xs
xsm
sm
md
lg

ทุนไทย-เทศแห่ผุดรร.3ดาว “เอราวัณ-บัดดี้”เปิดแผนลุย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน – ตลาดโรงแรมระดับ 3-4 ดาว คึกคัก ผู้ประกอบการแห่ลงทุนผุดเต็มสูบ ไม่เว้นกลุ่มเชนอินเตอร์แบรนด์ ตอบสนองไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ด้านเอราวัณกรุ๊ป เตรียมผุดเพิ่มอีก 14 แห่งใน 5 ปี ส่วนบัดดี้ กรุ๊ป ชูโรงแรมไซต์เล็กเล็งขยายเพิ่มที่พัทยาและภูเก็ต

การเติบโตของนักท่องเที่ยวจากตลาด จีน อินเดีย และรัสเซีย   บวกกับไลฟ์สไตล์ การเดินทางของนักท่องเที่ยวรุ่นใหม่ ส่งผลให้ โรงแรมในเซ็กเม้นต์ 3-4 ดาว กำลังเป็นที่ต้องการสูง  ทั้งเรื่องราคาที่ไม่แพงเกินไป ที่ตั้งในโลเกชั่นสะดวก  ทำให้ผู้ประกอบการทั้งรายเดิมและรายใหม่  ทยอยมาลงทุนในตลาดโรงแรมระดับนี้กันอย่างคึกคัก
ขณะเดียวกัน ปรกติแล้ว โรงแรมในเซ็กเม้นต์ 3-4 ดาว ในอดีตจะเป็นนักธุรกิจคนไทย เป็นผู้ลงทุน แต่ระยะ 2-3 ปีที่ผ่านมา โรงแรมระดับอินเตอร์เชน อย่างกลุ่ม แอคคอร์ ก็ให้ความสำคัญกับการขยายตลาดโรงแรมระคาประหยัด อย่าง "ไอบิส"  มากขึ้น อีกทั้งค่ายสายการบินอย่างแอร์เอเชีย  นอกจากทำธุรกิจสายการบินต้นทุนต่ำแล้วยังเปิดตัว โรงแรมราคาประหยัด "ทูน โฮเทล"  เติมเต็มความต้องการของลูกค้าในรูปแบบแพกเกจการตลาดแบบครบวงจร
 **เอราวัณกรุ๊ปเปิดเพิ่ม14แห่ง5ปี
นางกมลวรรณ วิปุลากร   กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ดิเอราวัณ กรุ๊ป  กล่าวว่า แผนธุรกิจของบริษัทOตั้งแต่ปี 2554-2558 จะลงทุนเปิดโรงแรมระดับ 3-4 ดาว อีก 14 แห่ง จากปัจจุบันมีแล้ว 13 แห่ง ทั่วประเทศ เน้นที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวหลัก โดยใช้แบรนด์ ไอบิส และ เมอร์เคียว ส่วนโรงแรมระดับ 5 ดาว กลุ่มลักษ์ชัวรี่ ยังไม่มีแผนลงทุน เพิ่มจากปัจจุบันมี 4 แห่ง ในกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ อย่าง ภูเก็ต และ เกาะสมุย  ทั้งนี้เพราะจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ตลาดที่เติบโตสูง  คือ รัสเซีย อินเดีย และ จีน  ซึ่ง ตลาดกลุ่มนี้ มีความต้องการใช้บริการ โรงแรมในเซ็กเม้นต์ 3-4 ดาว เน้นความคล่องตัว ราคาไม่แพง โลเกชั่นเดินทางสะดวก ซึ่งทั้งหมด ตอบโจทย์ให้กับ คอนเซป ของโรงแรมไอบิส ทั้งสิ้น 
ล่าสุดเปิดตัว ไอบิส หัวหิน ตั้งแต่เดือน มค. 55 ปัจจุบัน มีอัตราเข้าพักเฉลี่ย 65%  เจาะเป้าหมายคนไทย ในช่วงวันหยุด และต่างชาติในช่วงวันธรรมดา  ปลายปีเปิดเพิ่มอีก 2 แห่ง ทั้งไอบิส และ เมอร์เคียว ในทำเลย่านสี่แยกปทุมวัน  โดยในปี 2558 รายได้จากโรงแรมระดับ 3-4 ดาว จะมีสัดส่วน 50%  จากปัจจุบัน 65% ยังเป็นรายได้ที่เกิดจากโรงแรมระดับ 5 ดาว
