ASTVผู้จัดการรายวัน - เอกชน หนุน “อรรคพล” อยู่ต่อ หวั่นการเดินหน้า สู่หนทางชิงเจ้าภาพจัดเวิลด์เอ็กซ์โป ไม่ต่อเนื่อง ฉะหากรัฐเห็นความสำคัญของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว คงไม่ปล่อยให้พรรคอื่นดูแล
นายสุเมธ สุทัศน์ ณ อยุธยา นายกสมาคมส่งเสริมการประชุมนานาชาติ(ไทย) หรือทิก้า กล่าวถึงกรณีมีกระแสข่าวว่า นายอรรคพล สรสุชาติ ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ(องค์การมหาชน )หรือ สสปน. อาจยื่นหนังสือลาออก เพราะถูกการเมืองล้วงลูก มองว่า หากมีการเปลี่ยน ผอ. สสปน. จริง อาจมีปัญหากระทบต่อความต่อเนื่องในการทำงาน ของ สสปน. โดยเฉพาะเรื่องของการนำประเทศไทย เข้าประมูลสิทธิ์เป็นเจ้าภาพจัดงานเวิลด์ เอ็กซ์โป ซึ่งจะมีการประมูลในเดือน พ.ย.56
“ ส่วนตัวมองว่า หาก เปลี่ยน ผอ. สสปน. ตอนนี้ จะกระทบต่อโอกาสของไทยที่จะยื่นประมูลสิทธิ์ งานเวิลด์เอ็กซ์โป เพราะ เลขาธิการ บีไออี ซึ่งเป็นผู้ถือลิขสิทธิ์การจัดงาน ก็รู้จักและคุ้นเคย เห็นความตั้งใจในการทำงานของนายอรรคพล และเหลืออีก 2 ปีเท่านั้น นายอรรคพล จะอยู่ในตำแหน่งครบเทอม พอดีกับ การเตรียมงาน วางรากฐาน แผนการเป็นเจ้าภาพงานใหญ่ครั้งนี้ได้ พอดีแต่ถ้าเปลี่ยนกระทันหัน อาจกระทบแผนงานที่วางไว้”
ส่วนกรณี จะให้ สสปน. ขึ้นตรงกับ กระทรวงการท่องเที่ยว ไม่มีผลเท่ากับว่า ใครเป็นผู้บริหารและกำหนดนโยบาย เพราะ องค์การมหาชน ต้องทำงานแบบเป็นเอกเทศ ส่วนการมอบงานรณรงค์ให้ไปอยู่กับ กระทรวงต่างประเทศ ก็ต้องดูว่า กระทรวงต่างประเทศจะนำเงินมาจากไหน หรือ สิ่งที่เกิดขึ้นมาจากเงื่อนไขทางการเมือง เพราะก่อนหน้านี้ สสปน.ก็ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ ทำการโปรโมตร่วมกันอยู่แล้ว
กรณีสสปน.ถูกล้วงลูกทางการเมือง เป็นสิ่งที่ พวกเราเห็นมาโดยตลอด จึงต้องการให้รัฐบาลมองอุตสาหกรรมท่องเที่ยวให้สำคัญ และยกระดับให้เป็นเช่นเดียวกับอุตสาหกรรมส่งออก อิเล็กทรอนิค จะทำให้ถูกล้วงลูกจากนักการเมืองน้อยลง
โดยรายได้ของท่องเที่ยวเป็น 6.5% ของจีดีพี หรือราว 5 แสนล้านบาท ไม่ต่างจากรายได้จากสินค้ากลุ่มไฟฟ้า อิเล็กทรอนิค เพราะ สินค้ากลุ่มนี้ 60%
นำเข้าวัตถุดิบ ส่วนท่องเที่ยว มีต้นทุนนำเข้าเพียง 7-8% ที่เหลือเป็นรายได้หมุนเวียนในประเทศ ถ้าท่องเที่ยวได้รับการมองให้เป็นกระทรวงเกรดเอ บริหารโดยพรรคการเมืองหลัก สิ่งเหล่านี้คงไม่เกิดขึ้น
