ประชุมร่วมรัฐสภาถกคุณสมบัติ ส.ส.ร. ค้านฟรีวุฒิการศึกษา ส.ส.ร.เลือกตั้ง หวั่นแบ่งแยก ส.ส.ร.ถูกกลุ่มสรรหาจูงจมูก ส่วนวัยวุฒิอ่อนไปอาจหวั่นไหวต่อผลประโยชน์ที่หลอกล่อได้ ส.ว.เอือมพูดกับขอนไม้ เพราะเสียงข้างมากมาตามธงกำหนดไว้แล้ว แฉบินไปขอเก้าอี้ ส.ส.ร.กับนายใหญ่ถึงฮ่องกง
การประชุมรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่...) พ.ศ... ในวันนี้ (20 เม.ย.) โดยมี นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม เป็นการพิจารณาต่อจากเมื่อวานในมาตรา 291/2 เกี่ยวกับคุณสมบัติของผู้มีสิทธิรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ซึ่งมีรายละเอียดว่า (1) ต้องมีสัญชาติไทยโดยกำเนิด (2) มีอายุไม่ต่ำกว่า 35 ปีบริบูรณ์ในวันเลือกตั้ง และ (3) ต้องมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในจังหวัดที่สมัคร หรือเคยศึกษาอยู่ในสถานศึกษาในจังหวัดที่สมัครไม่น้อยกว่า 5 ปีนับถึงวันสมัครรับเลือกตั้ง หรือเคยรับราชการ หรือเคยมีชื่อในทะเบียนบ้านในจังหวัดที่สมัครเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 5 ปี
โดยการอภิปรายของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญแก้ไขรัฐธรรมนูญที่สงวนคำแปรญัตติเป็นไปอย่างกว้างขวาง สมาชิกต่างเสนอคุณสมบัติของบุคคลที่จะมาเป็น ส.ส.ร.อย่างหลากหลาย เช่น เสนอให้เพิ่มคุณสมบัติด้านการศึกษาว่าต้องสำเร็จการศึกษาชั้นปริญญาตรีหรือเทียบเท่า รวมทั้งการเพิ่มคุณสมบัติว่าต้องไม่เป็น ส.ส., ส.ว.และผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองภายใน 5 ปี ต้องไม่เป็นสมาชิกพรรคการเมืองอย่างน้อย 2 ปี ต้องไม่เป็นบุพการี คู่สมรส หรือบุตรของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือแม้กระทั่งการเสนอให้บุคคลที่สมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.ร.ต้องมีคุณสมบัติในการเลื่อมใสในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขเป็นที่ประจักษ์ เป็นต้น
นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา แปรญัตติให้กำหนดคุณสมบัติผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ร.มีวุฒิการศึกษาขั้นต่ำสำเร็จปริญญาตรี เพราะหากมีการกำหนดที่มาจาก 2 ส่วน โดยในส่วนการสรรหามีการกำหนดขั้นต่ำปริญญาตรีก็จะเกิดสภาพความแตกต่างระหว่างสองกลุ่ม ในที่สุด ส.ส.ร.สรรหาที่เลือกมาล้วนแต่เป็นผู้เชี่ยวชาญ ทรงความรู้ความสามารถ ก็จะเป็นผู้กำหนดหรือเขียนรัฐธรรมนูญทั้งหมด โดยมีอิทธิพลทางความคิด ความรู้ ประสบการณ์ที่เหนือกว่าสมาชิกประเภทเลือกตั้ง 77 คนที่เปิดคุณสมบัติกว้างไว้ ดังนั้น ตนเห็นว่าควรมีการกำหนดคุณสมบัติ ส.ส.ร.เลือกตั้งว่าต้องมีความรู้ขั้นต่ำปริญญาตรี เพื่อให้พวกเขามีความรู้สามารถไปอภิปราย แสดงความเห็นแลกเปลี่ยนในคณะได้
ขณะที่ ส.ว.บางส่วนก็สงวนความเห็นไปในแนวทางเดียวกัน เช่น น.ส.สุมล สุตะวิริยวัฒน์ ส.ว.เพชรบุรี เห็นด้วยที่ควรกำหนดคุณสมบัติ ส.ส.ร.ควรต้องจบปริญญาตรี
