"ชุมพล" แห้ว มติ ครม. ยก "เวิลด์เอ็กซ์โป" เป็นวาระแห่งชาติ มอบ กระทรวงการต่างประเทศดูแล เปิดใจ อรรคพล ถูกบีบพ้นตำแหน่ง ฉนวนร้าว วิจารณ์การทำงานสร้างศูนย์ประชุมเชียงใหม่ เปรย ยอมไขก๊อก แต่เงื่อนไข สสปน. ต้องไม่กลับไปอยู่ใต้กระทรวงการท่องเที่ยว หวังงบปี 2556 คงไม่มีปัญหาเหมือรปี 2555
นางฐิติมา ฉายแสง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)เห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ เรื่อง การเป็นเจ้าภาพจัดงานมหกรรมโลก World Expo 2020 โดยมอบให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นหน่วยงานหลักในการรณรงค์หาเสียง พร้อมจัดตั้งคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงระดับ ชาติ มีรมว.กระทรวงการต่างประเทศเป็นประธาน และมี ผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นกรรมการ เพื่อทำหน้าที่จัดทำยุทธศาสตร์และแผน ปฏิบัติการในการหาเสียงเป็นกลไกกลางในการประสานงานตลอดระยะเวลาการรณรงค์หาเสียง
นอกจากนั้น ครม. ยังมีมติ ให้ เรื่องการเป็นเจ้าภาพจัดงานมหกรรมโลก World Expo 2020 เป็น “วาระแห่งชาติ” ของรัฐบาล มอบให้ นายชุมพล ศิลปะอาชา รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ท่องเที่ยวและกีฬา จัดประชุมหารือระหว่างหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ สำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมนาคม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ทำงานกำหนดกลไกและหน่วยงานหลักที่จะนำวาระแห่งชาติดังกล่าวไปดำเนินการให้ เกิดผลสำเร็จ เช่น การกำหนดยุทธศาสตร์และแผนงานการเตรียมการทั้งในพื้นที่จังหวัดพระนครศรี อยุธยาและส่วนประกอบอื่น ๆ เพื่อให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภาคเอกชนร่วมกันทำงานอย่างบูรณาการและ เป็นเอกภาพ เพื่อให้ประเทศไทยมีความพร้อมในทุกมิติที่จะเป็นเจ้าภาพจัดงานมหกรรมโลก World Expo 2020
***เปิดรอยร้าวต้นเหตุ"ชุมพล ประกาศฮุบสสปน.***
แหล่งข่าวจากวงการท่องเที่ยว กล่าวว่า ในสัมยรัฐบาลชุด นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายภาระกิจการประมูลสิทธิ์เป็นเจ้าภาพจัดงานเวิลด์ เอ็กซ์โปร 2020 ให้เป็นหน้าที่ ของ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ(องค์การมหาชน) หรือ สสปน. ซึ่งในการจัดทำงบประมาณประจำปี 2555 ก่อนเปลี่ยนแปลงรัฐบาลในขณะนั้น สสปน.ได้เสนอของบ เพื่อใช้เกี่ยวกับโครงการ เวิลด์ เอ็กซ์โป นี้ ไป 300 ล้านบาท ทางรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ได้อนุมัติงบประมาณ ไว้ให้ 100 ล้านบาท เพื่อใช้รณรงค์ให้ไทยได้เป็นเจ้าภาพจัดงานดังกล่าว แต่พอเปลี่ยนเป็นรัฐบาลชุด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ได้ทำการ ตัดงบประมาณ 100 ล้านบาทนี้ไปจนหมดสิ้น ทำให้ สสปน. ไม่มีงบมาดูแล แต่การทำงานยื่นประมูลสิทธิ์ ได้ดำเนินการต่อไป โดยนายอรรคพล สรสุชาติ ผูอำนวยการ สสปน. ได้เจียดงบดำเนินงานปรกติ มาใช้ทำงาน
ทั้งนี้มีกระแสข่าว จากหลายแห่ง ยืนยันไปในทิศทางเดียวกันว่า สาเหตุการถูกตัดงบประมาณครั้งนี้ เป็นเพราะ นายชุมพล ศิลปอาชา รองนายกรัฐมนตรีและรมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ไม่พอใจนายอรรคพล หลายเรื่อง เช่น กรณีที่ ที่นายอรรคพล ออกมาวิพากวิจารณ์การบริหารและการก่อสร้างศูนย์การประชุมนานาชาติเชียงใหม่ ที่ล่าช้า ยังไม่สามารถหาผู้บริหาร ได้ หรือแม้กระทั่วแบบของศูนย์ประชุมดังกล่าว ก็ยังไม่มีภาคเอกชนรายใดได้เห็น เพื่อจะใช้เป็นข้อมูลในการทำการตลาด เป็นเหตุให้ นายชุมพล ประกาศจะดึงสสปน.ซึ่งเป็นองค์การมหาชน ที่ขึ้นตรงกับสำนักนายกรัฐมนตรี ให้มาอยู่ภายใต้กระทรวงท่องเที่ยว
***"อรรคพล" พร้อมถอยแบบมีเงื่อนไข***
ทางด้านนายอรรคพล สรสุชาติ ผู้อำนวยการ สสปน. ก่อนหน้านี้ ได้มีการปรับทุกข์ กับบุคคลใกล้ชิดว่า ตนเองก็เคยเป็นนักการเมืองมาก่อน ทราบดีว่า การกระทำหลายครั้งที่ผ่านมา ของนายชุมพล เป็นการส่งสัญญาณทางการเมือง โดยส่วนตัว จึงขอยืนยันว่า จะไม่ทำให้ สสปน.ต้องมีความเสี่ยงเพราะตัวเองคนเดียว หากจะต้องลาออกจากการกดดันในครั้งนี้ ก็ต้องได้ข้อตกลงชัดเจนจากนายชุมพลว่า พนักงานทุกคนในองค์กรนี้ จะต้องไม่มีใครต้องถอยหลังกลับไปอยู่ภายใต้กระทรวงท่องเที่ยว อีก จากก่อนหน้านี้ การส่งเสริมการจัดประชุมและสัมมนา เป็นกองหนึ่งภายใต้หน่วยงาน ททท.
