ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-ในที่สุด “ช่อง 9 อสมท” หรือ “โมเดิร์นไนน์ทีวี” ในยุคที่มี “นายจักรพันธ์ ยมจินดา” นั่งรักษาการในเก้าอี้กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ก็สำแดงตัวตนที่แท้จริงให้สังคมได้เห็นกันอย่างแจ่มแจ้งแดงแจ๋อีกครั้งว่า กำลังมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ
ทั้งจากกรณีความพยายามในการปรับเปลี่ยนสัญลักษณ์หรือโลโก้ของช่องใหม่ที่ถูกสังคมตั้งคำถามอย่างหนัก
และทั้งจากกรณีที่ปล่อยให้คนเสื้อแดงสำแดงความกร่าง ยกโขยงบุกไปยื่นหนังสือประท้วง “นายกนก รัตน์วงศ์สกุล” ผู้ดำเนินรายการ “ข่าวข้นคนข่าว” เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2555 ที่ผ่านมา
ทั้ง 2 กรณีแสดงให้เห็นว่า ช่อง 9 อสมท ในยุคนี้ กำลังมีความพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะเป็น “ฟรีทีวี” เพื่อคนเสื้อแดง โดยคนเสื้อแดงและของคนเสื้อแดงอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด
**สรจักร-ธงทอง-จักรพันธุ์ กำเนิดใหม่ อสมท ยุคนายกฯ นกแก้ว
สำหรับการเปลี่ยนแปลงของบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) หรือ MCOT ในยุครัฐบาลพรรคเพื่อไทยเถลิงอำนาจปกครองประเทศนั้น ก่อตัวให้เห็นชัดเจนมาเป็นลำดับ เริ่มตั้งแต่การที่บอร์ด อสมท บอกเลิกสัญญาจ้างบริหาร “นายธนวัฒน์ วันสม” และแต่งตั้งนายสุระ เกนทะนะศิล รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ อสมท ปฏิบัติหน้าที่ในความรับผิดชอบในตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ อสมท เป็นการชั่วคราว จากนั้นก็เกิดความเคลื่อนไหวของสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ บมจ.อสมท ที่ออกจดหมายเปิดผนึกถึง ศ.ดร.สุรพล นิติไกรพจน์ อดีตอธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ให้ลาออกจากตำแหน่งประธานกรรมการ บมจ.อสมท ซึ่งในที่สุดอาจารย์สุรพลและบอร์ด อสมท อิสระอีก 5 คน ได้แก่ นางมัทนา วันธฤทธิ์ นายวิทยาธร ท่อแก้ว นายญาณศักดิ์ มโนมัยพิบูลย์ นายสุทัศน์ ก้องธรนินทร์ และนายธีรภัทร สงวนกชกร ก็ได้ตัดสินใจยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นบอร์ด อสมท เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2554 หลังจากการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น บมจ.อสมท และให้มีผลวันที่ 13 ธันวาคม 2554
ต่อมาวันที่ 27 ธันวาคม 2554 คณะกรรมการ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ได้ประชุมและมีมติแต่งตั้ง นายสรจักร เกษมสุวรรณ เป็นประธานกรรมการ พร้อมทั้งแต่งตั้ง นายจักรพันธุ์ ยมจินดา ดำรงตำแหน่งรองประธานกรรมการ คนที่ 2
ถัดมาอีกราว 1 เดือนคือวันที่ 24 มกราคม2555 คณะกรรมการ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ก็ได้มีมติสำคัญอีกครั้งด้วยการแต่งตั้ง ศ.พิเศษ ธงทอง จันทรางศุ เป็น รองประธานกรรมการ คนที่ 1 และแต่งตั้ง นายจักรพันธุ์ ยมจินดา รองประธานกรรมการ คนที่ 2 ปฏิบัติหน้าที่รักษาการในตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ และรักษาการรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายงานโทรทัศน์ แทน นายสุระ เกนทะนะศิล
เรียกว่า เป็นการปูทางให้ อสมท เป็นฟรีทีวีของคนเสื้อแดง โดยคนเสื้อแดงและเพื่อคนเสื้อแดงตามลำดับ เพราะแต่ละคนที่ถูกส่งเข้ามาใน อสมท ทั้งนายสรจักร อาจารย์ธงทองและนายจักรพันธุ์ ก็เป็นที่รับทราบกันโดยทั่วไปว่า คือคนเสื้อแดง
กล่าวสำหรับนายจักรพันธุ์นั้น นอกเหนือจากภาพความเป็นผู้ประกาศแล้ว เขายังมีธุรกิจในแวดวงสื่อสารมวลชนอีกด้วย โดยเป็นประธานบริหาร บริษัท แมกซิมา สตูดิโอ จำกัด เพื่อผลิตรายการข่าว สถานีสนามเป้า (ต่อมาเปลี่ยนชื่อและเวลาเป็น สนามเป้า..เล่าข่าว และ สนามเป้า..ข่าวเที่ยง ตามลำดับ) ออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 ซึ่งจักรพันธุ์เป็นพิธีกรข่าวด้วยตนเอง โดยมีผลงานที่สำคัญคือ การสัมภาษณ์เดี่ยว (Exclusive) นช.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ที่ทำเนียบรัฐบาล ก่อนจะเดินทางไปปฏิบัติภารกิจในต่างประเทศ และถูกรัฐประหารโดย คปค. เมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549
จากนั้นในช่วงปลายปี พ.ศ. 2554 ในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายจักรพันธุ์เข้าเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้ดำเนินรายการข่าว รายการ แว่นขยาย BY จักรพันธุ์ และ ในช่วงวิกฤตมหาอุทกภัย ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ต่อมาเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม ปีเดียวกัน นายจักรพันธุ์ลาออกจากตำแหน่งประธานบริหาร บจก.แมกซิมา สตูดิโอ เพื่อเป็นกรรมการฝ่ายสื่อสารมวลชนและพัฒนาองค์กร ของบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) และจากนั้นในราวต้นปี พ.ศ. 2555 ก็เลื่อนชั้นขึ้นเป็น รองประธานกรรมการคนที่สอง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานโทรทัศน์ และรักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.อสมท ในปัจจุบัน
ทั้งนี้ อสมทในยุคนายจักรพันธุ์ยังเกิดเหตุที่หลายคนหวั่นวิตกว่า อสมทจะกลับไปเป็นแดนสนธยาเหมือนเช่นที่เคยเป็นมาในอดีต นั่นก็ที่กรณีนายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ที่ไปออกรายการเช้าดูวู๊ดดี้
นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเงา ออกมาเปิดเผยข้อมูลในประเด็นดังกล่าวว่า.....