ยันสสปน.อยู่สำนักนายกฯคล่องตัวกว่า
นายกงกฤช หิรัญกิจ ประธานฝ่ายนโยบายสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(สทท.) กล่าวว่า เห็นด้วยที่รัฐบาลผลักดัน การเข้าประมูลสิทธิ์เป็นเจ้าภาพจัดงานเวิลด์ เอ็กซ์โป ให้เป็นวาระแห่งชาติ เพื่อแสดงถึงความชัดเจนที่รัฐบาลจะให้การสนับสนุน เป็นสิ่งที่รัฐทำถูกต้องแล้ว เพราะปกติงานสำคัญที่ต้องการคะแนนเสียงจากประเทศทั่วโลกแบบนี้ก็ต้องให้กระทรวงการต่างประเทศรับไปดูแล เหมือนกรณีที่ไทยจะขอเสียงสนับสนุนเป็นเลขาธิการองค์การสหประชาชาติ
“ถ้าไทยได้จัดงานเวิลด์เอ็กซ์โป จะใช้ทุนต่ำกว่าเสนอจัดฟุตบอลโลก หรือ กีฬาโอลิมปิก แต่จะได้เม็ดเงินลงทุนจำนวนมาก จากประเทศต่างๆ ที่เข้ามาสร้างพาวิลเลียน โดยไทยลงทุนเพียงระบบสาธารณูปโภค พื้นฐาน การเป็นเจ้างานเวิลด์เอ็กซ์โป จะช่วยประชาสัมพันธ์จุดแข็งของประเทศไทย”
อย่างไรก็ตาม กรณี กระแสข่าว กรณีนายชุมพล ศิลปอาชา รองนายกรัฐมนตรีและรมว.การท่องเที่ยวและกีฬา จะนำ สสปน. กลับมาอยู่ในความดูแล มองว่า ทางที่ดี ควรให้ สสปน. ของสำนักนายกรัฐมนตรีเหมือนปัจจุบันเพื่อความคล่องตัว และยังสนับสนุนให้หน่วยงานรัฐจัดประชุมสัมมนา หากจะนำกลับมาอยู่ภายใต้การดูแลของกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ก็ต้องเป็นลักษณะที่ให้สสปน.เป็นองค์การมหาชนต่อไป
นายสุเมธ สุทัศน์ ณ อยุธยา นายกสมาคมส่งเสริมการประชุมนานาชาติ(ไทย) หรือทิก้า กล่าวถึงกรณีมีกระแสข่าวว่า นายอรรคพล สรสุชาติ ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ(องค์การมหาชน )หรือ สสปน. อาจยื่นหนังสือลาออก เพราะถูกการเมืองล้วงลูก มองว่า หากมีการเปลี่ยน ผอ. สสปน. จริง อาจมีปัญหากระทบต่อความต่อเนื่องในการทำงาน ของ สสปน. โดยเฉพาะเรื่องของการนำประเทศไทย เข้าประมูลสิทธิ์เป็นเจ้าภาพจัดงานเวิลด์ เอ็กซ์โป ซึ่งจะมีการประมูลในเดือน พ.ย.56
“ ส่วนตัวมองว่า หาก เปลี่ยน ผอ. สสปน. ตอนนี้ จะกระทบต่อโอกาสของไทยที่จะยื่นประมูลสิทธิ์ งานเวิลด์เอ็กซ์โป เพราะ เลขาธิการ บีไออี ซึ่งเป็นผู้ถือลิขสิทธิ์การจัดงาน ก็รู้จักและคุ้นเคย เห็นความตั้งใจในการทำงานของนายอรรคพล และเหลืออีก 2 ปีเท่านั้น นายอรรคพล จะอยู่ในตำแหน่งครบเทอม พอดีกับ การเตรียมงาน วางรากฐาน แผนการเป็นเจ้าภาพงานใหญ่ครั้งนี้ได้ พอดีแต่ถ้าเปลี่ยนกระทันหัน อาจกระทบแผนงานที่วางไว้”
