นางลิน ค็อก กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) จำกัด (มหาชน)(SCBT) กล่าวว่า การดำเนินธุรกิจของธนาคารในปีนี้จะยังคงตั้งเป้าหมายการเติบโตของรายได้เป็นตัวเลข 2 หลัก ต่อเนื่องจากปีก่อนที่มีรายได้ 1.1 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% และมีกำไรก่อนหักภาษี 4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% โดยการเติบโตจะมาทั้งจากธุรกิจบุคคลธนกิจและสถาบันธนกิจในสัดส่วนที่เท่าๆกัน เพื่อให้ธนาคารมีพอร์ตที่สมดุล และบริหารความเสี่ยงได้ดี
"ปีนี้จะเป็นปีที่ท้าท้ายที่สุดอีกปี จะเป็นปีแห่งการฟื้นฟู และพลิกฟื้นของเศรษฐกิจ ซึ่งก็เป็นช่องทางที่ธนาคารจะสามารถทำกำไรได้ แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องระมัดระวังปัจจัยเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลกที่มีความผันผวนด้วย"
นอกจากนี้ ธนาคารจะเน้นด้านการบริการและผลิตภัณฑ์ที่มีความแตกต่างและสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ตามแนวคิดที่ให้ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง โดยในส่วนของธุรกิจบุคคลธนกิจจะดำเนินงานภายใต้กลยุทธ์ "เซอร์วิส การันตี"เช่น การการันตีการอนุมัติสินเชื่อภายใน 48 ชั่วโมง และการการันตีการให้บริการในสาขาจะต้องไม่เกิน 8 นาที เป็นต้น พร้อมทั้งจะมีการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆแก่ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง
สำหรับลูกค้าชั้นดี (ไพรออริตี้แบงกิ้ง) จะมีการเปิดตัว "คลินิกจัดการความมั่งคั่ง" เพื่อให้ความรู้ในการบริหารจัดการทรัพย์สินกับลูกค้า และยังจะมีกิจกรรมเกี่ยวกับสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูลอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี หลังจากประสบความสำเร็จกับบัญชีเงินฝาก "เซฟวิ่ง ฟอร์ แฟน" พร้อมบัตรเอทีเอ็มและบัตรเดบิต ทำให้ได้ลูกค้าใหม่มากถึง 54%
ด้านมุมมองระยะยาวนั้น ธนาคารเชื่อว่าประเทศไทยจะได้ปรับประโยชน์ทางด้านการค้าขาย การลงทุน ภายหลังจากการเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC)ซึ่งจะมีผลในปี 2558 ซึ่งในส่วนของธนาคารเองก็มีความพร้อมในการรองรับการเปิดเสรีดังกล่าว โดยถือเป็นธนาคารที่มีเครือข่ายในอาเซียนถึง 9 ประเทศ จาก 10 ประเทศในอาเซียน ซึ่งธนาคารจะใช้ประโยชน์จากเครือข่ายข้ามพรมแดนนี้ รองการเข้ามาลงทุนในไทยของบริษัทต่างชาติ และการธุรกิจไทยจะไปลงทุนในต่างประเทศเช่นเดียวกัน
"ปีนี้จะเป็นปีที่ท้าท้ายที่สุดอีกปี จะเป็นปีแห่งการฟื้นฟู และพลิกฟื้นของเศรษฐกิจ ซึ่งก็เป็นช่องทางที่ธนาคารจะสามารถทำกำไรได้ แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องระมัดระวังปัจจัยเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลกที่มีความผันผวนด้วย"
นอกจากนี้ ธนาคารจะเน้นด้านการบริการและผลิตภัณฑ์ที่มีความแตกต่างและสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ตามแนวคิดที่ให้ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง โดยในส่วนของธุรกิจบุคคลธนกิจจะดำเนินงานภายใต้กลยุทธ์ "เซอร์วิส การันตี"เช่น การการันตีการอนุมัติสินเชื่อภายใน 48 ชั่วโมง และการการันตีการให้บริการในสาขาจะต้องไม่เกิน 8 นาที เป็นต้น พร้อมทั้งจะมีการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆแก่ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง
สำหรับลูกค้าชั้นดี (ไพรออริตี้แบงกิ้ง) จะมีการเปิดตัว "คลินิกจัดการความมั่งคั่ง" เพื่อให้ความรู้ในการบริหารจัดการทรัพย์สินกับลูกค้า และยังจะมีกิจกรรมเกี่ยวกับสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูลอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี หลังจากประสบความสำเร็จกับบัญชีเงินฝาก "เซฟวิ่ง ฟอร์ แฟน" พร้อมบัตรเอทีเอ็มและบัตรเดบิต ทำให้ได้ลูกค้าใหม่มากถึง 54%
ด้านมุมมองระยะยาวนั้น ธนาคารเชื่อว่าประเทศไทยจะได้ปรับประโยชน์ทางด้านการค้าขาย การลงทุน ภายหลังจากการเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC)ซึ่งจะมีผลในปี 2558 ซึ่งในส่วนของธนาคารเองก็มีความพร้อมในการรองรับการเปิดเสรีดังกล่าว โดยถือเป็นธนาคารที่มีเครือข่ายในอาเซียนถึง 9 ประเทศ จาก 10 ประเทศในอาเซียน ซึ่งธนาคารจะใช้ประโยชน์จากเครือข่ายข้ามพรมแดนนี้ รองการเข้ามาลงทุนในไทยของบริษัทต่างชาติ และการธุรกิจไทยจะไปลงทุนในต่างประเทศเช่นเดียวกัน