และขอยังยืนยันอีกว่า จะผลักดันให้ประเทศไทย ได้เข้าชิงเป็นเจ้าภาพเวิล์ดเอ็กซ์โป เพราะขณะนี้ ถือว่า การผลักดันของตนที่ทำงานมาโดยตลอด ได้นำให้ประเทศไทยมาได้ไกลมากแล้ว และต้องการให้ นายชุมพล ส่งสัญญาณมาให้ชัดว่าจะให้ สสปน.มีบทบาทในเรื่องนี้ต่อไปอย่างไร ส่วนกรณี สสปน. ไม่ได้รับจัดสรรงบประมาณปี 2555 เพื่อทำงานในส่วนของ เวิลด์เอ็กซ์โป ก็ยังดีใจที่มีกระทรวงการต่างประเทศ รับไปเดินหน้าแทน แต่ในปีงบประมาณ 2556 จะต้องไม่มีปัญหาเรื่องบประมาณเช่นนี้อีก และ ขอยืนยันว่า หน้าที่ ของสสปน. คือทำหน้าที่เป็นผู้ประมูลเท่านั้น เมื่อเสร็จการประมูลก็หมดหน้าที่ ส่วน การลงทุน จะต้องใช้เท่าไหร เป็นเรื่องของกระทรวงต่าง ๆ ตามหน้าที่รับผิดชอบ จะไปดำเนินการ ไม่ใช่ สสปน.
นางฐิติมา ฉายแสง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)เห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ เรื่อง การเป็นเจ้าภาพจัดงานมหกรรมโลก World Expo 2020 โดยมอบให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นหน่วยงานหลักในการรณรงค์หาเสียง พร้อมจัดตั้งคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงระดับ ชาติ มีรมว.กระทรวงการต่างประเทศเป็นประธาน และมี ผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นกรรมการ เพื่อทำหน้าที่จัดทำยุทธศาสตร์และแผน ปฏิบัติการในการหาเสียงเป็นกลไกกลางในการประสานงานตลอดระยะเวลาการรณรงค์หาเสียง
นอกจากนั้น ครม. ยังมีมติ ให้ เรื่องการเป็นเจ้าภาพจัดงานมหกรรมโลก World Expo 2020 เป็น “วาระแห่งชาติ” ของรัฐบาล มอบให้ นายชุมพล ศิลปะอาชา รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ท่องเที่ยวและกีฬา จัดประชุมหารือระหว่างหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ สำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมนาคม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ทำงานกำหนดกลไกและหน่วยงานหลักที่จะนำวาระแห่งชาติดังกล่าวไปดำเนินการให้ เกิดผลสำเร็จ เช่น การกำหนดยุทธศาสตร์และแผนงานการเตรียมการทั้งในพื้นที่จังหวัดพระนครศรี อยุธยาและส่วนประกอบอื่น ๆ เพื่อให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภาคเอกชนร่วมกันทำงานอย่างบูรณาการและ เป็นเอกภาพ เพื่อให้ประเทศไทยมีความพร้อมในทุกมิติที่จะเป็นเจ้าภาพจัดงานมหกรรมโลก World Expo 2020
