ความขัดแย้งในการขุดเจาะน้ำมันที่ถนนพุทธมณฑลสาย 2 เขตทวีวัฒนา เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของความขัดแย้งที่จะเกิดขึ้นทั่วประเทศในอนาคตเท่านั้น
เพราะสัมปทานการสำรวจและขุดเจาะปิโตรเลียม ถูกอนุมัติครอบคลุมเกือบทั้งประเทศแล้ว โดยเฉพาะภาคอีสานแทบทั้งเขต เป็นพื้นที่สัมปทานหมด ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ชุมชน ไร่นาหรือป่าเขา เพียงแต่ข้อมูลยังไม่เป็นที่รับรู้ในวงกว้างเท่านั้น
การเปลี่ยนแปลงการพิจารณาอนุมัติสัมปทานการสำรวจและขุดเจาะปิโตรเลียมครั้งสำคัญเกิดขึ้นในรัฐบาลพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อแหล่งทรัพยากรและผลประโยชน์ของประชาชนอย่างมาก
รัฐบาลพล.อ.สุรยุทธ์ได้ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์การปิโตรเลียมใหม่ โดยจากเดิมการอนุมัติสัมปทานสำรวจและขุดเจาะกำหนดแปลงสัมปทานไม่เกิน 20,000 ไร่ แต่ได้ขยายแปลงสัมปทานเป็น 100,000 ไร่ และอนุมัติสัมปทานบริษัทเอกชนจำนวนมาก
นอกจากนั้นยังกำหนดให้ประชาชนที่เป็นเจ้าของที่ดิน มีกรรมสิทธิ์บนพื้นดินเพียง 100 เมตร ลึกลงใต้ดินเกินกว่า 100 เมตร ถือเป็นสมบัติของรัฐ ทรัพยากรใต้แผ่นดินที่ลึกลงไปเกินกว่า 100 เมตร ชาวบ้านผู้ครอบครองไม่มีสิทธิ์ในผลประโยชน์
ขุมทรัพย์ที่อยู่ใต้ดินเกินกว่า 100 เมตร กลายเป็นสัมปทานเอกชนและทุนข้ามชาติไปเสียแล้ว
ถ้าบริษัทที่ได้รับสัมปทานสำรวจและขุดเจาะทั้งหมด ขุดหาน้ำมันพร้อมกัน ประเทศไทยจะเต็มไปด้วยแท่นขุดเจาะ แผ่นดินไทยจะถูกเจาะจนพรุน ความขัดแย้งระหว่างประชาชนในท้องถิ่นกับบริษัทขุดเจาะน้ำมันจะปะทุทั่วประเทศ
ถึงวันนั้นสังคมไทยจะวุ่นวายปั่นป่วน และหาคนรับผิดชอบแก้ปัญหาไม่ได้ เพราะเพียงพุทธมณฑลสาย 2 เพียงจุดเดียว ยังไม่มีใครโผล่หน้ามาบอกว่า จะแก้ผลกระทบของชาวบ้านอย่างไร
หลายสิบปีแล้วที่มีการสำรวจและขุดน้ำมันขึ้นมาขาย หลายสิบรัฐบาลแล้วที่มีส่วนรู้เห็น และเปลี่ยนแปลงกฎเกณท์เงื่อนไขการพิจารณาสัมปทานหลายครั้ง แต่อัตราค่าภาคหลวงที่ต่ำติดดิน ไม่เคยมีผู้บริหารประเทศคนใดคิดจะเปลี่ยน
อัตราค่าภาคหลวงปิโตรเลียมของไทย กำหนดไว้ระหว่าง 5-15% ซึ่งน่าจะเป็นค่าภาคหลวงต่ำที่สุดในโลก
ประเทศกัมพูชาซึ่งถูกดูแคลนว่า ด้อยพัฒนา ล้าหลังกว่าประเทศไทยหลายขุม เป็นประชาธิปไตยน้อยกว่า และนายกรัฐมนตรีฮุนเซน ก็มีภาพลักษณ์นักตักตวงผลประโยชน์
แต่เขมรกำหนดค่าภาคหลวง 40-60% ส่วนพม่าซึ่งเพิ่งเปิดประเทศต้อนรับการลงทุน กำหนดค่าภาคหลวงอัตราใกล้เคียงกับเขมร
บางประเทศกำหนดค่าภาคหลวงประมาณ 85% และไม่ได้คิดจากส่วนแบ่งรายได้จากการขายน้ำมันเสียด้วย แต่แบ่งค่าภาคหลวงจากน้ำมันที่ขุดขึ้นมา ขุดน้ำมันดิบขึ้นมาปริมาณเท่าไหร่ รัฐต้องได้ 85% อีก 15% บริษัทสัมปทานเอาไป