ส่วนกรณี จะให้ สสปน. ขึ้นตรงกับ กระทรวงการท่องเที่ยว ไม่มีผลเท่ากับว่า ใครเป็นผู้บริหารและกำหนดนโยบาย เพราะ องค์การมหาชน ต้องทำงานแบบเป็นเอกเทศ ส่วนการมอบงานรณรงค์ให้ไปอยู่กับ กระทรวงต่างประเทศ ก็ต้องดูว่า กระทรวงต่างประเทศจะนำเงินมาจากไหน หรือ สิ่งที่เกิดขึ้นมาจากเงื่อนไขทางการเมือง เพราะก่อนหน้านี้ สสปน.ก็ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ ทำการโปรโมตร่วมกันอยู่แล้ว
กรณีสสปน.ถูกล้วงลูกทางการเมือง เป็นสิ่งที่ พวกเราเห็นมาโดยตลอด จึงต้องการให้รัฐบาลมองอุตสาหกรรมท่องเที่ยวให้สำคัญ และยกระดับให้เป็นเช่นเดียวกับอุตสาหกรรมส่งออก อิเล็กทรอนิค จะทำให้ถูกล้วงลูกจากนักการเมืองน้อยลง
โดยรายได้ของท่องเที่ยวเป็น 6.5% ของจีดีพี หรือราว 5 แสนล้านบาท ไม่ต่างจากรายได้จากสินค้ากลุ่มไฟฟ้า อิเล็กทรอนิค เพราะ สินค้ากลุ่มนี้ 60%
นำเข้าวัตถุดิบ ส่วนท่องเที่ยว มีต้นทุนนำเข้าเพียง 7-8% ที่เหลือเป็นรายได้หมุนเวียนในประเทศ ถ้าท่องเที่ยวได้รับการมองให้เป็นกระทรวงเกรดเอ บริหารโดยพรรคการเมืองหลัก สิ่งเหล่านี้คงไม่เกิดขึ้น
ยันสสปน.อยู่สำนักนายกฯคล่องตัวกว่า
นายกงกฤช หิรัญกิจ ประธานฝ่ายนโยบายสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(สทท.) กล่าวว่า เห็นด้วยที่รัฐบาลผลักดัน การเข้าประมูลสิทธิ์เป็นเจ้าภาพจัดงานเวิลด์ เอ็กซ์โป ให้เป็นวาระแห่งชาติ เพื่อแสดงถึงความชัดเจนที่รัฐบาลจะให้การสนับสนุน เป็นสิ่งที่รัฐทำถูกต้องแล้ว เพราะปกติงานสำคัญที่ต้องการคะแนนเสียงจากประเทศทั่วโลกแบบนี้ก็ต้องให้กระทรวงการต่างประเทศรับไปดูแล เหมือนกรณีที่ไทยจะขอเสียงสนับสนุนเป็นเลขาธิการองค์การสหประชาชาติ
“ถ้าไทยได้จัดงานเวิลด์เอ็กซ์โป จะใช้ทุนต่ำกว่าเสนอจัดฟุตบอลโลก หรือ กีฬาโอลิมปิก แต่จะได้เม็ดเงินลงทุนจำนวนมาก จากประเทศต่างๆ ที่เข้ามาสร้างพาวิลเลียน โดยไทยลงทุนเพียงระบบสาธารณูปโภค พื้นฐาน การเป็นเจ้างานเวิลด์เอ็กซ์โป จะช่วยประชาสัมพันธ์จุดแข็งของประเทศไทย”
อย่างไรก็ตาม กรณี กระแสข่าว กรณีนายชุมพล ศิลปอาชา รองนายกรัฐมนตรีและรมว.การท่องเที่ยวและกีฬา จะนำ สสปน. กลับมาอยู่ในความดูแล มองว่า ทางที่ดี ควรให้ สสปน. ของสำนักนายกรัฐมนตรีเหมือนปัจจุบันเพื่อความคล่องตัว และยังสนับสนุนให้หน่วยงานรัฐจัดประชุมสัมมนา หากจะนำกลับมาอยู่ภายใต้การดูแลของกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ก็ต้องเป็นลักษณะที่ให้สสปน.เป็นองค์การมหาชนต่อไป