“รายการเช้าดูวู๊ดดี้ออกอากาศช่วงเช้าวันจันทร์ถึงศุกร์ เวลา 08.00 น. ได้เชิญนายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ที่ดำเนินรายการสายล่อฟ้ามาออกรายการ หลังจากนั้นก็ถูกผู้บริหาร อสมท เรียกเข้าไปพบเร่งด่วน แสดงว่าการบริหารของบอร์ดชุดนี้ ไม่มีความเป็นกลางตามที่ประกาศไว้ ดังนั้น นายนิวัฒน์ธำรง(บุญทรงไพศาล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี) ต้องมาดูแลอย่าให้ อสมท กลับไปเป็นแดนสนธยาอีกต่อไป”นายเทพไทให้ข้อมูล
**เปลี่ยนโลโก้ใหม่ เอาใจคนเสื้อแดง
กระนั้นก็ดี สิ่งที่ทำให้ อสมท ใน “ยุคสรจักร ธงทอง จักรพันธุ์” ถูกจับตามองอย่างหวาดระแวงเป็นกรณีพิเศษ เห็ฯจะหนีไม่พ้นแนวคิดในการเปลี่ยนโลโก้ อสมท ของนายจักรพันธุ์ โดยจะเปลี่ยนรูปลักษณ์จาก “เลข 9 สีม่วง บนลูกโลกสีเทา” ซึ่งให้ความรู้เหมือนดวงตาที่กำลังสอดส่องไปทั่วโลก มาเป็น “ตัวเลข 9 สีขาว บนพื้นวงกลมสีแดง และมีจุดตรงกลางสีฟ้า” ซึ่งหลายคนมองว่าลักษณะคล้ายเป้ายิง
ทั้งนี้ การปรับเปลี่ยนโลโก้แบบไม่มีปี่มีขลุ่ยของรักษาการผู้อำนวยการใหญ่ชื่อนายจักรพันธุ์ได้ก่อให้เกิดกระแสวิจารณ์อย่างหนัก ทั้งจากพนักงานภายในองค์กรและกระแสสังคม ที่เห็นตรงกันว่าโลโก้เดิมนั้นดูดี ทันสมัย และสื่อความหมายที่ดีอยู่แล้ว จึงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะปรับเปลี่ยน อีกทั้งโลโก้ใหม่ก็ยังแย่กว่าเก่า ไม่ว่าจะเป็นหน้าตาสีสันที่สุดแสนจะเชย ไม่มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น ดูแล้วไม่สื่อความหมายและให้ความรู้สึกกระฉับกระเฉงเหมือนโลโก้เดิม
นอกจากนั้นยังถูกวิพากษ์วิจารณ์สับเละในอีกหลายประเด็น ไม่ว่าจะเป็นมุมมองในเชิงสัญลักษณ์ ที่ถูกตีความว่า “เส้นรอบวงสีแดงล้อมเลข 9 และจุดศูนย์กลางสีฟ้า” เป็นการแสดงความหมายในเชิงสัญลักษณ์ของพรรคเพื่อไทย และกลุ่มเสื้อแดงที่ส่งผ่านนายจักรพันธุ์ ผู้ปวารณาตัวอย่างชัดแจ้งว่าเขาคือหนึ่งในเสื้อแดงที่ยืนอยู่ข้าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โดยเฉพาะสีแดงที่ล้อมรอบเลข 9 ที่มีความหมายในเชิงสัญลักษณ์เกี่ยวพันกับสถาบัน
ขณะที่ผู้คนในแวดวงสื่อมองว่าเป็นการใช้สัญลักษณ์ในการ “ยึดสื่อ” โดยการเปลี่ยนโลโก้และสีของสถานีโทรทัศน์ที่เป็นของคนไทยทั้งประเทศ ภายใต้คำว่า 'องค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย(อสมท) และภายใต้สถานะความเป็น 'รัฐวิสาหกิจ' ให้กลายเป็นสื่อสีแดงเฉกเช่นเดียวกับที่เคยทำกับ “สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยช่อง 11” ที่ถูกเปลี่ยนเป็น “NBT” ซึ่งใช้โลโก้สีแดง-ขาว ในสมัยรัฐบาลสมัคร สุนทรเวช พร้อมทั้งแนวทางการนำเสนอข่าวที่ต้องเชลียร์รัฐบาลแบบสุดลิ่มทิ่มประตู ขณะที่ทีมงานก็ถูกปรับเปลี่ยนโดยนำเหล่าแกนนำเสื้อแดงเข้ามาจัดรายการและทำมาหากินอย่างเต็มตัว
