ASTVผู้จัดการรายวัน – “ทิปโก้-ซันโตรี่” อัดงบ 800 ล้านบาท ปลุกตลาดน้ำผลไม้ 7 พันล้านบาท ปั้นออเร้นจ์ เชค ขย่ม สแปลช-ทวิสเตอร์ ส่งออร่าบุกหนักตลาดน้ำแร่ขานรับตลาดโต คู่แข่งดาหน้าแห่ทำตลาดต้นปี ด้านซันโตรี่ ดันมิเรอิติดท็อปทรี เดินเกมชูฟังก์ชันนัลสร้างความต่างความเป็นชาญี่ปุ่น
นายวิวัฒน์ ลิ้มศักดากุล รองประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ทิปโก้ เอฟแอนด์บี จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายน้ำผลไม้ทิปโก้ เปิดเผยว่า นโยบายการตลาดปีนี้บริษัทจะโฟกัสกลุ่มน้ำผลไม้ทิปโก้ 100% โดยมุ่งเน้นการนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ ซึ่งจะเปิดตัวในช่วงหน้าร้อน พร้อมกันนี้ยังเน้นกลุ่มน้ำผลไม้ซูเปอร์อีโคโนมี่ ออเร้นจ์ เชค และน้ำผักผลไม้เวจจี้ ไฟว์ คัลเลอร์ส รวมถึงรุกตลาดน้ำแร่ออร่าในเชิงรุกมากขึ้น และเครื่องดื่มธัญพืชเนเจอร์อัพ ภายใต้การใช้งบการตลาดรวมทั้งปี 500 ล้านบาท
สำหรับแนวโน้มตลาดน้ำผลไม้ที่มีมูลค่ากว่า 7,000 ล้านบาท คาดว่าปีนี้จะมีอัตราการเติบโต 20% จากเมื่อปีที่ผ่านมาตลาดโต 10% ต่ำกว่าเป้าหมายที่คาดการณ์การเติบโต 15% แบ่งเป็นน้ำผลไม้ 100% มูลค่า 3,500 ล้านบาท และน้ำผลไม้ 20% มูลค่าประมาณ1,500 ล้านบาท ส่วนตลาดอีก 2,000 ล้านบาท เป็นน้ำผลไม้ 40%
ทั้งนี้ปัจจัยที่ทำให้ตลาดเติบโตมาจาก ผู้บริโภคหันมาเลือกซื้อสินค้าที่มีประโยชน์และดีต่อสุขภาพมากขึ้นเพราะหลังจากน้ำท่วมทำให้กำลังการซื้อของผู้บริโภคมีอยู่อย่างจำกัด ซึ่งปีนี้บริษัทมั่นใจว่า เครื่องดื่มทิปโก้จะยังคงตอกย้ำบัลลังก์ผู้นำตลาดครองส่วนแบ่งตลาดได้ 47%
นายวิวัฒน์ กล่าวถึงการรุกตลาดน้ำแร่ในปีนี้ว่า เนื่องจากปีนี้ตลาดน้ำแร่มูลค่า 1,500 ล้านบาท โตต่อเนื่องทุกปี โดยปีที่ผ่านมาเติบโต 30% เพราะคนไทยมีความรู้ความเข้าใจถึงความแตกต่างระหว่างน้ำแร่กับน้ำดื่มธรรมดามากขึ้นกว่าในอดีต นอกจากนี้ยังได้รับอานิสงส์จากเหตุการณ์น้ำท่วมปีที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลกระทบต่อน้ำดื่มธรรมดาที่ขาดตลาด เพราะผู้ผลิตหลายรายถูกน้ำท่วมโรงงาน ส่งผลให้คนหันมาดื่มน้ำแร่มากขึ้น โดยตั้งแต่ช่วงต้นปีพบว่ามีโฆษณาน้ำแร่หลายตัวออกมาทำตลาดกันอย่างคึกคัก ซึ่งปัจจุบันในส่วนของบริษัทเองมีน้ำแร่ 2 แบรนด์ที่ทำตลาดอยู่คือ ออร่าและอควอเร่ รวมส่วนแบ่งราว 32% เป็นอันดับ 2 รองจากแบรนด์มิเนเร่ ผู้นำตลาดครองส่วนแบ่ง 50% ขณะที่อันดับ 3 คือแบรนด์มองต์เฟลอ มีส่วนแบ่ง 7-8%
