“บ้านหลังแรก” ยุคเพื่อไทยกร่อย ธอส.เข็น 5 เดือนปล่อยกู้ได้แค่ 2,000 ล้านบาทส่วนใหญ่ลูกค้าต่างจังหวัด ด้านบิ๊กธอส.แจงบ้านไม่เกิน 1 ล้านอยู่ในโซนน้ำท่วม แถมกระทบกำลังซื้อ คาดหลังมีนาคมถึงสิ้นปียอดสินเชื่อกระเตื้อง ด้านกระทรวงคลังสบโอกาสงานมหกรรมบ้านและคอนโด 15-18 มี.ค.เร่งโหมประชาสัมพันธ์หวังดันยอดขอสินเชื่อ เพิ่ม 3,000 ล้านบาท ด้านผู้จัดงานหวังบ้านหลังแรกช่วยกระตุ้นตลาดอสังหาฯคึกคัก
นายวรวิทย์ ชัยลิมปมนตรีกรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาสงเคราะห์ จำกัด เปิดเผยว่า ธอส. ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ได้จัดเตรียมวงเงิน 20,000 ล้านบาท เพื่อให้บริการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยในอัตราดอกเบี้ยต่ำผ่าน "โครงการบ้าน ธอส.เพื่อที่อยู่อาศัยแห่งแรก" อัตราดอกเบี้ย 0% นาน 3 ปี ในวงเงินกู้รายละไม่เกิน 1 ล้านบาท โดยธนาคารจะให้กู้ เพื่อซื้อที่ดินพร้อมอาคาร หรือ ห้องชุดให้กู้เพื่อปลูกสร้างอาคาร หรือเพื่อซื้อที่ดินพร้อมปลูกสร้างอาคาร และซื้อทรัพย์ NPA ของ ธอส. ซึ่งปัจจุบันมี NPA ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท กว่า 5,000 หน่วยทั่วประเทศ โดยผู้สนใจสามารถยื่นคำขอกู้ได้ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันที่ 30 กันยายน 2555 ทำนิติกรรมภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2555 หรือภายใต้กรอบวงเงินที่ธนาคารกำหนด
โครงการดังกล่าวเริ่มปล่อยสินเชื่อตั้งแต่วันที่ 11 ตุลาคม 2554 ถึง 31 กันยายน 55 ปัจจุบันผ่านมาเกือบ 5 เดือนมีประชาชนขอสินเชื่อประมาณ 2,000 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อจากต่างจังหวัด ซึ่งหากพิจารณาจากยอดขอสินเชื่อดังกล่าวถือว่าน้อยมาก ส่วนหนึ่งมาจากเหตุน้ำท่วมใหญ่ในช่วงที่เริ่มต้นโครงการ นอกจากนี้กลุ่มบ้านระดับราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท ส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม
อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากที่สถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติ ภาคอุตสาหกรรมเริ่มเดินเครื่องผลิต รายได้ประชาชนกลับสู่ภาวะปกติก็เชื่อว่าจะมีประชาชนมาขอสินเชื่อเพิ่มมากขึ้น ซึ่งธอส.มีเวลาปล่อยสินเชื่อโครงการนี้ไปจนถึงเดือนกันยายนนี้ ส่วนกรณีที่ธอส.เตรียมเข้าปรึกษากระทรวงการคลังในการปรับเกณฑ์ เงื่อนไขการปล่อยสินเชื่อใหม่ เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงสินเชื่อได้มากขึ้นนั้น ธอส.จะขอประเมินอีกครั้ง โดยขณะนี้จะเร่งทำการประชาสัมพันธ์ โครงการบ้านหลังแรกอีกครั้งโดยจะเริ่มจากงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 26 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 15-18 มีนาคม 55 ซึ่งคาดว่าภายในงานจะสามารถปล่อยสินเชื่อได้ประมาณ 3,000 ล้านบาท
นายวรวิทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ลูกค้าที่มาร่วมงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 26 และสนใจจะขอใช้บริการ "โครงการบ้าน ธอส. เพื่อที่อยู่อาศัยแห่งแรก" ในเบื้องต้นจะต้องแสดงหลักฐานการยื่นกู้ด้วยเอกสาร 5 อย่าง ได้แก่ สำเนาบัตรประชาชน/ข้าราชการ และทะเบียนสมรส (กรณีสมรสแล้ว) สำเนาทะเบียนบ้านทุกหน้า เอกสารรายได้ อาทิ สลิปเงินเดือน หนังสือรับรองเงินเดือน บัญชีเงินฝาก สำเนาการค้า หรือหลักฐานการเสียภาษี สำเนาสัญญาจะซื้อจะขาย หรือสำเนาใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร สำเนาโฉนด หรือสำเนาหนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุด (หรือภายใน 60 วัน นับจากยื่นเอกสารตามข้อ 1-4) และสามารถยื่นคำขอกู้ได้ที่ บูธของ ธอส. ภายในงาน ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่คอยให้บริการและให้คำปรึกษาอยู่ตลอดเวลา
**คลังดึงสรรพากรช่วยธอส.ดันยอดปล่อยกู้**
นายพงษ์ภานุ เศวตรุนทร์ รองปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า งานมหกรรมบ้านและคอนโดฯเป็นการร่วมมือของภาคเอกชนที่สามารถรวมโครงการอสังหาริมทรัพย์และสินค้าที่เกี่ยวข้องไว้ได้มากที่สุดของเมืองไทย โดยจัดตัดต่อกันมา 25 ครั้งแล้ว ซึ่งทุกครั้งได้รับความสนใจจากผู้บริโภคเป็นจำนวนมาก ทางกระทรวงการคลัง กรมสรรพากรและธนาคารอาคารสงเคราะห์ ได้มองเห็นถึงศักยภาพของงานดังกล่าว จึงได้นำ “โครงการบ้านหลังแรกเพื่อประชาชนโดยรัฐบาล” เข้าร่วมงานดังกล่าว โดยยังคงใช้หลักเกณฑ์และให้สิทธิประโยชน์เช่นเดิม ซึ่งหวังว่าโครงการบ้านหลังแรกและงานมหกรรมบ้านและคอนโด วึ่งจะจัดขึ้นที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติครั้งนี้จะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี
ด้านนายมานิต นิธิประทีป รองอธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า กรมสรรพากรจะเปิดบูธเพื่อให้คำปรึกษาแก่ประชาชนทั่วไปที่มีข้อสงสัย หรือต้องการปรึกษาเกี่ยวกับสิทธิทางภาษี สิทธิประโยชน์ต่างๆ เกี่ยวกับโครงการบ้านหลังแรก ภาษีอสังหาฯ หรือเรื่องอื่นๆ ภายในงานมหกรรมฯ เพื่อไขข้อสงสัยแก่ประชาชน
“กรณีโครงการบ้านหลังแรก หักลดหย่อนภาษี สูงสุด 5 แสนบาทนาน 5 ปี ขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินได้ว่ามียอดขอคืนภาษีได้มากน้อยเพียงใด เพราะกำหนดระยะเวลายื่นแบบและชำระภาษีถึงสิ้นเดือนมีนาคมนี้ ซึ่งจะมีประชาชนมาขอคืนภาษีเพียงบางส่วน เพราะสามารถทยอยขอคืนได้นานถึง 5 ปี ซึ่งโดยส่วนใหญ่ประชาชนมักจะมาขอคืนภาษีในช่วงใกล้หมดมาตรการ”
ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ ประธานจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 26 กล่าวว่า การที่กระทรวงการคลัง กรมสรรพากร และธนาคารอาคารสงเคราะห์ ได้นำโครงการบ้านหลังแรกฯ มาเข้าร่วมกับงานมหกรรมฯ ครั้งนี้ เป็นการตอกย้ำถึงศักยภาพของงานได้เป็นอย่างดี ทั้งยังเป็นการเพิ่มความพิเศษให้กับงานในครั้งนี้ และเชื่อว่าโครงการบ้านหลังแรกฯ จะช่วยเพิ่มจำนวนผู้มาร่วมงาน ตลอดทั้ง 4 วัน และมียอดการทำธุรกรรมเพิ่มขึ้น ยอดผู้ร่วมงานในครั้งนี้ คาดว่าจะมากกว่า 100,000 คน ตลอด 4 วัน และน่าจะมียอดขายที่อยู่อาศัยทุกประเภทรวมกันไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านบาท และยอดสินเชื่อมากกว่า 10,000 ล้านบาท โดยทั้ง 3 สมาคม ได้ทุ่มงบโฆษณาประชาสัมพันธ์มากกว่า 20 ล้านบาท เพื่อให้เข้าถึงลูกค้าเป้าหมายให้ได้มากที่สุด