***เปิดรอยร้าวต้นเหตุ"ชุมพล ประกาศฮุบสสปน.***
แหล่งข่าวจากวงการท่องเที่ยว กล่าวว่า ในสัมยรัฐบาลชุด นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายภาระกิจการประมูลสิทธิ์เป็นเจ้าภาพจัดงานเวิลด์ เอ็กซ์โปร 2020 ให้เป็นหน้าที่ ของ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ(องค์การมหาชน) หรือ สสปน. ซึ่งในการจัดทำงบประมาณประจำปี 2555 ก่อนเปลี่ยนแปลงรัฐบาลในขณะนั้น สสปน.ได้เสนอของบ เพื่อใช้เกี่ยวกับโครงการ เวิลด์ เอ็กซ์โป นี้ ไป 300 ล้านบาท ทางรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ได้อนุมัติงบประมาณ ไว้ให้ 100 ล้านบาท เพื่อใช้รณรงค์ให้ไทยได้เป็นเจ้าภาพจัดงานดังกล่าว แต่พอเปลี่ยนเป็นรัฐบาลชุด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ได้ทำการ ตัดงบประมาณ 100 ล้านบาทนี้ไปจนหมดสิ้น ทำให้ สสปน. ไม่มีงบมาดูแล แต่การทำงานยื่นประมูลสิทธิ์ ได้ดำเนินการต่อไป โดยนายอรรคพล สรสุชาติ ผูอำนวยการ สสปน. ได้เจียดงบดำเนินงานปรกติ มาใช้ทำงาน
ทั้งนี้มีกระแสข่าว จากหลายแห่ง ยืนยันไปในทิศทางเดียวกันว่า สาเหตุการถูกตัดงบประมาณครั้งนี้ เป็นเพราะ นายชุมพล ศิลปอาชา รองนายกรัฐมนตรีและรมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ไม่พอใจนายอรรคพล หลายเรื่อง เช่น กรณีที่ ที่นายอรรคพล ออกมาวิพากวิจารณ์การบริหารและการก่อสร้างศูนย์การประชุมนานาชาติเชียงใหม่ ที่ล่าช้า ยังไม่สามารถหาผู้บริหาร ได้ หรือแม้กระทั่วแบบของศูนย์ประชุมดังกล่าว ก็ยังไม่มีภาคเอกชนรายใดได้เห็น เพื่อจะใช้เป็นข้อมูลในการทำการตลาด เป็นเหตุให้ นายชุมพล ประกาศจะดึงสสปน.ซึ่งเป็นองค์การมหาชน ที่ขึ้นตรงกับสำนักนายกรัฐมนตรี ให้มาอยู่ภายใต้กระทรวงท่องเที่ยว
***"อรรคพล" พร้อมถอยแบบมีเงื่อนไข***
ทางด้านนายอรรคพล สรสุชาติ ผู้อำนวยการ สสปน. ก่อนหน้านี้ ได้มีการปรับทุกข์ กับบุคคลใกล้ชิดว่า ตนเองก็เคยเป็นนักการเมืองมาก่อน ทราบดีว่า การกระทำหลายครั้งที่ผ่านมา ของนายชุมพล เป็นการส่งสัญญาณทางการเมือง โดยส่วนตัว จึงขอยืนยันว่า จะไม่ทำให้ สสปน.ต้องมีความเสี่ยงเพราะตัวเองคนเดียว หากจะต้องลาออกจากการกดดันในครั้งนี้ ก็ต้องได้ข้อตกลงชัดเจนจากนายชุมพลว่า พนักงานทุกคนในองค์กรนี้ จะต้องไม่มีใครต้องถอยหลังกลับไปอยู่ภายใต้กระทรวงท่องเที่ยว อีก จากก่อนหน้านี้ การส่งเสริมการจัดประชุมและสัมมนา เป็นกองหนึ่งภายใต้หน่วยงาน ททท.
และขอยังยืนยันอีกว่า จะผลักดันให้ประเทศไทย ได้เข้าชิงเป็นเจ้าภาพเวิล์ดเอ็กซ์โป เพราะขณะนี้ ถือว่า การผลักดันของตนที่ทำงานมาโดยตลอด ได้นำให้ประเทศไทยมาได้ไกลมากแล้ว และต้องการให้ นายชุมพล ส่งสัญญาณมาให้ชัดว่าจะให้ สสปน.มีบทบาทในเรื่องนี้ต่อไปอย่างไร ส่วนกรณี สสปน. ไม่ได้รับจัดสรรงบประมาณปี 2555 เพื่อทำงานในส่วนของ เวิลด์เอ็กซ์โป ก็ยังดีใจที่มีกระทรวงการต่างประเทศ รับไปเดินหน้าแทน แต่ในปีงบประมาณ 2556 จะต้องไม่มีปัญหาเรื่องบประมาณเช่นนี้อีก และ ขอยืนยันว่า หน้าที่ ของสสปน. คือทำหน้าที่เป็นผู้ประมูลเท่านั้น เมื่อเสร็จการประมูลก็หมดหน้าที่ ส่วน การลงทุน จะต้องใช้เท่าไหร เป็นเรื่องของกระทรวงต่าง ๆ ตามหน้าที่รับผิดชอบ จะไปดำเนินการ ไม่ใช่ สสปน.
