การปรองดอง จะเกิดขึ้นได้ ผู้มีอำนาจต้องเป็นฝ่ายเริ่ม ยื่นมือมาให้อีกฝ่ายหนึ่ง แต่รัฐบาลนี้ถือว่า ผู้ชนะเป็นผู้กำหนดทุกสิ่งทุกอย่าง ผู้แพ้ หรือเสียงข้างน้อย ต้องทำตามอย่งเดียว การปรองดองคือ การยอมให้รัฐบาลทำอะไรตามอำเภอใจ แม้ว่า จะเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ผิดคุณธรรม
เจ็ดเดือนที่แล้ว หลังเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หมาดๆ นายกรัฐมนตรีนกแก้ว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ประกาศนโยบายเร่งด่วน ที่ต้องทำทันที หลังจากรัฐบาลแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ในวันที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2554 แล้ว
นโยบายที่จะต้องทำทันที่ได้แก่ ยกเลิกส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมันเฉพาะน้ำมันบางชนิด ซึ่งจะทำให้ราคาน้ำมันลดลงทันทีในอัตราที่สูงมาก คือ น้ำมัน เบนซิน 95 ลดลงลิตรละ 7.50 บาท เบนซิน 91 ลดลง 6.70 บาท และ ดีเซล ลดลง 2.20 บาท
ส่วนเรื่องอิ่นๆได้แก่ การแก้ไขปัญหาของแพง การจัดทำระบบประกันสุขภาพใหม่ ในเรื่อง 30 บาทรักษาทุกโร การแก้ไขปัญหายาเสพติด เร่งฟื้นความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน และ การดำเนินการรตามแผนปรองดองของ คณะกรรมการอิสระตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อความปรองดองแห่งชาติ (คอป.)
เรื่องยกเลิกเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน ผลปรากฎว่า ทำทันทีและพังทันที่เหมือนกัน ที่พังคือ กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง จากเดิมที่ยังมีเงินเหลืออยู่นิดหน่อยพันกว่าล้านบาม เมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว ณ วันนี้ ติดลบไปแล้ว 19,000 ล้านบาท เพราะนโยบายยกเลิกเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน จนรัฐบาลต้องแอบยกเลิกนโยบายทำทันทีนี้แบบเงียบๆ ด้วยการกลับมาเก็บเงินจากน้ำมันเบนซินเข้ากองทุน ลิตรละ 1 บาท และน้ำมันดีเซลลิตรละ60 สตางค์ ต่อเดือน ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคมนี้ เป็นต้นมา
สองเดือนที่ผ่านมา ผู้ใช้น้ำมันเบนซินและโซฮอลล์ ถูกรีดเงินเข้ากองทุนฯ ไปแล้วลิตรละ 2 บาท ส่วนน้ำมันดีเซลลิตรละ 60 สตางค์ โดยไม่เกี่ยวกับราคาน้ำมันในตลาดโลกเลย ราคาน้ำมันตลาดโลกในวันนี้คือ 125 เหรียญต่อบาร์เรล หากปรับขึ้นไปเพิ่มสูงกว่านี้ อันเนื่องมาจากปัญหาความขัดแย้งระหว่างสหรัฐ/อิสราเอล กับอิหร่าน คนไทยจะโดนผลกระทบ2 เด้งคือ ราคาน้ำมันโลก และถูกเก็บเงินเข้ากองทุนฯ เพิ่มขึ้นทุกเดิอนละ 1 บาทต่อลิตร
สมมติว่า ราคาน้ำมันตลาดโลกลดลง ราคาน้ำมันในบ้านเราจะไม่ลดตาม อาจจะเพิ่มขึ้นด้วยซ้ำ จากภาระที่ต้องส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมัน จนกว่าจะครบลิตรละ 7 บาท
กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ที่เป็นเครื่องมือชะลอการปรับขึ้นราคาน้ำมัน หากน้ำมันในตลาดโลกสูงขึ้นอย่างฮวบฮาบ วันนี้ หมดสภาพใช้งานแล้ว และกำลังรีดเงินจากผู้ใช้น้ำมันคืน ซึ่งเป็นผลจากนโยบายทำทันที - พังทันทีของรัฐบาลยิง่ลักษณ์
นโยบายทำทันที่เรื่องที่ 2 แก้ของแพง ราคาข้าวแกงที่ปรับตัวขึ้นเป็นจานละ 35-40 บาท เป็นดัชนี้ชี้วัดความล้มเหลวในเรื่อง กระชากค่าครองชีพ ที่พรรคเพื่อไทยหาเสียงไว้ได้อย่างชัดเจน เพราะช้าวแกงเป็นปลายทางที่สะท้อนว่า ต้นทุนการผลิตทุกอย่างตั้งแต่น้ำมัน ค่าขนส่ง ค่าวัตถุดิบ ค่าเช่า ล้วนแต่มีราคาแพงขึ้น เป็นยุค “ แพงทั้งแผ่นดิน” อย่างแท้จริง