ทั้งนี้ นายจักรพันธุ์ ได้ชี้แจงในประเด็นดังกล่าวว่า “ สีแดงที่เลือกมาใช้เป็นฉากนั้นมองว่าเป็นสีที่มีสีสัน เพราะในธงชาติไทยก็มีสีแดงร่วมอยู่ หรือสำนักข่าวต่างประเทศดังๆอย่าง BBC CNN AFP หรือแม้แต่สื่อของไทยอย่างเช่น โพสต์ทูเดย์ มติชน ข่าวสด ฯลฯ หรือ แม้แต่ทีมฟุบอลจากอังกฤษ เช่น แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ลิเวอร์พูล ก็ใช้สีแดงมาเป็นสัญลักษณ์ทั้งนั้น สีแดงเป็นสีที่สดใส โดดเด่น เมื่อมาร่วมอยู่ในฉากต่างๆ หรือโลโก้ต่างๆก็จะทำให้ดูโดดเด่นขึ้น ขนาตตอนนี้ ทางสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 ก็ยังเปลี่ยนโลโก้ เปลี่ยนฉากได้ ไม่เข้าใจว่า ทำไมช่อง 9 จะเปลี่ยนบ้างไม่ได้ ไม่รู้ใครกลัวสีแดง กลัวทำไม เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับการเมืองเลยแม้แต่น้อย”
แม้ว่านายจักรพันธุ์จะออกมายืนยันว่าแนวคิดในการเปลี่ยนโลโก้ครั้งนี้ไม่มีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ดูเหมือนกระแสสังคมจะไม่เชื่อคำพูดของนายจักรพันธุ์เท่าใดนัก
อย่างไรก็ดี ภายหลังจากที่มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 9 ก็ได้ออกมาอธิบายถึงคอนเซ็ปต์ของโลโก้ใหม่ที่จักรพันธุ์นำมาเสนออย่างละเอียดยิบว่า 1) เส้นสีแดงที่วิ่งรอบจุดศูนย์กลาง แสดงถึงเนื้อหาที่ครอบคลุมทั่วโลก การเดินทางที่รวดเร็วภายใต้เทคโนโลยีอินเตอร์เน็ต 2) จุดศูนย์กลางสีฟ้า แสดงความหมายของโลก และเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดบนโลกนี้ 3) เลข 9 สีขาวที่อยู่ระหว่างเส้นรอบวงสีแดงและจุดศูนย์กลางสีฟ้า เป็นสัญลักษณ์ของการนำเสนอเนื้อหาที่มองในมุมที่แตกต่าง 4) ช่องที่เจาะทะลุส่วนปลายของเลข 9 สื่อถึงการเปิดผ่านผิวนอกเข้าสู่แก่นแท้ เข้าใจเหตุการณ์และวิเคราะห์ถึงประเด็นหลักที่แท้จริง ทั้งนี้สีของจุดศูนย์กลางสามารถเปลี่ยนเป็นสีต่างๆ ตามประเด็นข่าวที่นำเสนอ
นอกจากนั้น ประเด็นสำคัญที่มีการตั้งข้อสังเกตกันมากก็คือ การเปลี่ยนโลโก้ครั้งนี้เป็นการตัดสินใจเปลี่ยนแบบกะทันหัน ไม่มีที่มาที่ไป ไม่มีวาระโอกาสใดๆ และไม่มีความจำเป็น ซึ่งบางคนมองว่าอาจจะเป็นความพยายามสร้างผลงานเพื่อให้เข้าตา “นายใหญ่ แห่งดูไบ” ของนายจักรพันธุ์ ซึ่งหลังจากเข้ามารับตำแหน่งรักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ตั้งแต่วันที่ 25 ม.ค.2555 ที่ผ่านมา นายจักรพันธุ์ก็ยังไม่มีผลงานอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน
เกี่ยวกับเรื่องนี้นายจักรพันธ์อ้างว่าต้องการปรับโลโก้เพื่อให้สอดรับกับการโฉมใหม่ของช่อง 9 เนื่องจากในวันที่ 25 เมษายน 2555 นี้ ซึ่งถือเป็นวันจัดงาน 60 ปี ไทยโทรทัศน์ 35 ปี อสมท เขาจึงมีแนวคิดที่จะปรับโฉมข่าวของสำนักข่าวไทย โดยการนำเทคโนโลยีมาใช้ให้มากขึ้น และตั้งเป้าหมายว่า สำนักข่าวไทยจะมีสถานะเทียบเท่าสำนักข่าวระดับโลก เช่นเดียวกับ บีบีซี ซีเอ็นเอ็น