ส่วนแผนธุรกิจของบริษัทซันโตรี่ในปีนี้จะเน้นทำตลาดชาเขียวพร้อมดื่มภายใต้แบรนด์มิเรอิ ด้วยการทุ่มงบตลาด 300 ล้านบาท ขณะที่เครื่องดื่มฟังก์ชันนัล “ดาการะ เบเนฟิต"จะเริ่มชะลอการทำตลาด และรอดูผลตอบรับของตลาดก่อนในช่วงครึ่งปีแรกนี้ ทั้งนี้ปัจจัยที่ซันโตรี่หันมาเน้นตลาดชาเขียวพร้อมดื่ม เนื่องจากสภาพตลาดมูลค่า 8,000 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตต่อเนื่อง และปีนี้คาดว่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาตลาดโตมากกว่า 15%
“ฟังก์ชันนัลดริงก์เป็นตลาดที่การเติบโตลดลงในปีนี้ เนื่องจากผู้ดื่มคาดหวังจากผลที่ได้รับจากการดื่ม และเมื่อดื่มแล้วไม่ได้รับผลลัพธ์จากโฆษณาของสินค้า ทำให้ไม่มีการซื้ออีกต่อไป ซึ่งหากการตอบรับดาการะ เบเนฟิต ไม่ดีจะทบทวนว่าจะทำตลาดต่อไปหรือไม่”
แผนการตลาดในระยะยาวของมิเรอิ จะนำเสนอนวัตกรรมชาเขียวพร้อมดื่มที่เป็นฟังก์ชันนัลมากขึ้น เพื่อสร้างความแตกต่างกับคู่แข่ง และให้กลุ่มเป้าหมายรับรู้ถึงความแตกต่างของความเป็นชาญี่ปุ่นกับชาในประเทศไทย เพราะปัจจุบันตลาดชาพร้อมดื่มในไทยไม่ได้มีนวัตกรรมใหม่ๆ มีเพียงแต่เปิดตัวรสชาติใหม่
อย่างไรก็ตามคาดว่าปีนี้ตลาดชาจะแข่งขันรุนแรง โดยเฉพาะแบรนด์ผู้นำอย่างโออิชิ ที่ต้องรักษาบัลลังก์ตลาดจากแบรนด์ท้าชิงจากอิชิตันและมิเรอิ ซึ่งซันโตรี่วางเป้าหมายผลักดันให้แบรนด์มิเรอิติดอันดับ 1 ใน 3 ของตลาดชาพร้อมดื่ม
นายวิวัฒน์ ลิ้มศักดากุล รองประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ทิปโก้ เอฟแอนด์บี จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายน้ำผลไม้ทิปโก้ เปิดเผยว่า นโยบายการตลาดปีนี้บริษัทจะโฟกัสกลุ่มน้ำผลไม้ทิปโก้ 100% โดยมุ่งเน้นการนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ ซึ่งจะเปิดตัวในช่วงหน้าร้อน พร้อมกันนี้ยังเน้นกลุ่มน้ำผลไม้ซูเปอร์อีโคโนมี่ ออเร้นจ์ เชค และน้ำผักผลไม้เวจจี้ ไฟว์ คัลเลอร์ส รวมถึงรุกตลาดน้ำแร่ออร่าในเชิงรุกมากขึ้น และเครื่องดื่มธัญพืชเนเจอร์อัพ ภายใต้การใช้งบการตลาดรวมทั้งปี 500 ล้านบาท
สำหรับแนวโน้มตลาดน้ำผลไม้ที่มีมูลค่ากว่า 7,000 ล้านบาท คาดว่าปีนี้จะมีอัตราการเติบโต 20% จากเมื่อปีที่ผ่านมาตลาดโต 10% ต่ำกว่าเป้าหมายที่คาดการณ์การเติบโต 15% แบ่งเป็นน้ำผลไม้ 100% มูลค่า 3,500 ล้านบาท และน้ำผลไม้ 20% มูลค่าประมาณ1,500 ล้านบาท ส่วนตลาดอีก 2,000 ล้านบาท เป็นน้ำผลไม้ 40%