อัตราค่าภาคหลวงที่กำหนดไว้สูง เพราะผู้บริหารประเทศสำนึกความหวงแหนทรัพยากร โดยราคาน้ำมันมีแต่จะสูงขึ้น ถ้าขายไม่ได้ราคา ขายแล้วประชาชนไม่ได้ผลประโยชน์สูงสุด ก็ปล่อยทิ้งไว้เป็นสมบัติใต้ดิน ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนขุด วันหน้าใครให้ประโยชน์รัฐสูงสุด ค่อยขุดขึ้นมา
อัตราค่าภาคหลวงที่กำหนดไว้โบร่ำโบราณ ควรจะต้องทบทวนเสียที แต่ไม่รู้ทำไม จึงยังไม่มีรัฐบาลไหนทบทวนเสียที ทรัพยากรของประเทศจึงถูกนำไปขายในราคาถูกๆ และทำให้ประชาชนทุกคนเสียประโยชน์
แต่จะมีคนบางกลุ่มได้ประโยชน์ และคนกลุ่มนี้ร่วมกันปกปิดข้อมูลน้ำมัน ร่วมกันเมินเฉยต่อความเสียเปรียบในสัมปทานปิโตรเลียม
ประเทศไทยแม้ไม่ใช่ผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ แต่ปริมาณน้ำมันก็มีจำนวนไม่น้อย จนสามารถจูงใจให้บริษัทน้ำมันข้ามชาติเดินเข้ามาประเทศไทยกันขวักไขว่
ปริมาณน้ำมันที่มี ถ้าบริหารจัดการดีๆ บริหารจัดการด้วยความโปร่งใส ประชาชนคนไทยอาจมีโอกาสลืมตาอ้าปาก เพราะประเทศจะมีรายได้หลักเพิ่มขึ้นจากการส่งออกน้ำมันและก๊าซแล้ว ผู้บริโภคอาจได้ใช้น้ำมันในราคาต่ำ ไม่ต้องเดือดร้อนแทบเป็นแทบตาย เมื่อราคาน้ำมันตลาดโลกพุ่งทะยานแต่ละครั้ง
ประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่สามารถดูแลพลเมืองตัวเอง โดยขายน้ำมันราคาต่ำ ทำให้ต้นทุนการผลิตของประเทศลดลง ประชาชนไม่ต้องปากกัดตีนถีบ เพราะผลกระทบจากราคาน้ำมัน
ประชาชนที่บริโภคราคาน้ำมันต่ำที่สุดในโลก คือ เวเนซุเอรา โดยประธานาธิบดี ฮูโก้ ชาเวซ ตรึงราคาน้ำมันไว้เพียงลิตรละประมาณ 3.60 บาทเท่านั้น เลือกตั้งทีไร เสียงของนายชาเวซจึงท่วมท้น
ใครทำให้ราคาน้ำมันในประเทศไทยเหลือต่ำกว่าลิตรละ 10 บาทได้ รับรองเลือกตั้งเมื่อไหร่ ได้รับชัยชนะท่วมท้น
ผลประโยชน์น้ำมันมหาศาลเพียงใด ไม่มีใครรู้ เพราะไม่เคยมีรัฐบาลชุดใดเปิดเผยข้อมูลทั้งหมดต่อสาธารณชน ไม่เคยมีนักการเมืองคนใดนำข้อมูลทรัพยากรปิโตรเลียมที่อยู่ใต้ดินมาตั้งบนดิน เพื่อให้ประชาชนรับรู้ข้อเท็จจริงทั้งหมด
ขณะที่ประชาชนกำลังถูกปั่นหัวถูกเสี้ยมให้ห้ำหั่นแทบฆ่ากันตาย ถูกมอมเมากับลัทธิการเมืองว่าด้วยเรื่องเสื้อ “สี” คนกลุ่มหนึ่งกลับเสวยสุขกับการตักตวงน้ำมัน ปล้นทรัพยากรของประเทศไปขายให้ต่างชาติ
น้ำมันกำลังสูบกินทุกคน ไม่ว่าจะใส่เสื้อสีอะไร
เลิกบ้า เลิกบูชานักการเมืองหรือพรรคการเมืองได้แล้ว หูตาสว่างกันเสียที เพราะทรัพยากรบรรพบุรุษของเรา และของลูกของหลานเรากำลังถูกปล้น
ใครล่ะที่ปล้นน้ำมันของพวกเรา ก็นักการเมือง พรรคการเมือง รัฐบาล และปล้นกันทุกรัฐบาลแหละ ปล้นกันมานานแล้วด้วย ไม่ว่าโดยไม่ตั้งใจหรือสมคบคิดกับทุนข้ามชาติปล้นคนไทยด้วยกันโดยตั้งใจก็ตาม