ขณะเดียวกันก็มีเสียงเมาท์กันให้แซ่ดเว่าความพยายามในการเปลี่ยนโลโก้ช่อง 9 ใหม่ครั้งนี้มีเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยมีข่าวออกมาจากวงในว่าผู้ที่ออกแบบโลโก้ช่อง 9 ใหม่ หาใช่ใครอื่น หากแต่เป็น 'ลูกสาว' สุดที่รักของนายจักรพันธุ์ ซึ่งเพิ่งจบปริญญาโทจากลอนดอน โดยได้รับค่าจ้างในราคาสูงลิ่ว นอกจากนั้นยังมีการจับตาเรื่องงบประมาณ 600 ล้านบาทที่จะใช้ในการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างรูปแบบรายการหมดของ อสมท ด้วย
อีกประเด็นที่ตามมาติดๆคือข้อสังเกตเรื่องการ 'ลอกโลโก้' จากสถานีโทรทัศน์ต่างประเทศ และโลโก้สินค้ายี่ห้อหนึ่ง เนื่องจากโลโก้ใหม่ของช่อง 9 ที่นายจักรพันธุ์เสนอนั้นปรากฏว่าบังเอิญไปละม้ายคล้ายคลึงกับ โลโก้ของ 'สถานีโทรทัศน์ RKO Television' ซึ่งเป็นสถานีโทรทัศน์เก่าแก่ของนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา และเหมือนกับนำเอาโลโก้ของหูฟังยี่ห้อ 'Monster Beats By Dr.Dre' ซึ่งเป็นสินค้ายอดฮิตของวัยรุ่น มากลับหัว ซึ่งแสดงถึงการทำงานแบบสุกเอาเผากิน ไม่คุ้มกับค่าจ้างราคาสูงลิบลิ่วที่ช่อง 9 ต้องจ่ายไป
ทว่า นายจักรพันธุ์ได้ออกมาปฏิเสธว่า “ผมให้ลูกสาวมาช่วยงานเป็นการส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับใครทั้งสิ้น และไม่ได้รับเงินของ อสมท แม้แต่บาทเดียว ซึ่งลูกสาวของผมเป็นเด็กรุ่นใหม่ ไฟแรงที่จบปริญญาโท ด้านสื่อสารมวลชนมาจากลอนดอน มีความรู้ ความสามารถ และเข้าใจด้านการทำงานสื่อสารมวลชนเป็นอย่างดี เพราะฉะนั้น ได้โปรดสงสารเด็กที่บริสุทธิ์ ไม่รู้เรื่องอย่าลากเข้ามาเกี่ยวข้องถ้าจะโจมตีก็ให้โจมตีที่ตนฝ่ายเดียวพอ เพราะผ่านร้อนผ่านหนาวมามากแล้ว ลูกสาวไม่เกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น”
ส่วนประเด็นที่โลโก้ใหม่ไปเหมือนกับสินค้าอื่นนั้น นายจักรพันธุ์กล่าวว่า “ รู้สึกดีใจที่โลโก้ช่อง 9 อันที่ออกแบบไปเหมือนกับแบรนด์อื่นๆ ของต่างประเทศ แต่ขอยืนยันว่า ไม่รู้มาก่อน บังเอิญไปเหมือนกับใครบ้าง เพราะ บมจ. อสมท ได้ว่าจ้างให้บริษัท ภายนอกเป็นผู้ออกแบบโลโก้ให้ ซึ่งเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงและมีความเป็นมืออาชีพ แต่ไม่ขอเปิดเผยชื่อบริษัท โดยก่อนหน้านี้ มีการนำเสนอมาให้เลือก 5-6 แบบ และผู้ที่คัดเลือกก็เป็นคณะกรรมการบอร์ดชุดเล็กๆ ที่เห็นพ้องตรงกันว่า ชอบแบบที่นำเสนอออกมาต่อสาธารณชนมากที่สุด”
แต่ทั้งนี้คำตอบของนายจักรพันธุ์ก็ไม่ได้สร้างความกระจ่างแต่อย่างใด เพราะนอกจากนายจักรพันธุ์จะไม่ได้ยืนยันว่าลูกสาวไม่ใช่คนออกแบบแล้ว ยังไม่มีการเปิดเผยชื่อบริษัทผู้ออกแบบ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ผิดปกติ เพราะการว่าจ้างออกแบบโลโก้นั้นไม่ใช่ประเด็นที่เป็นความลับ ทำไมจึงต้องปกปิด อีกทั้งยังไม่มีการเปิดเผยเรื่องอัตราค่าจ้างในการออกแบบว่าเป็นวงเงินเท่าไร สูงเกินไปอย่างที่ถูกกล่าวหาหรือไม่ ?