ทั้งนี้ปัจจัยที่ทำให้ตลาดเติบโตมาจาก ผู้บริโภคหันมาเลือกซื้อสินค้าที่มีประโยชน์และดีต่อสุขภาพมากขึ้นเพราะหลังจากน้ำท่วมทำให้กำลังการซื้อของผู้บริโภคมีอยู่อย่างจำกัด ซึ่งปีนี้บริษัทมั่นใจว่า เครื่องดื่มทิปโก้จะยังคงตอกย้ำบัลลังก์ผู้นำตลาดครองส่วนแบ่งตลาดได้ 47%
นายวิวัฒน์ กล่าวถึงการรุกตลาดน้ำแร่ในปีนี้ว่า เนื่องจากปีนี้ตลาดน้ำแร่มูลค่า 1,500 ล้านบาท โตต่อเนื่องทุกปี โดยปีที่ผ่านมาเติบโต 30% เพราะคนไทยมีความรู้ความเข้าใจถึงความแตกต่างระหว่างน้ำแร่กับน้ำดื่มธรรมดามากขึ้นกว่าในอดีต นอกจากนี้ยังได้รับอานิสงส์จากเหตุการณ์น้ำท่วมปีที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลกระทบต่อน้ำดื่มธรรมดาที่ขาดตลาด เพราะผู้ผลิตหลายรายถูกน้ำท่วมโรงงาน ส่งผลให้คนหันมาดื่มน้ำแร่มากขึ้น โดยตั้งแต่ช่วงต้นปีพบว่ามีโฆษณาน้ำแร่หลายตัวออกมาทำตลาดกันอย่างคึกคัก ซึ่งปัจจุบันในส่วนของบริษัทเองมีน้ำแร่ 2 แบรนด์ที่ทำตลาดอยู่คือ ออร่าและอควอเร่ รวมส่วนแบ่งราว 32% เป็นอันดับ 2 รองจากแบรนด์มิเนเร่ ผู้นำตลาดครองส่วนแบ่ง 50% ขณะที่อันดับ 3 คือแบรนด์มองต์เฟลอ มีส่วนแบ่ง 7-8%
ส่วนแผนธุรกิจของบริษัทซันโตรี่ในปีนี้จะเน้นทำตลาดชาเขียวพร้อมดื่มภายใต้แบรนด์มิเรอิ ด้วยการทุ่มงบตลาด 300 ล้านบาท ขณะที่เครื่องดื่มฟังก์ชันนัล “ดาการะ เบเนฟิต"จะเริ่มชะลอการทำตลาด และรอดูผลตอบรับของตลาดก่อนในช่วงครึ่งปีแรกนี้ ทั้งนี้ปัจจัยที่ซันโตรี่หันมาเน้นตลาดชาเขียวพร้อมดื่ม เนื่องจากสภาพตลาดมูลค่า 8,000 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตต่อเนื่อง และปีนี้คาดว่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาตลาดโตมากกว่า 15%
“ฟังก์ชันนัลดริงก์เป็นตลาดที่การเติบโตลดลงในปีนี้ เนื่องจากผู้ดื่มคาดหวังจากผลที่ได้รับจากการดื่ม และเมื่อดื่มแล้วไม่ได้รับผลลัพธ์จากโฆษณาของสินค้า ทำให้ไม่มีการซื้ออีกต่อไป ซึ่งหากการตอบรับดาการะ เบเนฟิต ไม่ดีจะทบทวนว่าจะทำตลาดต่อไปหรือไม่”
แผนการตลาดในระยะยาวของมิเรอิ จะนำเสนอนวัตกรรมชาเขียวพร้อมดื่มที่เป็นฟังก์ชันนัลมากขึ้น เพื่อสร้างความแตกต่างกับคู่แข่ง และให้กลุ่มเป้าหมายรับรู้ถึงความแตกต่างของความเป็นชาญี่ปุ่นกับชาในประเทศไทย เพราะปัจจุบันตลาดชาพร้อมดื่มในไทยไม่ได้มีนวัตกรรมใหม่ๆ มีเพียงแต่เปิดตัวรสชาติใหม่
อย่างไรก็ตามคาดว่าปีนี้ตลาดชาจะแข่งขันรุนแรง โดยเฉพาะแบรนด์ผู้นำอย่างโออิชิ ที่ต้องรักษาบัลลังก์ตลาดจากแบรนด์ท้าชิงจากอิชิตันและมิเรอิ ซึ่งซันโตรี่วางเป้าหมายผลักดันให้แบรนด์มิเรอิติดอันดับ 1 ใน 3 ของตลาดชาพร้อมดื่ม