ทำทันทีเรื่องที่ 3 คือ การจัดทำระบบประกันสุขภาพ 30 บาทรักษาทุกโรค ใหม่ สิ่งที่เกิดขึ้นคือ นอกจากรัฐบาลจะหันกลับมาเก็บเงิน30 บาทจากผู้ใช้บริการ จากเดิมในสมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ที่ไม่ต้องเสียสักบาท คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ สปสช. กำลังถูกแทรกแซงอย่างหนั กจากคนในรัฐบาล คนในธุรกิจการแพทย์และสุขภาพ ที่มีจุดยืนไม่เห็นด้วยกับนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค โดยมีเป้าหมายคือ ล้มระบบประกันสุขภาพ หรือล้มบัตรทอง จนชมรมแพทย์ชนบทต้องออกแถลงการณ์ว่า จะคัดค้านการดำเนินการเรื่องนี้จนถึงที่สุด
ทำทันทีเรื่อง แก้ไขปัญหายาเสพย์ติด และเร่งฟิ้นฟูวคามสัมพันธ์กับประเทศเพื่อบ้าน เป็นเรื่องที่ต้องดูกันยาวๆกว่านี้ เฉพาะเรื่องยาเสพติดนั้น ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับ การจัดฉากจับยารายวัน ทุกฝ่ายพร้มอจะให้ความร่วมมือยอยู่แล้ว โดยเฉพาะ กรมราชทัณฑ์ และเครือข่ายยาเสพติดในคุก คนที่มีความสุขมากที่สุดคือ ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งดูแลรับผิดชอบการปราบรามยาเสพติด เพราะแค่ สามเดือนแรกของปีงบประมาณ 2555 ใช้เงินปราบยาเสพติดไปแล้ว 635 ล้านบาท หรือเกือบ 1 ใน 3 ของงบฯทั้งปี
ทำทันที่เรื่องสุดท้าย การสร้างความปรองดองในชาติ รัฐบาล และพรรคเพื่อไทย กำลังทำในสิ่งตรงกันข้ามคือ จุดชนวนแห่งความแตกแยกครั้งใหญ่ด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 เพื่อเปิดช่อง ให้ นช. ทักษิณ ชินวัตร กลับประเทศไทย โดยไม่ต้องติดคุก จาก คดีที่ดินรัชดา และไม่ถูกดำเนินคดีอื่นๆ อีกทั้งยังจะได้เงิน 46,000 ล้านบาท ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผุ้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สั่งยึด เพราะมีความผิดฐานซุกหุ้นชินคอร์ป ระหว่างที่เป็นนายกรัฐมนตรี
เอาทักษิณกลับบ้าน ไม่ติดคุก ได้เงินคืน คือ เป้าหมายเฉพาะหน้าของ การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ เป้าหมายระยะยาวคือ การสถาปนาระบอบการปกครองใหม่ ที่รัฐบาลที่ชนะเลือกตั้ง มีอำนาจเหนือทุกฝ่าย ทั้งนิติบัญญัติ ตุลาการ และองค์กรอิสระ ที่ยังไม่ถูกยกเลิกไป
คนส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 80 ไม่เคยอ่านรัฐธรรมนูญ ไม่รู้หรอกว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้ และฉบับก่อนหน้านี้ มีข้อดี ข้อเสียอย่างไร รู้แต่ว่า ประชาชนไม่เคยได้อะไรจากการแก้รัฐธรรมนุญ และเชื่อว่า การแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้ จะเป็นชนวนนำไปสู่ความขัดแย้งครั้งใหม่ โดยรัฐบาลนกแก้ว ซึ่งต้องการให้พี่ชายได้กลับบ้านสักทีหลังจาก โยนก้อนหินถามทางไปหลายกอง สับขาหลอกไปหลายรอบ
การปรองดอง จะเกิดขึ้นได้ ผู้มีอำนาจต้องเป็นฝ่ายเริ่ม ยื่นมือมาให้อีกฝ่ายหนึ่ง แต่รัฐบาลนี้ถือว่า ผู้ชนะเป็นผู้กำหนดทุกสิ่งทุกอย่าง ผู้แพ้ หรือเสียงข้างน้อย ต้องทำตามอย่งเดียว การปรองดองคือ การยอมให้รัฐบาลทำอะไรตามอำเภอใจ แม้ว่า จะเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ผิดคุณธรรม