อย่างไรก็ดี เป็นที่ทราบกันว่าท้ายที่สุดแล้วแนวคิดในการเปลี่ยนโลโก้ใหม่ของช่อง 9 ก็ต้องมีอันล้มพับ เก็บเข้ากระเป๋า เพราะไม่สามารถต้านทานเสียงคัดค้านจากหลายฝ่ายได้ โดยเฉพาะแรงต้านจากพนักงาน อสมท ซึ่งถึงขึ้นที่ “แกนนำสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ บมจ.อสมท ต้องขอเข้าพบนายจักรพันธุ์ เพื่อพูดคุยถึงเรื่องนี้ แม้จะไม่มีรายงานที่ชัดเจนว่าทางสหภาพให้เหตุผลใดนายจักรพันธุ์จึงจำต้องยกเลิกแนวคิดดังกล่าว แต่ที่แน่ๆ หลังการหารือรักษาการ ผ.อ. อสมท ก็ต้องใส่เกียร์ถอย ประกาศยกเลิกโลโก้ใหม่ในทันที
ทั้งนี้ การเคลื่อนไหวแสดงความไม่พอใจของพนักงาน อสมท ต่อการเปลี่ยนแปลงองค์กรตามนโยบายของรักษาการ ผ.อ.คนใหม่ในครั้งนี้ ทำให้นายจักพันธุ์ต้องเขียนคำชี้แจง รวมถึงประกาศผ่านเสียงตามสาย และผ่านทางอินเทอร์เน็ต ถึงการเปลี่ยนแปลงโลโก้ ช่วงรายการข่าวและรายการโทรทัศน์ของสถานี สื่อสารต่อพนักงาน อสมท ทั่วประเทศ เพื่อให้มีความเข้าใจถึงแนวคิดดังกล่าว
จากกระแสต้านที่ค่อนข้างรุนแรง ทำให้นายจักรพันธุ์ ถึงกับออกตัวว่า “ ความจริงเรื่องนี้ ยังไม่ได้มีมติออกมาว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงโลโก้ ช่อง 9 ใหม่ทันที เพราะต้องฟังประชาพิจารณ์จากพนักงาน อสมท ทุกคนก่อน และจากการประชุมร่วมกับสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ บมจ.อสมท ผมก็ได้ชี้แจงการทำงานของตัวเองตลอดช่วงเดือนที่ผ่านมา และทางสหภาพฯ ก็เห็นว่า ตั้งแต่ผมเข้ามาดูแล อสมท มีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น”
**ไฟเขียวเสื้อแดง บุกไล่ 'กนก รัตน์วงศ์สกุล'
อีกปรากฎการณ์หนึ่งซึ่งไม่ธรรมดาหลังจากการเข้ามาบริหารงานของ ผ.อ.สายแดง ที่ชื่อ 'จักรพันธุ์ ยมจินดา' ก็คือการที่อยู่ๆเจ้าหน้าที่ และ รปภ.ของ อสมท ก็ปล่อยให้กลุ่มคนเสื้อแดง 20 คน ซึ่งนำโดย “นาย. จ.เจตน์” หรือ “นายจิรปาณ ศรีเนียน” ผู้ดำเนินรายการรายการโซเชียลก็อสซิป ทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอเชียอัพเดท บุกเข้าไปถึงสำนักงานใหญ่ของ อสมท กลางดึก เพื่อเข้าพบและยื่นหนังสือประท้วง 'กนก รัตน์วงศ์สกุล' พิธีกรข่าวประจำรายการ “ข่าวข้น คนข่าว” และ 'เช้าข่าวข้น คนข่าวเช้า' ของสถานีโมเดิร์นไนท์ ทีวี ซึ่งเป็นรายการที่ถูกหมายหัวนับตั้งแต่วันแรกที่นายจักรพันธุ์เข้ามานั่งในเก้าอี้รักษาการ ผ.อ.ช่อง 9 โดย นาย จ.เจตน์ กล่าวหาว่านายกนกไม่มีความเป็นกลางในการนำเสนอข่าว และเป็นต้นตอของความขัดแย้ง พร้อมทั้งไล่ให้นายกนกไปจัดรายการที่อื่น เนื่องจากท่าทีของนายกนกนั้นเท่ากับเป็นการประกาศชัดว่าไม่เอาพรรคเพื่อไทย
เดชะบุญที่คนเสื้อแดงไม่กล่าวหาอย่างโต้งๆ ว่า นายกนกฝักใฝ่พรรคประชาธิปัตย์
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบข้อมูลเป็นที่ชัดเจนว่า นาย จ.เจตน์หรือนายจิรปาณนั้น คือคนเสื้อแดง ทั้งจากหลักฐานที่เขาเป็นผู้ดำเนินรายการโซเชียลก็อสซิป ทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอเชียอัพเดท ซึ่งเป็นกระบอกเสียงของกลุ่มคนเสื้อแดง รวมทั้งจากการที่เขาประกาศยอมรับอย่างหน้าชื่นตาบานผ่านทีวีมติชนว่า “เขาคือคนเสื้อแดง”