นายวรวิทย์ ชัยลิมปมนตรีกรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาสงเคราะห์ จำกัด เปิดเผยว่า ธอส. ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ได้จัดเตรียมวงเงิน 20,000 ล้านบาท เพื่อให้บริการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยในอัตราดอกเบี้ยต่ำผ่าน "โครงการบ้าน ธอส.เพื่อที่อยู่อาศัยแห่งแรก" อัตราดอกเบี้ย 0% นาน 3 ปี ในวงเงินกู้รายละไม่เกิน 1 ล้านบาท โดยธนาคารจะให้กู้ เพื่อซื้อที่ดินพร้อมอาคาร หรือ ห้องชุดให้กู้เพื่อปลูกสร้างอาคาร หรือเพื่อซื้อที่ดินพร้อมปลูกสร้างอาคาร และซื้อทรัพย์ NPA ของ ธอส. ซึ่งปัจจุบันมี NPA ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท กว่า 5,000 หน่วยทั่วประเทศ โดยผู้สนใจสามารถยื่นคำขอกู้ได้ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันที่ 30 กันยายน 2555 ทำนิติกรรมภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2555 หรือภายใต้กรอบวงเงินที่ธนาคารกำหนด
โครงการดังกล่าวเริ่มปล่อยสินเชื่อตั้งแต่วันที่ 11 ตุลาคม 2554 ถึง 31 กันยายน 55 ปัจจุบันผ่านมาเกือบ 5 เดือนมีประชาชนขอสินเชื่อประมาณ 2,000 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อจากต่างจังหวัด ซึ่งหากพิจารณาจากยอดขอสินเชื่อดังกล่าวถือว่าน้อยมาก ส่วนหนึ่งมาจากเหตุน้ำท่วมใหญ่ในช่วงที่เริ่มต้นโครงการ นอกจากนี้กลุ่มบ้านระดับราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท ส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม
อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากที่สถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติ ภาคอุตสาหกรรมเริ่มเดินเครื่องผลิต รายได้ประชาชนกลับสู่ภาวะปกติก็เชื่อว่าจะมีประชาชนมาขอสินเชื่อเพิ่มมากขึ้น ซึ่งธอส.มีเวลาปล่อยสินเชื่อโครงการนี้ไปจนถึงเดือนกันยายนนี้ ส่วนกรณีที่ธอส.เตรียมเข้าปรึกษากระทรวงการคลังในการปรับเกณฑ์ เงื่อนไขการปล่อยสินเชื่อใหม่ เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงสินเชื่อได้มากขึ้นนั้น ธอส.จะขอประเมินอีกครั้ง โดยขณะนี้จะเร่งทำการประชาสัมพันธ์ โครงการบ้านหลังแรกอีกครั้งโดยจะเริ่มจากงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 26 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 15-18 มีนาคม 55 ซึ่งคาดว่าภายในงานจะสามารถปล่อยสินเชื่อได้ประมาณ 3,000 ล้านบาท
นายวรวิทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ลูกค้าที่มาร่วมงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 26 และสนใจจะขอใช้บริการ "โครงการบ้าน ธอส. เพื่อที่อยู่อาศัยแห่งแรก" ในเบื้องต้นจะต้องแสดงหลักฐานการยื่นกู้ด้วยเอกสาร 5 อย่าง ได้แก่ สำเนาบัตรประชาชน/ข้าราชการ และทะเบียนสมรส (กรณีสมรสแล้ว) สำเนาทะเบียนบ้านทุกหน้า เอกสารรายได้ อาทิ สลิปเงินเดือน หนังสือรับรองเงินเดือน บัญชีเงินฝาก สำเนาการค้า หรือหลักฐานการเสียภาษี สำเนาสัญญาจะซื้อจะขาย หรือสำเนาใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร สำเนาโฉนด หรือสำเนาหนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุด (หรือภายใน 60 วัน นับจากยื่นเอกสารตามข้อ 1-4) และสามารถยื่นคำขอกู้ได้ที่ บูธของ ธอส. ภายในงาน ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่คอยให้บริการและให้คำปรึกษาอยู่ตลอดเวลา
**คลังดึงสรรพากรช่วยธอส.ดันยอดปล่อยกู้**
นายพงษ์ภานุ เศวตรุนทร์ รองปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า งานมหกรรมบ้านและคอนโดฯเป็นการร่วมมือของภาคเอกชนที่สามารถรวมโครงการอสังหาริมทรัพย์และสินค้าที่เกี่ยวข้องไว้ได้มากที่สุดของเมืองไทย โดยจัดตัดต่อกันมา 25 ครั้งแล้ว ซึ่งทุกครั้งได้รับความสนใจจากผู้บริโภคเป็นจำนวนมาก ทางกระทรวงการคลัง กรมสรรพากรและธนาคารอาคารสงเคราะห์ ได้มองเห็นถึงศักยภาพของงานดังกล่าว จึงได้นำ “โครงการบ้านหลังแรกเพื่อประชาชนโดยรัฐบาล” เข้าร่วมงานดังกล่าว โดยยังคงใช้หลักเกณฑ์และให้สิทธิประโยชน์เช่นเดิม ซึ่งหวังว่าโครงการบ้านหลังแรกและงานมหกรรมบ้านและคอนโด วึ่งจะจัดขึ้นที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติครั้งนี้จะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี
ด้านนายมานิต นิธิประทีป รองอธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า กรมสรรพากรจะเปิดบูธเพื่อให้คำปรึกษาแก่ประชาชนทั่วไปที่มีข้อสงสัย หรือต้องการปรึกษาเกี่ยวกับสิทธิทางภาษี สิทธิประโยชน์ต่างๆ เกี่ยวกับโครงการบ้านหลังแรก ภาษีอสังหาฯ หรือเรื่องอื่นๆ ภายในงานมหกรรมฯ เพื่อไขข้อสงสัยแก่ประชาชน
“กรณีโครงการบ้านหลังแรก หักลดหย่อนภาษี สูงสุด 5 แสนบาทนาน 5 ปี ขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินได้ว่ามียอดขอคืนภาษีได้มากน้อยเพียงใด เพราะกำหนดระยะเวลายื่นแบบและชำระภาษีถึงสิ้นเดือนมีนาคมนี้ ซึ่งจะมีประชาชนมาขอคืนภาษีเพียงบางส่วน เพราะสามารถทยอยขอคืนได้นานถึง 5 ปี ซึ่งโดยส่วนใหญ่ประชาชนมักจะมาขอคืนภาษีในช่วงใกล้หมดมาตรการ”
ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ ประธานจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 26 กล่าวว่า การที่กระทรวงการคลัง กรมสรรพากร และธนาคารอาคารสงเคราะห์ ได้นำโครงการบ้านหลังแรกฯ มาเข้าร่วมกับงานมหกรรมฯ ครั้งนี้ เป็นการตอกย้ำถึงศักยภาพของงานได้เป็นอย่างดี ทั้งยังเป็นการเพิ่มความพิเศษให้กับงานในครั้งนี้ และเชื่อว่าโครงการบ้านหลังแรกฯ จะช่วยเพิ่มจำนวนผู้มาร่วมงาน ตลอดทั้ง 4 วัน และมียอดการทำธุรกรรมเพิ่มขึ้น ยอดผู้ร่วมงานในครั้งนี้ คาดว่าจะมากกว่า 100,000 คน ตลอด 4 วัน และน่าจะมียอดขายที่อยู่อาศัยทุกประเภทรวมกันไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านบาท และยอดสินเชื่อมากกว่า 10,000 ล้านบาท โดยทั้ง 3 สมาคม ได้ทุ่มงบโฆษณาประชาสัมพันธ์มากกว่า 20 ล้านบาท เพื่อให้เข้าถึงลูกค้าเป้าหมายให้ได้มากที่สุด