เพราะสัมปทานการสำรวจและขุดเจาะปิโตรเลียม ถูกอนุมัติครอบคลุมเกือบทั้งประเทศแล้ว โดยเฉพาะภาคอีสานแทบทั้งเขต เป็นพื้นที่สัมปทานหมด ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ชุมชน ไร่นาหรือป่าเขา เพียงแต่ข้อมูลยังไม่เป็นที่รับรู้ในวงกว้างเท่านั้น
การเปลี่ยนแปลงการพิจารณาอนุมัติสัมปทานการสำรวจและขุดเจาะปิโตรเลียมครั้งสำคัญเกิดขึ้นในรัฐบาลพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อแหล่งทรัพยากรและผลประโยชน์ของประชาชนอย่างมาก
รัฐบาลพล.อ.สุรยุทธ์ได้ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์การปิโตรเลียมใหม่ โดยจากเดิมการอนุมัติสัมปทานสำรวจและขุดเจาะกำหนดแปลงสัมปทานไม่เกิน 20,000 ไร่ แต่ได้ขยายแปลงสัมปทานเป็น 100,000 ไร่ และอนุมัติสัมปทานบริษัทเอกชนจำนวนมาก
นอกจากนั้นยังกำหนดให้ประชาชนที่เป็นเจ้าของที่ดิน มีกรรมสิทธิ์บนพื้นดินเพียง 100 เมตร ลึกลงใต้ดินเกินกว่า 100 เมตร ถือเป็นสมบัติของรัฐ ทรัพยากรใต้แผ่นดินที่ลึกลงไปเกินกว่า 100 เมตร ชาวบ้านผู้ครอบครองไม่มีสิทธิ์ในผลประโยชน์
ขุมทรัพย์ที่อยู่ใต้ดินเกินกว่า 100 เมตร กลายเป็นสัมปทานเอกชนและทุนข้ามชาติไปเสียแล้ว
ถ้าบริษัทที่ได้รับสัมปทานสำรวจและขุดเจาะทั้งหมด ขุดหาน้ำมันพร้อมกัน ประเทศไทยจะเต็มไปด้วยแท่นขุดเจาะ แผ่นดินไทยจะถูกเจาะจนพรุน ความขัดแย้งระหว่างประชาชนในท้องถิ่นกับบริษัทขุดเจาะน้ำมันจะปะทุทั่วประเทศ
ถึงวันนั้นสังคมไทยจะวุ่นวายปั่นป่วน และหาคนรับผิดชอบแก้ปัญหาไม่ได้ เพราะเพียงพุทธมณฑลสาย 2 เพียงจุดเดียว ยังไม่มีใครโผล่หน้ามาบอกว่า จะแก้ผลกระทบของชาวบ้านอย่างไร
หลายสิบปีแล้วที่มีการสำรวจและขุดน้ำมันขึ้นมาขาย หลายสิบรัฐบาลแล้วที่มีส่วนรู้เห็น และเปลี่ยนแปลงกฎเกณท์เงื่อนไขการพิจารณาสัมปทานหลายครั้ง แต่อัตราค่าภาคหลวงที่ต่ำติดดิน ไม่เคยมีผู้บริหารประเทศคนใดคิดจะเปลี่ยน
อัตราค่าภาคหลวงปิโตรเลียมของไทย กำหนดไว้ระหว่าง 5-15% ซึ่งน่าจะเป็นค่าภาคหลวงต่ำที่สุดในโลก
ประเทศกัมพูชาซึ่งถูกดูแคลนว่า ด้อยพัฒนา ล้าหลังกว่าประเทศไทยหลายขุม เป็นประชาธิปไตยน้อยกว่า และนายกรัฐมนตรีฮุนเซน ก็มีภาพลักษณ์นักตักตวงผลประโยชน์
แต่เขมรกำหนดค่าภาคหลวง 40-60% ส่วนพม่าซึ่งเพิ่งเปิดประเทศต้อนรับการลงทุน กำหนดค่าภาคหลวงอัตราใกล้เคียงกับเขมร
บางประเทศกำหนดค่าภาคหลวงประมาณ 85% และไม่ได้คิดจากส่วนแบ่งรายได้จากการขายน้ำมันเสียด้วย แต่แบ่งค่าภาคหลวงจากน้ำมันที่ขุดขึ้นมา ขุดน้ำมันดิบขึ้นมาปริมาณเท่าไหร่ รัฐต้องได้ 85% อีก 15% บริษัทสัมปทานเอาไป