ส่วนหัวโจกคนสำคัญอีกรายหนึ่งมีชื่อว่า นายนพพร หรือเต้ นามเชียงใต้ เจ้าของนามแฝง มดแดง หรือมดชมพู ในเว็บไซต์พันทิปดอตคอม ซึ่งที่ผ่านมานายนพพรเคยเคลื่อนไหวนับตั้งแต่เวทีคนรักทักษิณที่สวนจตุจักร เมื่อปี 2549 กระทั่ง นปช.ในปัจจุบัน ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้นายนพพรเป็นแกนนำโดยใช้ชื่อในนาม “กลุ่มสมัชชาประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทย” ยื่นแถลงการณ์ต่อนายสมเกียรติ เจริญภิญโญยิ่ง ผู้จัดการฝ่ายข่าวสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบก ช่อง 7 เพื่อเรียกร้องให้ น.ส.สมจิตต์ นวเครือสุนทร ผู้สื่อข่าวสายการเมือง สถานีโทรทัศน์ ช่อง 7 พิจารณาตัวเอง หลังจากเกิดกรณีที่ น.ส.สมจิตต์ แจ้งความถูก นปช. จ.เพชรบุรี โทรศัพท์ข่มขู่ในการทำหน้าที่สื่อมวลชน กล่าวหาว่ามีอคติในการสัมภาษณ์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
นอกจากนั้นบรรดาเสื้อแดงยังมีท่าทีข่มขู่คุกคามนายกนกอย่าางชัดเจนด้วย ดังปรากฏข้อความในเว็บไซต์ของคนเสื้อแดงในหลายบทความด้วยกัน
“วันนี้ความเห็นต่างทางการเมืองมันลุกลามบานปลาย จนถึงขั้นอาจารย์วรเจตน์(ภาคีรัตน์ แกนนำกลุ่มนิติราษฎร์) ถูกทำร้าย ทำไมพวกผมถึงโผล่มาที่นายกนกก่อน เพราะทุกคนรู้สึกว่า 4-5 ปีที่ผ่านมา นายกนกทำหน้าที่ผ่านสื่อ แล้วรู้สึกว่านายกนกคือปัญหา เป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นพร้อมๆ กัน และกังวลว่าไม่แน่นายกนกอาจจะเป็นเหยื่อเหมือนอาจารย์วรเจตน์ก็ได้ นายกนกยอมรับหรือไม่ว่าการทำหน้าที่ทั้งก่อนเลือกตั้งและหลังเลือกตั้ง หลังเลือกตั้งอีกอารมณ์หนึ่ง แต่ก่อนเลือกตั้งนายกนกได้สะสมความรู้สึกคนหน้าจอ ผ่านสื่อหลัก ไม่อย่างนั้นพวกผมจะมาหาทำไมดึกๆ ดื่นๆ ง่ายๆ เอาความรู้สึกมาคุย พวกผมรู้สึกว่านายกนกเป็นไอดอลแรกของปัญหาความขัดแย้ง ลักษณะการพูดทำให้คนรู้สึกได้ อย่างนายกนกน่าก็จะไปเป็นนักการเมือง หรือไปเป็นสื่อเลือกข้างโดยตรงเลยดีกว่าหรือไม่ เพราะการมาใช้ช่องทางที่เรียกว่าสำนักข่าวไทย อสมท มันเป็นสื่อที่ทุกคนต้องได้ดู เขาไม่ควรต้องมานั่งดูคนจัดรายการที่มีทัศนคติโน้มเอียง เพราะมันชัดเจนอยู่แล้ว เพราะนายกนกประกาศชัดเจนว่าไม่เอาพรรคเพื่อไทย นายกนกนั่งในสื่อหลัก เราต้องนั่งดูคนที่เห็นต่างจากเรา ทำไมเราไม่นั่งดูคนที่เป็นกลางๆ หรือรายงานข่าวแบบใครทำอะไร ที่ไหน อย่างไรพอ”
คนเสื้อแดงกำลังข่มขู่นายกนกใช่หรือไม่ว่า ถ้านายกนกยังพูดไม่เข้าหูคนเสื้อแดง อาจจะต้องเผชิญเหตุการณ์เหมือนที่เคยกับอาจารย์วรเจตน์ก็เป็นได้ ทั้งนี้ เนื่องจากผู้ที่ไปร่วมยื่นหนังสือประท้วงในครั้งนี้ได้เผยแพร่ทางเฟซบุ๊กส่วนตัว อุลตร้าแดง สมุนนิติราษฎร์ ระบุ ว่า “ไปยื่นหนังสือประท้วงนายกนกวันนี้ พูดกันตรงๆ เลยนะครับว่าแค่เสมอตัว เพราะว่านายกนกตอบโต้ทุกประเด็นที่ทางเราถามไปแบบศรีธนญชัย ประมาณว่าที่ไหนยังไงเมื่อไร ทั้งๆที่ผมบอกไปว่าผมถามถึงภาพรวม มันก็แถไถไปเรื่อย แต่ไม่เป็นไรคราวหน้าจะไม่ให้มันโต้ได้ง่ายๆ แบบคราวนี้อีกล่ะ”
ทั้งนี้ แม้จะมีการแก้ตัวในภายหลังว่า บรรยากาศเป็นไปด้วยดี ไม่ได้มีการข่มขู่ แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะให้สังคมเชื่อได้ ยิ่งเมื่อข้อความที่นายกนกโพสต์ผ่านเฟซบุ๊ค Kanok Ratwongsakul Fan Page ก็ยิ่งเห็นข้อเท็จจริงที่ชัดเจนขึ้น
“ขอบคุณทุกคนทุกกำลังใจนะครับ ผมค่อยๆอ่านทุกความเห็นทางข้อความด้วย ไม่รู้จะตอบยังไงดี ขอโทษที่ยังไม่ได้กด Like เพราะช่วงนี้ผมเร่งปิดต้นฉบับพ็อกเก๊ตบุ๊ค 2 เล่ม ต้องให้เสร็จภายในสัปดาห์นี้ จะได้ทันงานหนังสือปลายเดือน จึงดูห่างๆไปจาก fb. พอดีเกิดเรื่องแขกผู้มาเยือน หลายท่านจึงคิดว่า ผมคงมีปัญหาหนัก ! ความจริงคืนนั้นภาพรวมคุยกันรู้เรื่องนะครับ ผมยังเอาอยู่ แต่ก็ไม่อยากเอาบ่อย กลัวจะเอาไม่ไหวสักวัน!”