รัฐบาลนี้ทำทันทีหลายเรื่อง และเกือบทุกเรือง ประเทศชาติ และประชาชนพังทันทีเหมือนกัน การแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อเอาทักษิณกลับบ้าน โดยไม่ติดคุก และได้เงินคืน ก็จะมีจุดจบเช่นเดียวกันคือ พังทันที
เจ็ดเดือนที่แล้ว หลังเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หมาดๆ นายกรัฐมนตรีนกแก้ว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ประกาศนโยบายเร่งด่วน ที่ต้องทำทันที หลังจากรัฐบาลแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ในวันที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2554 แล้ว
นโยบายที่จะต้องทำทันที่ได้แก่ ยกเลิกส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมันเฉพาะน้ำมันบางชนิด ซึ่งจะทำให้ราคาน้ำมันลดลงทันทีในอัตราที่สูงมาก คือ น้ำมัน เบนซิน 95 ลดลงลิตรละ 7.50 บาท เบนซิน 91 ลดลง 6.70 บาท และ ดีเซล ลดลง 2.20 บาท
ส่วนเรื่องอิ่นๆได้แก่ การแก้ไขปัญหาของแพง การจัดทำระบบประกันสุขภาพใหม่ ในเรื่อง 30 บาทรักษาทุกโร การแก้ไขปัญหายาเสพติด เร่งฟื้นความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน และ การดำเนินการรตามแผนปรองดองของ คณะกรรมการอิสระตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อความปรองดองแห่งชาติ (คอป.)
เรื่องยกเลิกเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน ผลปรากฎว่า ทำทันทีและพังทันที่เหมือนกัน ที่พังคือ กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง จากเดิมที่ยังมีเงินเหลืออยู่นิดหน่อยพันกว่าล้านบาม เมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว ณ วันนี้ ติดลบไปแล้ว 19,000 ล้านบาท เพราะนโยบายยกเลิกเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน จนรัฐบาลต้องแอบยกเลิกนโยบายทำทันทีนี้แบบเงียบๆ ด้วยการกลับมาเก็บเงินจากน้ำมันเบนซินเข้ากองทุน ลิตรละ 1 บาท และน้ำมันดีเซลลิตรละ60 สตางค์ ต่อเดือน ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคมนี้ เป็นต้นมา
สองเดือนที่ผ่านมา ผู้ใช้น้ำมันเบนซินและโซฮอลล์ ถูกรีดเงินเข้ากองทุนฯ ไปแล้วลิตรละ 2 บาท ส่วนน้ำมันดีเซลลิตรละ 60 สตางค์ โดยไม่เกี่ยวกับราคาน้ำมันในตลาดโลกเลย ราคาน้ำมันตลาดโลกในวันนี้คือ 125 เหรียญต่อบาร์เรล หากปรับขึ้นไปเพิ่มสูงกว่านี้ อันเนื่องมาจากปัญหาความขัดแย้งระหว่างสหรัฐ/อิสราเอล กับอิหร่าน คนไทยจะโดนผลกระทบ2 เด้งคือ ราคาน้ำมันโลก และถูกเก็บเงินเข้ากองทุนฯ เพิ่มขึ้นทุกเดิอนละ 1 บาทต่อลิตร
สมมติว่า ราคาน้ำมันตลาดโลกลดลง ราคาน้ำมันในบ้านเราจะไม่ลดตาม อาจจะเพิ่มขึ้นด้วยซ้ำ จากภาระที่ต้องส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมัน จนกว่าจะครบลิตรละ 7 บาท
กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ที่เป็นเครื่องมือชะลอการปรับขึ้นราคาน้ำมัน หากน้ำมันในตลาดโลกสูงขึ้นอย่างฮวบฮาบ วันนี้ หมดสภาพใช้งานแล้ว และกำลังรีดเงินจากผู้ใช้น้ำมันคืน ซึ่งเป็นผลจากนโยบายทำทันที - พังทันทีของรัฐบาลยิง่ลักษณ์
นโยบายทำทันที่เรื่องที่ 2 แก้ของแพง ราคาข้าวแกงที่ปรับตัวขึ้นเป็นจานละ 35-40 บาท เป็นดัชนี้ชี้วัดความล้มเหลวในเรื่อง กระชากค่าครองชีพ ที่พรรคเพื่อไทยหาเสียงไว้ได้อย่างชัดเจน เพราะช้าวแกงเป็นปลายทางที่สะท้อนว่า ต้นทุนการผลิตทุกอย่างตั้งแต่น้ำมัน ค่าขนส่ง ค่าวัตถุดิบ ค่าเช่า ล้วนแต่มีราคาแพงขึ้น เป็นยุค “ แพงทั้งแผ่นดิน” อย่างแท้จริง