นอกจากนี้ ยังมีสมาชิกบางส่วนสงวนความเห็นเกี่ยวกับการกำหนดอายุบุคคลที่จะมาเป็น ส.ส.ร. ที่ควรจะกำหนดไว้มากกว่า 35 ปี
นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา ในฐานะ กมธ.ที่สงวนคำแปรญัตติเสนอให้ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.ร.ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 40 ปี พร้อมทั้งเสนอให้จบการศึกษาปริญญาตรีหรือเทียบเท่า เพราะคนที่จะมาร่างรัฐธรรมนูญจะต้องมีความรู้ ประสบการณ์ในการบริหารราชการแผ่นดิน ด้านกฎหมาย สังคม หรือด้านเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ตนทราบดีว่าแม้จะมีการอภิปรายเสนอแก้ไข แต่ กมธ.เสียงข้างมากก็คงจะไม่มีการแก้ไข และเสียงข้างมากก็จะชนะโหวต เพราะมีการตั้งธงเอาไว้แล้ว หลายคนรู้สึกท้อใจที่อภิปรายอะไรไปก็เหมือนพูดให้ขอนไม้ฟัง ทั้งนี้ ตนได้ทราบว่ามีอดีต ส.ว.คนหนึ่งพูดในงานรับสายสะพายว่าเขาจะได้เป็น ส.ส.ร. ให้ข่าวกับหนังสือพิมพ์ว่าเขาจะได้เป็น ส.ส.ร. และได้ไปพบนายใหญ่ที่ประเทศฮ่องกงที่โรงแรมมาร์โคโปโล เพราะมีคนเห็นตอนขึ้นลิฟต์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อถึงช่วงนี้ จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศีรษะ ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย ได้ลุกประท้วงทันทีว่าอภิปรายนอกเหนือจากที่ขอสงวนคำแปรญัตติ ซึ่งนายสมศักดิ์ได้วินิจฉัยขอให้นายสมชายอภิปรายในกรอบที่ได้แปรญัตติไว้เท่านั้น
นายสมชายอภิปรายต่อว่า การโหวตผ่านมาตรา 291/1 เป็นสิ่งที่ทำให้เสียโอกาสไปแล้ว เพราะได้ใช้เสียงข้างมากผ่านมาแล้ว ดังนั้น ต้องปรับปรุงโอกาสเพื่อให้ได้สถาปนิกที่จะมาออกแบบสร้างรัฐธรรมนูญที่ดี เนื่องจากการร่างรัฐธรรมนูญในภาวะที่เกิดวิกฤต มีความขัดแย้งทางการเมือง มีคนตาย มีอาคารสถานที่สิ่งเสียหายหลายล้านล้านบาท จำเป็นต้องมีการวางกติกาใหม่ร่วมกัน
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ เสนอว่าควรกำหนดอายุ ส.ส.ร.40 ปีขึ้นไปเพราะจะมีวุฒิภาวะเหมาะสม คิดถึงแก่ประเทศชาติมากขึ้น เพราะคนอายุน้อยจะหวั่นไหวต่ออิทธิพลของผลประโยชน์ เกรง ส.ส.ร.รับจ็อบแก้ไขรัฐธรรมนูญ กังวลว่าแก้ไขครั้งนี้จะหมิ่นเหม่เข้าไปก้าวก่ายการปกครองระบบตุลาการของไทย รวมถึงองค์กรอิสระ ต้องมีวุฒิภาวะเพราะเป็นผู้กำหนดพิมพ์เขียวของประเทศ วันนี้เชื่อว่าทุกคนพอใจกับระบบตุลาการไทย
“มีสมาชิกของพรรคท่านหนึ่งบอกว่าระบบศาลของเราไม่เป็นกลางทำให้เชื่อว่าเป็นเพราะมีใบสั่ง หรือเป็นการหยั่งกระแสสังคมเท่านั้น เรื่องอายุจึงมีความสำคัญ เพราะจะทำให้มีวุฒิภาวะแยกแยะการทำหน้าที่ของฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการ รวมทั้งต้องมีองค์กรอิสระมาคอยตรวจสอบ หากคนที่เป็น ส.ส.ร.ยังมีประโยชน์ทับซ้อนก็จะนำมาซึ่งการรับจ็อบเพราะมีหลายฝ่ายกังวลว่าจะนำไปสู่การนิรโทษกรรม อยากเรียกร้องให้ประธาน กมธ.ถอยคนละก้าว ไม่อย่างนั้นจะเดินต่อไปไม่ได้ ประเทศจะมีปัญหาตามมา เราก็จะถูกบันทึกว่าเป็นคนทำให้บ้านเมืองปั่นป่วน”