ประเด็นที่หลายฝ่ายเคลือบแคลงใจก็คือ เหตุใดผู้ใหญ่ใน อสมท จึงปล่อยให้มีคนนอกเข้ามาคุกคามพิธีกรข่าวถึงในสำนักงานใหญ่ โดยไม่การห้ามปราม หรือดำเนินการอะไรเลย เสื้อแดงที่มีจำนวนถึง 20 คนเข้าไปในสถานีโทรทัศน์ยักษ์ใหญ่ของไทย ซึ่งต้องมีระบบรักษาความปลอดภัยที่แน่นหนา ได้อย่างไร โดยที่ไม่ถูกขัดขวางจากเจ้าหน้าที่ รปภ. ถ้าไม่มี “ไฟเขียว” จากใครบางคน ? หลังจากเกิดเรื่องทางช่อง 9 ก็ไม่ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่ได้ร้องเรียนเรื่องการคุกคามสื่อ
ทั้งนี้ โดยส่วนตัวนายกนกนั้นก็เป็นหนึ่งในสื่อซึ่งเสื้อแดงหมายหัว ไม่ต่างจากกรณีของ 'สมจิตต์ นวเครือสุนทร' ผู้สื่อข่าวประจำสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 7 แต่ต่างกันที่ในกรณีของสมจิตต์นั้นทางช่อง 7 ออกมาปกป้องอย่างชัดเจน ขณะที่กรณีของนายกนกนั้นถูกมองว่าเป็นการส่งสัญญาณจากผู้บริหารสายแดงให้กลุ่มคนเสื้อแดงเข้าไปข่มขู่คุกคาม เพื่อเขย่าขวัญ และปรามไม่ให้มีการเสนอข่าวในลักษณะที่กระทบต่อภาพลักษณ์รัฐบาล
แต่สิ่งที่น่าหัวร่อหัวใคร่ก็คือ ท่าทีของนายจักรพันธุ์ที่พยายามสอบถามถึงเหตุการณ์กลุ่มคนเสื้อแดงเข้าพบนายกนก เพราะสะท้อนให้เห็นชัดเจนว่า นายจักรพันธุ์กำลังแก้ตัวและกำลังปกป้องคนเสื้อแดงอย่างน่ารังเกียจ ทั้งๆ ที่สังคมรับรู้กันชัดแจ้งแล้วว่า เป็นคนเสื้อแดง
“รู้ได้อย่างไรว่า กลุ่มคนเหล่านั้น เป็นแนวร่วมเสื้อแดง มีการแสดงตัวหรือ ขณะเดียวกันผมก็ได้ดูคลิปการพบปะของกลุ่มคนดังกล่าวกับนายกนกแล้ว ก็เห็นว่าคนที่ไปนั่งเจรจาใส่เสื้อผ้าสีเทาๆ และทราบว่า กลุ่มคนที่เข้ามาขอพบนายกนกนัดหมายล่วงหน้ามากับทางเจ้าหน้าที่ อสมท แล้ว อีกทั้งการเข้ามาพุดคุยกับเจ้าตัว เป็นไปด้วยเจตนาที่ดี ท่าทีแสดงออกก็เป็นไปอย่างสุภาพเรียบร้อย และดูเป็นห่วงเป็นใยนายกนก”นายจักรพันธุ์แถไถไปอย่างน้ำขุ่นๆ แถมยังใช้น้ำเสียงเชิงประชดประชันกับผู้สื่อข่าวที่สอบถามข้อมูลกลับไปว่า “ทาง อสมท กำชับให้ดูแลความปลอดภัยให้กับนายกนกเป็นอย่างดีแล้ว เปรียบเสมือนไข่ในหินเลยทีเดียว”
เหตุการณ์นี้ทำให้หลายคนมองว่านี่อาจเป็น “กลยุทธ์” หนึ่งที่ผู้บริหารสายแดง จะใช้เป็นข้ออ้างในการบีบนายกนก เป็นข้ออ้างในการสั่งถอดรายการ “ข่าวข้น คนข่าว” และ “เช้าข่าวข้น คนข่าวเช้า” ซึ่งเป็นรายการที่ไม่ได้เชลียร์รัฐบาลเหมือนกับรายการวิเคราะห์ข่าวของสถานีโทรทัศน์อื่นๆ หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่ามีความพยายามถอดรายการดังกล่าวออกจากผัง แต่ยังไม่สามารถทำได้เนื่องจากถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากผู้ชมและกระแสสังคม นอกจากนั้นทั้งสองรายการยังเกิดจากความร่วมมือระหว่างบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) และบริษัทเนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีสัญญาร่วมกันชัดเจน
ทั้งนี้ แม้นายจักรพันธุ์จะออกมายืนยันว่าไม่มีความคิดจะปรับรายการข่าวข้นฯ และรายการเช้าข่าวข้นฯ ออกจากผัง โดยรายการดังกล่าวจะอยู่ในผังไปจนถึงกลางปีนี้ตามแผนเดิมที่วางไว้ แต่ก็มีการเปิดช่องเปิดทางเพื่อการณ์นี้เอาไว้พอสมควร โดยข้อความในหลายบรรทัดสะท้อนความรู้สึกส่วนตัวของนายจักรพันธ์ที่มีต่อนายกนกออกมาจนไม่อาจปิดบังสิ่งที่ซุกซ่อนอยู่ในใจได้