ทำทันทีเรื่องที่ 3 คือ การจัดทำระบบประกันสุขภาพ 30 บาทรักษาทุกโรค ใหม่ สิ่งที่เกิดขึ้นคือ นอกจากรัฐบาลจะหันกลับมาเก็บเงิน30 บาทจากผู้ใช้บริการ จากเดิมในสมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ที่ไม่ต้องเสียสักบาท คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ สปสช. กำลังถูกแทรกแซงอย่างหนั กจากคนในรัฐบาล คนในธุรกิจการแพทย์และสุขภาพ ที่มีจุดยืนไม่เห็นด้วยกับนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค โดยมีเป้าหมายคือ ล้มระบบประกันสุขภาพ หรือล้มบัตรทอง จนชมรมแพทย์ชนบทต้องออกแถลงการณ์ว่า จะคัดค้านการดำเนินการเรื่องนี้จนถึงที่สุด
ทำทันทีเรื่อง แก้ไขปัญหายาเสพย์ติด และเร่งฟิ้นฟูวคามสัมพันธ์กับประเทศเพื่อบ้าน เป็นเรื่องที่ต้องดูกันยาวๆกว่านี้ เฉพาะเรื่องยาเสพติดนั้น ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับ การจัดฉากจับยารายวัน ทุกฝ่ายพร้มอจะให้ความร่วมมือยอยู่แล้ว โดยเฉพาะ กรมราชทัณฑ์ และเครือข่ายยาเสพติดในคุก คนที่มีความสุขมากที่สุดคือ ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งดูแลรับผิดชอบการปราบรามยาเสพติด เพราะแค่ สามเดือนแรกของปีงบประมาณ 2555 ใช้เงินปราบยาเสพติดไปแล้ว 635 ล้านบาท หรือเกือบ 1 ใน 3 ของงบฯทั้งปี
ทำทันที่เรื่องสุดท้าย การสร้างความปรองดองในชาติ รัฐบาล และพรรคเพื่อไทย กำลังทำในสิ่งตรงกันข้ามคือ จุดชนวนแห่งความแตกแยกครั้งใหญ่ด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 เพื่อเปิดช่อง ให้ นช. ทักษิณ ชินวัตร กลับประเทศไทย โดยไม่ต้องติดคุก จาก คดีที่ดินรัชดา และไม่ถูกดำเนินคดีอื่นๆ อีกทั้งยังจะได้เงิน 46,000 ล้านบาท ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผุ้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สั่งยึด เพราะมีความผิดฐานซุกหุ้นชินคอร์ป ระหว่างที่เป็นนายกรัฐมนตรี
เอาทักษิณกลับบ้าน ไม่ติดคุก ได้เงินคืน คือ เป้าหมายเฉพาะหน้าของ การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ เป้าหมายระยะยาวคือ การสถาปนาระบอบการปกครองใหม่ ที่รัฐบาลที่ชนะเลือกตั้ง มีอำนาจเหนือทุกฝ่าย ทั้งนิติบัญญัติ ตุลาการ และองค์กรอิสระ ที่ยังไม่ถูกยกเลิกไป
คนส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 80 ไม่เคยอ่านรัฐธรรมนูญ ไม่รู้หรอกว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้ และฉบับก่อนหน้านี้ มีข้อดี ข้อเสียอย่างไร รู้แต่ว่า ประชาชนไม่เคยได้อะไรจากการแก้รัฐธรรมนุญ และเชื่อว่า การแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้ จะเป็นชนวนนำไปสู่ความขัดแย้งครั้งใหม่ โดยรัฐบาลนกแก้ว ซึ่งต้องการให้พี่ชายได้กลับบ้านสักทีหลังจาก โยนก้อนหินถามทางไปหลายกอง สับขาหลอกไปหลายรอบ
การปรองดอง จะเกิดขึ้นได้ ผู้มีอำนาจต้องเป็นฝ่ายเริ่ม ยื่นมือมาให้อีกฝ่ายหนึ่ง แต่รัฐบาลนี้ถือว่า ผู้ชนะเป็นผู้กำหนดทุกสิ่งทุกอย่าง ผู้แพ้ หรือเสียงข้างน้อย ต้องทำตามอย่งเดียว การปรองดองคือ การยอมให้รัฐบาลทำอะไรตามอำเภอใจ แม้ว่า จะเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ผิดคุณธรรม
รัฐบาลนี้ทำทันทีหลายเรื่อง และเกือบทุกเรือง ประเทศชาติ และประชาชนพังทันทีเหมือนกัน การแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อเอาทักษิณกลับบ้าน โดยไม่ติดคุก และได้เงินคืน ก็จะมีจุดจบเช่นเดียวกันคือ พังทันที