" บริษัทฯมุ่งลงทุนโรงแรมระดับ 3-4 ดาว เป็นเพราะตลาดยังมีโอกาสเติบโตสูง จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น และ ซัพพลายที่มีในตลาดยังน้อย ขณะที่โรงแรมระดับ 5 ดาว มีซัพพลายจำนวนมากแล้ว  เพียงพอกับอัตราส่วนการเติบโตของนักท่องเที่ยวระดับบน เพราะไม่ใช่ตลาดระดับบนไม่เติบโต แต่เป็นการเติบโตที่น้อยกว่าตลาดระดับกลาง"
 สำหรับกลยุทธ์ และจุดแข็ง ของโรงแรมไอบิส  และเมอร์เคียว ที่สำคัญ คือเป็น อินเตอร์เชน  มีเครือข่ายครอบคลุมทั่วโลก  ดังนั้นนักท่องเที่ยวหรือผู้ใช้บริการจะสัมผัสได้ถึงความเป็นมาตรฐานการบริการ มาตรฐานสถานที่ สิ่งอำนวยความสะดวก  ระบบความปลอดภัย 
***บัดดี้ กรุ๊ป ชูโรงแรมไซต์เล็ก
นายสรเทพ โรจน์พจนารัช  ประธานเจ้าหน้าที่ปฎิบัติการ บัดดี้ กรุ๊ป โฮเทล  กล่าวว่า  บัดดี้กรุ๊ป เป็นโรงแรมระดับ 3-4 ดาว ลงทุนโดยคนไทยและเป็นโรงแรมแบรนด์ของคนไทย  ซึ่งมองว่าโรงแรม 3-4 ดาวเป็นตลาดใหญ่  จุดต่างที่สำคัญของโรงแรม คือ ขนาดไม่ใหญ่จนเกินไป  แต่ละแห่งไม่เกิน  70-80 ห้อง  สามารถดูแลลูกค้าได้ทั่วถึง ประกอบกับการใช้กลยุทธ์แบบคนไทย  เช่น  นำเสนอห้องพักในราคารวมอาหารเช้า  หรือ ที่ บัดดี้ ลอดจ์ จะฟรีมินิบาร์  ซึ่งลูกค้าให้การตอบรับดีมาก
นอกจากนั้น ทุกโรงแรมของ บัดดี้ กรุ๊ป ยังมีบริการฟรี wifi  ตอบสนองไลฟ์สไตล์การเดินทาง เพราะลูกค้าที่เข้าพักโรงแรมรูปแบบนี้ส่วนใหญ่ เป็นคนรุ่นใหม่ กว่า 90% ใช้ช่องทางการจองผ่านอินเทอร์เน็ต    ขนาดห้องพักเฉลี่ย ของบัดดี้ กรุ๊ป จะอยู่ที่ 25 ตร.ม.
ปัจจุบันบัดดี้ กรุ๊ป เป็นเจ้าของโรงแรม 6 แห่ง ครอบคลุมตั้งแต่ 3-5 ดาว ได้แก่ โรงแรมบัดดี้ ลอดจ์ (กรุงทพฯ) โรงแรมโฮเต็ล เดม๊อค (กรุงเทพฯ)โรงแรมบัดดี้ บูติค อินน์ (กรุงเทพฯ)โรงแรมบัดดี้ โอเรียลทอล ริเวอร์ไซด์ ปากเกร็ด (นนทบุรี)โรงแรม บัดดี้  โอเรียลทอล สมุย บีช รีสอร์ท และมาร์โคโปโล โฮสเทล (กรุงเทพฯ) ในระยะสั้นยังไม่มีแผนลงทุนเพิ่ม แต่ก็เตรียมมองหา โลเกชั่นเพื่อขยายการลงทุน มองที่พัทยา และ ภูเก็ต เป็นหลัก เพราะ 2 พื้นที่ดังกล่าว  เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของต่างชาติ ที่เดินทางมาประเทศไทย  โดยเน้นที่ตั้งที่เป็นโลเกชั่น สะดวก มีระบบสาธารณูปโภค พร้อม
  ทั้งนี้สถิตินักท่องเที่ยวต่างชาติ  ปี 2554   ซึ่งมีจำนวนนักท่องเที่ยวรวมตลอดปี ที่  19.84 ล้านคน ในที่นี้ เป็นนักท่องเที่ยวจาก 3 ประเทศที่มีการเติบโตสูง คือ จีน อินเดีย และ รัสเซีย รวมกันเกือบ 5 ล้านคน แบ่งเป็น จีน  1.76 ล้านคน เติบโตจากปี 53 ราว 56.88% , อินเดีย  มีจำนวนนักท่องเที่ยวราว 9.2 แสนคน เติบโตจากปี 2553 ราว 20.57% และ รัสเซีย  มีจำนวนนักท่องเที่ยวรวม 1.02 ล้านคน เติบโต 57.36%  ซึ่งทั้ง 3 ตลาดดังกล่าว  ในปี 2555 กระทรวงการท่องเที่ยว และ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ตั้งเป้าหมายว่า จะมีจำนวนนักท่องเที่ยว เดินทางมาตลาดละมากกว่า 1-2 ล้านคน โดยเป็นการเติบโตต่อเนื่องจากปีก่อน
/////////////////////////
กำลังโหลดความคิดเห็น