“รายการของนายกนกจะดำเนินการจะแสดงความคิดเห็นอะไร ต่อใคร อย่างไร ก็เป็นเรื่องของนายกนกทางสถานีไม่ได้ปิดกั้น แต่ต้องอยู่ภายใต้กฎระเบียบข้อกำหนดที่บริษัทเนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ตกลงกับ ทาง อสมท ไว้ ถ้าเนื้อหารายการกล่าวหาใคร ต้องให้บุคคลนั้นๆมีสิทธิชี้แจงด้วย ที่ผ่านมามีผู้ชมทางบ้านสะท้อนมาว่า การจัดรายการของนายกนก มีปัญหาด้วยวิธีการนำเสนอ อาจสร้างความไม่พอใจให้กับคนบางกลุ่มไม่ว่าจะเป็นคำพูดสีหน้า ท่าทาง การแสดงออก อาจนำไปสู่ความเกลียดชังได้”
ขณะเดียวกันก็พูดเปิดช่องถึงอนาคตของนายกนกและเนชั่นใน อสมท เอาไว้อย่างมีนัยสำคัญด้วยว่า “เขามีเสรีภาพเต็มที่ในการจัดรายการ แต่ต้องอยู่ภายใต้กฎระเบียบเงื่อนไข จากนี้รายการจะอยู่หรือไม่อยู่ก็ขึ้นอยู่กับเรตติ้ง แต่ต้องยอมรับว่า ตอนนี้เรตติ้งรายการช่วงเช้าที่คุณกนกจัดอยู่นั้นไม่ค่อยดี สู้รายการข่าวข้นคนข่าวที่จัดอยู่ช่วงกลางคืนซึ่งเป็นเวลาไพร์มไทม์ ไม่ได้ แต่ยังสู้กับรายการของช่องอื่นๆในช่วงเวลาเดียวกันไม่ได้ และในช่วงปลายเดือนเมษายน ที่เรากำลังจะปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ รวมทั้งประเมินวัดเรตติ้งของรายการทีวี ว่ารายการใครจะได้อยู่ต่อหรือไม่ ใครเรตติ้งไม่ดีต้องถูกปรับออกไป เราไม่ได้รังแกใคร ขณะเดียวกัน ถ้ารายการของคุณกนกเรตติ้งตก เราก็ไม่เอาไว้แน่ นอกจากนี้ จึงอยากฝากไปทางบริษัทเนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น ที่ผลิตรายการทั้งสองรายการ ของคุณกนกให้ช่วยดูแล ควบคุมลักษณะการจัดรายการของคุณกนกด้วย เพราะเวลานี้สร้างความไม่พอใจ จนนำไปสู่ความเเกลียดชังจากบุคคลบางกลุ่มอยู่อย่างมาก " รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ อสมท เผยด้วยน้ำเสียงจริงจัง
นอกจากนั้น ก่อนหน้านี้ยังมีข่าวกระเส็นกระสายออกมาว่าฝ่ายการตลาดของ อสมท ไม่พยายามที่จะขายโฆษณาให้รายการข่าวข้นฯ เพื่อให้เรตติ้งลดลง ซึ่งจะใช้เป็นข้ออ้างสำคัญในการถอดรายการดังกล่าวออกจากผังอีกด้วย
“ ผมทราบข่าวจากวงการโฆษณาแจ้งมาว่า ฝ่ายการตลาดของ อสมท ไม่พยายามที่จะขายโฆษณาในช่วงเวลาที่รายการข่าวข้นคนข่าวออกอากาศ ซึ่งเท่ากับเป็นการบีบทางอ้อมให้มีเรตติ้งน้อยลง เมื่อถึงเวลาปรับผังรายการใหม่ในช่วงเดือน ก.ค.ก็บีบออก ซึ่งอาจจะไม่สอดคล้องกับทีนายจักรพันธุ์พูด ที่จะใช้ฝีมือในการบริหาร อสมท ผมหวังว่าจะไม่เป็นอย่างข่าวที่ออกมาที่จะใช้เกมสกปรกหรือเกมใต้ดินในการปลดรายการหนึ่ง หรือเพราะต้องการเอารายการของญาติตัวเองมาแทนหรือไม่” นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ตั้งข้อสังเกต
นี่คือสิ่งที่ต้องจับตามองนับจากนี้เป็นต้นไปว่า จะเกิดอะไรขึ้นกับ อสมท ใน “ยุคสรจักร ธงทอง และจักรพันธุ์” เพื่อทำให้สถานีโทรทัศน์ที่ดำเนินการด้วยเงินภาษีของประชาชนทั้งประเทศเป็นฟรีทีวีสำหรับคนเสื้อแดง