ASTVผู้จัดการรายวัน - แจงผลสำรวจความต้องการผู้เข้าชมงานมหกรรมบ้านและคอนโดครั้งที่ 26 พบความต้องการบ้านเดี่ยวสูงสุด 39.59% ส่วนยอดจองซื้อที่อยู่อาศัยในงานคอนโดฯนำโด่งกว่า 40.97% ขณะที่บ้านเดี่ยวมียอดจองซื้อ 20.27% ตามหลังยอดจองซื้อทาวน์เฮาส์ ซึ่งมียอดจองซื้อที่29.07% ระบุตัวเลขจองซื้อในงานทะท้อนอัตราการขยายตัวตลลาดคอนโดฯที่กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง ส่วนระดับราคาที่อยู่อาศัยที่มีความต้องการสูงสุดอยู่ที่ 1-2ล้านบาท
นางสาวเกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ ประธานจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโด กล่าวว่า จากการจับเก็บข้อมูลการลงทะเบียนผู้เข้าชมงานดังกล่าว ผลสำรวจความต้องการที่อยู่อาศัยของผู้ลงทะเบียนเข้าชมงาน พบว่ากลุ่มผู้บริโภคมีความต้องซื้อที่อยู่อาศัย ประเภทบ้านเดี่ยว 39.59% คอนโดมิเนียม 33.49% ทาวน์เฮ้าส์ 17.98% ด้านงบประมาณในการซื้อที่อยู่อาศัยนั้น พบว่าความต้องการที่อยู่อาศัย ระดับราคา 1-2 ล้านบาท 44.47% ราคา 2-3 ล้านบาท 21.88% ต่ำกว่า 1 ล้านบาท 14.65% ราคา 3-4 ล้านบาท 10.25% และ 4-6 ล้านบาท 6.05%
สำหรับยอดจองในงาน จาการรวบรวมตัวเลขยอดจองจากผู้ออกบูทพบว่ากว่า 40.97% เป็นคอนโดมิเนียม 29.07% เป็นทาวน์เฮ้าส์ 20.27% เป็นบ้านเดี่ยว และ 6.17% เป็นทาวน์โฮม ซึ่งจากตัวเลขดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าคอนโดมิเนียมกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง รองลงมาเป็นทาวน์เฮ้าส์และบ้านเดี่ยว ตามลำดับ นอกจากนี้ยังพบอีกว่าผู้เข้าชมงานกว่า 34.19% เป็นผู้ที่เคยมาเข้าชมงานในครั้งก่อน และอีก 65.81% เป็นผู้เข้าชมงานมหกรรมฯใหม่ โดยใในส่วนนี้มี57.01% เป็นกลุ่มอาชีพพนักงานบริษัทเอกชน รองลงมาอาชีพเจ้าของกิจการ8.68% ที่เหลือมีอาชีพรับราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ ค้าขาย
นอกจากนี้ผลสำรวจยังชีบ่งชี้ว่าได้ต่อครัวเรือนต่อเดือนของผู้เข้าชมงาน กว่า 26.5% มีรายได้อยู่ระหว่าง 3- 5 หมื่นบาท และอีก 27.63% มีรายได้ไม่เกิน 3 หมื่นบาท นอกจากนี้ ผู้เข้าชมงานส่วนใหญ่ 59.56% มีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพฯ รองลงมา คือ นนทบุรี ประมาณ 10.37% หรือ เมื่อนับรวมความต้องการที่อยู่อาศัยในพื้นที่กทม.และปริมณฑลพบว่ามีกว่า84.30% ขณะที่ลักษณะที่อยู่อาศัยมีความต้องการ 33.27% เป็นบ้านเดี่ยว 33.49% เป็นหอพัก / แฟลต ส่วนอพาร์ทเม้นท์ 20.93% และเป็นทาวน์เฮ้าส์ 16.89% เป็นคอนโดมิเนียม 13.7%
สำหรับ งานมหกรรมบ้านฯครั้งที่ 26 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 15-18 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยมีผู้ประกอบการอสังหาฯร่วมออกบูทกว่า 200 บริษัท ซึ่งมีการนำที่อยู่อาศัยกว่า 600 โครงการ ร่วมแสดงในงานเต็มพื้นที่ 11,000 ตารางเมตร โดยในครั้งนี้ภาครัฐ โดยกระทรวงการคลังได้ร่วมกับกรมสรรพากร และธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) นำ “โครงการบ้านหลังแรกเพื่อประชาชนโดยรัฐบาล” มาบริการผู้มาร่วมงาน โดยมีบูธกรมสรรพากรที่คอยให้ข้อมูลเกี่ยวกับมาตรการยกเว้นภาษี 10%และธอส.ให้บริการสินเชื่อบ้านภายในงาน
ทั้งนี้ งานดังกล่าวประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี โดยมียอดผู้สนใจและชมงานมากกว่าแสนคน โดยมียอดขายที่อยู่อาศัยทุกประเภทภายในงานรวมทั้งสิ้นกว่า 3,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ และยอดการขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยภายในงานจากการสำรวจจากสถาบันการเงินต่างๆ มียอดการขอสินเชื่อรวมมากกว่า 1 หมื่นล้านบาท ความสำเร็จที่เกิดขึ้น นอกจากแคมเปญส่งเสริมการขายภายในงานและแคมเปญส่งเสริมการขายของผู้ประกอบที่ดึงดูดลูกค้าแล้ว การที่ภาครัฐนำโครงการบ้านหลังแรกเข้ามาร่วมประชาสัมพันธ์และเปิดจอง เป็นการสร้างทางเลือกให้แก่ผู้บริโภคที่มาเดินร่วมงาน ทำให้เพิ่มความคึกคักมากยิ่งขึ้น
นางสาวเกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ ประธานจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโด กล่าวว่า จากการจับเก็บข้อมูลการลงทะเบียนผู้เข้าชมงานดังกล่าว ผลสำรวจความต้องการที่อยู่อาศัยของผู้ลงทะเบียนเข้าชมงาน พบว่ากลุ่มผู้บริโภคมีความต้องซื้อที่อยู่อาศัย ประเภทบ้านเดี่ยว 39.59% คอนโดมิเนียม 33.49% ทาวน์เฮ้าส์ 17.98% ด้านงบประมาณในการซื้อที่อยู่อาศัยนั้น พบว่าความต้องการที่อยู่อาศัย ระดับราคา 1-2 ล้านบาท 44.47% ราคา 2-3 ล้านบาท 21.88% ต่ำกว่า 1 ล้านบาท 14.65% ราคา 3-4 ล้านบาท 10.25% และ 4-6 ล้านบาท 6.05%
สำหรับยอดจองในงาน จาการรวบรวมตัวเลขยอดจองจากผู้ออกบูทพบว่ากว่า 40.97% เป็นคอนโดมิเนียม 29.07% เป็นทาวน์เฮ้าส์ 20.27% เป็นบ้านเดี่ยว และ 6.17% เป็นทาวน์โฮม ซึ่งจากตัวเลขดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าคอนโดมิเนียมกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง รองลงมาเป็นทาวน์เฮ้าส์และบ้านเดี่ยว ตามลำดับ นอกจากนี้ยังพบอีกว่าผู้เข้าชมงานกว่า 34.19% เป็นผู้ที่เคยมาเข้าชมงานในครั้งก่อน และอีก 65.81% เป็นผู้เข้าชมงานมหกรรมฯใหม่ โดยใในส่วนนี้มี57.01% เป็นกลุ่มอาชีพพนักงานบริษัทเอกชน รองลงมาอาชีพเจ้าของกิจการ8.68% ที่เหลือมีอาชีพรับราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ ค้าขาย
นอกจากนี้ผลสำรวจยังชีบ่งชี้ว่าได้ต่อครัวเรือนต่อเดือนของผู้เข้าชมงาน กว่า 26.5% มีรายได้อยู่ระหว่าง 3- 5 หมื่นบาท และอีก 27.63% มีรายได้ไม่เกิน 3 หมื่นบาท นอกจากนี้ ผู้เข้าชมงานส่วนใหญ่ 59.56% มีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพฯ รองลงมา คือ นนทบุรี ประมาณ 10.37% หรือ เมื่อนับรวมความต้องการที่อยู่อาศัยในพื้นที่กทม.และปริมณฑลพบว่ามีกว่า84.30% ขณะที่ลักษณะที่อยู่อาศัยมีความต้องการ 33.27% เป็นบ้านเดี่ยว 33.49% เป็นหอพัก / แฟลต ส่วนอพาร์ทเม้นท์ 20.93% และเป็นทาวน์เฮ้าส์ 16.89% เป็นคอนโดมิเนียม 13.7%
สำหรับ งานมหกรรมบ้านฯครั้งที่ 26 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 15-18 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยมีผู้ประกอบการอสังหาฯร่วมออกบูทกว่า 200 บริษัท ซึ่งมีการนำที่อยู่อาศัยกว่า 600 โครงการ ร่วมแสดงในงานเต็มพื้นที่ 11,000 ตารางเมตร โดยในครั้งนี้ภาครัฐ โดยกระทรวงการคลังได้ร่วมกับกรมสรรพากร และธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) นำ “โครงการบ้านหลังแรกเพื่อประชาชนโดยรัฐบาล” มาบริการผู้มาร่วมงาน โดยมีบูธกรมสรรพากรที่คอยให้ข้อมูลเกี่ยวกับมาตรการยกเว้นภาษี 10%และธอส.ให้บริการสินเชื่อบ้านภายในงาน
ทั้งนี้ งานดังกล่าวประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี โดยมียอดผู้สนใจและชมงานมากกว่าแสนคน โดยมียอดขายที่อยู่อาศัยทุกประเภทภายในงานรวมทั้งสิ้นกว่า 3,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ และยอดการขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยภายในงานจากการสำรวจจากสถาบันการเงินต่างๆ มียอดการขอสินเชื่อรวมมากกว่า 1 หมื่นล้านบาท ความสำเร็จที่เกิดขึ้น นอกจากแคมเปญส่งเสริมการขายภายในงานและแคมเปญส่งเสริมการขายของผู้ประกอบที่ดึงดูดลูกค้าแล้ว การที่ภาครัฐนำโครงการบ้านหลังแรกเข้ามาร่วมประชาสัมพันธ์และเปิดจอง เป็นการสร้างทางเลือกให้แก่ผู้บริโภคที่มาเดินร่วมงาน ทำให้เพิ่มความคึกคักมากยิ่งขึ้น