อัตราค่าภาคหลวงที่กำหนดไว้สูง เพราะผู้บริหารประเทศสำนึกความหวงแหนทรัพยากร โดยราคาน้ำมันมีแต่จะสูงขึ้น ถ้าขายไม่ได้ราคา ขายแล้วประชาชนไม่ได้ผลประโยชน์สูงสุด ก็ปล่อยทิ้งไว้เป็นสมบัติใต้ดิน ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนขุด วันหน้าใครให้ประโยชน์รัฐสูงสุด ค่อยขุดขึ้นมา
อัตราค่าภาคหลวงที่กำหนดไว้โบร่ำโบราณ ควรจะต้องทบทวนเสียที แต่ไม่รู้ทำไม จึงยังไม่มีรัฐบาลไหนทบทวนเสียที ทรัพยากรของประเทศจึงถูกนำไปขายในราคาถูกๆ และทำให้ประชาชนทุกคนเสียประโยชน์
แต่จะมีคนบางกลุ่มได้ประโยชน์ และคนกลุ่มนี้ร่วมกันปกปิดข้อมูลน้ำมัน ร่วมกันเมินเฉยต่อความเสียเปรียบในสัมปทานปิโตรเลียม
ประเทศไทยแม้ไม่ใช่ผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ แต่ปริมาณน้ำมันก็มีจำนวนไม่น้อย จนสามารถจูงใจให้บริษัทน้ำมันข้ามชาติเดินเข้ามาประเทศไทยกันขวักไขว่
ปริมาณน้ำมันที่มี ถ้าบริหารจัดการดีๆ บริหารจัดการด้วยความโปร่งใส ประชาชนคนไทยอาจมีโอกาสลืมตาอ้าปาก เพราะประเทศจะมีรายได้หลักเพิ่มขึ้นจากการส่งออกน้ำมันและก๊าซแล้ว ผู้บริโภคอาจได้ใช้น้ำมันในราคาต่ำ ไม่ต้องเดือดร้อนแทบเป็นแทบตาย เมื่อราคาน้ำมันตลาดโลกพุ่งทะยานแต่ละครั้ง
ประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่สามารถดูแลพลเมืองตัวเอง โดยขายน้ำมันราคาต่ำ ทำให้ต้นทุนการผลิตของประเทศลดลง ประชาชนไม่ต้องปากกัดตีนถีบ เพราะผลกระทบจากราคาน้ำมัน
ประชาชนที่บริโภคราคาน้ำมันต่ำที่สุดในโลก คือ เวเนซุเอรา โดยประธานาธิบดี ฮูโก้ ชาเวซ ตรึงราคาน้ำมันไว้เพียงลิตรละประมาณ 3.60 บาทเท่านั้น เลือกตั้งทีไร เสียงของนายชาเวซจึงท่วมท้น
ใครทำให้ราคาน้ำมันในประเทศไทยเหลือต่ำกว่าลิตรละ 10 บาทได้ รับรองเลือกตั้งเมื่อไหร่ ได้รับชัยชนะท่วมท้น
ผลประโยชน์น้ำมันมหาศาลเพียงใด ไม่มีใครรู้ เพราะไม่เคยมีรัฐบาลชุดใดเปิดเผยข้อมูลทั้งหมดต่อสาธารณชน ไม่เคยมีนักการเมืองคนใดนำข้อมูลทรัพยากรปิโตรเลียมที่อยู่ใต้ดินมาตั้งบนดิน เพื่อให้ประชาชนรับรู้ข้อเท็จจริงทั้งหมด
ขณะที่ประชาชนกำลังถูกปั่นหัวถูกเสี้ยมให้ห้ำหั่นแทบฆ่ากันตาย ถูกมอมเมากับลัทธิการเมืองว่าด้วยเรื่องเสื้อ “สี” คนกลุ่มหนึ่งกลับเสวยสุขกับการตักตวงน้ำมัน ปล้นทรัพยากรของประเทศไปขายให้ต่างชาติ
น้ำมันกำลังสูบกินทุกคน ไม่ว่าจะใส่เสื้อสีอะไร
เลิกบ้า เลิกบูชานักการเมืองหรือพรรคการเมืองได้แล้ว หูตาสว่างกันเสียที เพราะทรัพยากรบรรพบุรุษของเรา และของลูกของหลานเรากำลังถูกปล้น
ใครล่ะที่ปล้นน้ำมันของพวกเรา ก็นักการเมือง พรรคการเมือง รัฐบาล และปล้นกันทุกรัฐบาลแหละ ปล้นกันมานานแล้วด้วย ไม่ว่าโดยไม่ตั้งใจหรือสมคบคิดกับทุนข้ามชาติปล้นคนไทยด้วยกันโดยตั้งใจก็ตาม