระบบได้เร็วขึ้น ปลุกพลังเอาชนะอุปสรรค
***อุปสรรคใหญ่ท่องเที่ยวขาดบูรณาการ****
ทางด้านนายเจริญ วังอนานนท์ โฆษก สหพันธ์สมาคมท่องเที่ยวไทย (เฟสต้า) กล่าวว่า แผนการตลาด ททท. ควร มี ทั้งระยะ สั้น กลาง และยาว กำหนดประเมินผลเป็นระยะๆ เพื่อปรับให้ทันสถานการณ์ ที่สำคัญ อุปสรรคที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ไม่ได้เกิดจากการทำงานของ ททท. เพียงฝ่ายเดียว
แต่เกิดจากการไม่บูรณาการของแต่ละหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เช่น ล่าสุด ปัญหา ความหนาแน่นของนักท่องเที่ยวที่ด่านตรวคนเข้าเมือง สนามบินสุวรรณภูมิ หรือปัญหา การดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว ดังนั้น จึงอยากเสนอให้ ในแต่ละกระทรวงที่มีหน่วยงานเกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว มีการแต่งตั้งผู้อำนวยการฝ่ายด้านการท่องเที่ยว เพื่อ
มาร่วมประชุมกับกระทรวงการท่องเที่ยวเพื่อร่วมแก้ไขปัญหาและผลักดันโครงการต่างๆให้เกิดขึ้นจริง
***เปลี่ยนคู่แข่งเป็นคู่ค้ารับAEC*****
ทางด้านนายสันติ ชุดินธรา ผู้อำนวยการฝ่ายแผน ททท. ในการวางแผน ของ ททท. ส่วนหนึ่ง จะต้อง มีการเพิ่มการโปรโมตเส้นทางท่องเที่ยวใหม่ๆ ให้เกิดขึ้น เน้น เส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยใช้กลยุทธ์ สร้างคู่แข่งเป็นคู่ค้า ผลักดันประเทศไทยเป็นมากกว่าเกทเวย์ ที่นักท่องเที่ยวต้องพำนัก ทั้งก่อนและหลังการเดินทางต่อไปยังประเทศเพื่อนบ้าน
อย่างไรก็ตามการระดมความคิดครั้งนี้ ททท.จะใช้เป็นข้อมูลก่อนสรุปทำแผนให้ทันในเดือนมิถุนายนศกนี้
***แนะเดินสายประชุมกลุ่มย่อยภูมิภาค****
นายสราวุฒิ เตี๋ยว นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยว จังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า โดยส่วนตัวต้องการเสนอให้ททท.จัดเดินสายไปรับฟังความคิดเห็นของภาคเอกชนในภูมิภาคต่างๆ เพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงลึกและหลากหลาย เพื่อประโยชน์ในการจัดทำแผนการตลาดให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันในแต่ละภูมิภาค
นายโอภาส เนตรอำไพ รองประธานสมาคมส่งเสริมการประชุมนานาชาติ (ไทย) หรือ ทิก้า กล่าวว่า ต้องการให้รัฐบาลมองภาระกิจหน้าที่ของ ททท.ให้ชัดเจน ว่าทำหน้าที่อะไร ซึ่งหากเป็นภาระกิจด้านการตลาดถือว่า ททท.ทำงานได้ดีมาก แต่ ปัจจุบัน ภาระหน้าที่ด้านการจัดการปัญหาที่เกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยวกลับกลายเป็น ททท.ต้องเป็นผู้แก้ไข ทั้งที่ไม่ใช่ภาระกิจของททท. เช่น
ความแออัดของนักท่องเที่ยวที่สนามบิน หรือกรณีนักท่องเที่ยวถูกหลอกลวงจากมิจฉาชีพ จึงเห็นว่า รัฐความทำงานบูรณาการอย่างเป็นรูปธรรมที่แท้จริง