xs
xsm
sm
md
lg

แก้รัฐธรรมนูญสู่รัฐไทยใหม่

เผยแพร่:   โดย: สุรวิชช์ วีรวรรณ

การปราศรัยผ่านวิดีโอลิงก์ของทักษิณที่เขาใหญ่ก็ชัดเจนแล้วว่า ประเทศนี้คนที่มีอำนาจตัวจริงก็คือ ทักษิณ ชินวัตร ชายผู้ซึ่งหลบหนีคดีที่ศาลตัดสินให้จำคุก 2 ปีในคดีทุจริตซื้อขายที่ดินรัชดาฯ

‘ปู’ ยิ่งลักษณ์จึงเป็นนายกรัฐมนตรีหุ่นเชิดที่เขาปั้นแต่งขึ้นมาเพื่อให้เข้ากับพิธีกรรมบูชาการเลือกตั้งของระบอบประชาธิปไตยเท่านั้นเอง และว่าไปแล้วเธอก็เป็นคนน่าสงสารเพราะพอเป็นนายกรัฐมนตรีแล้วจะไปทำกิจกรรม ว.5 อะไรที่เธอชอบก็ทำไม่ได้ง่ายอย่างที่เคยประพฤติเสมอมา

ดังนั้น อย่าไปให้คุณค่าอะไรกับเธอมากนัก แม้เธอจะมีอาการป้ำๆ เป๋อๆ ออกไปทางทะเลสระบุรีผ่านถนนคอ-นก-รีตและเสวยหญ้าแพรกเป็นภักษาหารก็ตาม

ออกจะแปลกใจอยู่บ้างก็คือพวกนักวิชาการที่ให้ท้ายระบอบทักษิณ และหันมาสมาทานกับระบอบทักษิณต่างก็ไม่ตั้งคำถามต่อระบอบประชาธิปไตยปลอมๆ แบบนี้เลย ทั้งที่วันนี้มันพิสูจน์กันอย่างชัดแจ้งแดงแจ๋อยู่แล้วว่า เจ้าของประเทศตัวจริงก็คือ นักโทษหนีคดีผู้มีบารมีเหนือรัฐธรรมนูญที่ชื่อทักษิณ ชินวัตรนั่นเอง

ทุกฝ่ายจึงพากันวิ่งหาทางประเล้าประโลมเอาใจนักโทษชายทักษิณเพื่อหาทางออกในนามของการปรองดอง ซึ่งมีความหมายที่แฝงเร้นเพียงว่า ต้องให้นักโทษชายกลับมาประเทศโดยไม่มีคดีติดตัว และความผิดนั้นต้องมลายหายไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเพื่อที่จะให้ไม่ขัดกับเงื่อนไขการเข้าสู่การเมืองแล้วเข้ามาสวาปามอำนาจอีกครั้ง

อะไรที่เป็นอุปสรรคต่อทักษิณและการใช้อำนาจของระบอบทักษิณก็อ้างประชาธิปไตยและเสียงข้างมากแก้ไขเปลี่ยนแปลงมันเสีย

ผมเพิ่งเห็นสื่อมวลชนพากันตื่นเต้นที่วัฒนา เมืองสุข ออกมาเปิดเผยว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้จะทำให้เหลือเพียงศาลเดียวแล้วยุบเอาศาลรัฐธรรมนูญ และศาลปกครองกลับไปเป็นแผนกหนึ่งของศาลยุติธรรม ที่ตลกกว่านั้นก็คือ คนที่ออกมาพูดปรามก็คือ เฉลิม อยู่บำรุงที่บอกว่าความเห็นนั้นเป็นเรื่องส่วนตัว เพราะยังไม่มี ส.ส.ร.คล้ายกับความเห็นของฝ่ายรัฐบาลที่ตอบโต้ฝ่ายค้านตลอดการอภิปราย 2 วัน ในการเสนอญัตตินี้ก็คือความพยายามบอกว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่มีธงยังไม่มี ส.ส.ร.เลยจะรู้ได้อย่างไรว่า รัฐธรรมนูญจะออกมาอย่างไร

แต่เอาเข้าจริงแล้วคนที่พูดเรื่องนี้คนแรกสุดๆ เลยก็คือ เฉลิมครับ ตอนนั้นผมก็แปลกใจว่า ทำไมสื่อมวลชนจึงมองไม่เห็นว่านี่เป็นประเด็นใหญ่ ทั้งที่นัยของมันคือ การยุบทิ้งศาลรัฐธรรมนูญและศาลปกครองเพิ่งมาตื่นเต้นกันตอนวัฒนา เมืองสุขออกมาพูด

เฉลิมพูดเรื่องนี้เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2554 วันนั้น วัชระ เพชรทอง ลุกขึ้นมาถามถึงเหตุผลการตั้งคณะกรรมการชุดอุกฤษ มงคลนาวิน ว่า เป็นการละเมิดหลักอำนาจอธิปไตยของศาลหรือไม่

ตอนนั้นเฉลิม ชี้แจงทันทีว่า คณะกรรมการที่ตั้งขึ้นมาจะปฏิรูปอย่างไรต้องขออนุมัติต่อรัฐสภา คณะกรรมการไม่สามารถกำหนดอย่างหนึ่งอย่างใดได้ ไม่เห็นด้วยกับระบบศาลคู่ และควรมีศาลเดี่ยวแล้วมีแผนกอยู่ในนั้น แต่จู่ๆ ไปรื้อศาลไม่ได้ เพราะศาลต้องปฏิบัติตามกฎหมาย คนออกกฎหมายคือรัฐสภา เราเห็นว่ามีกฎหมายจำนวนมาก ลองมาปฏิรูปดู ยืนยันว่าไม่มีนัยอะไรเลย

คำพูดของเฉลิมวันนั้นสะท้อนออกมาให้เห็นว่า ความคิดในการให้ศาลกลับไปสู่ระบบศาลเดี่ยวนั้นเป็น “ธง” ที่มีมาตั้งแต่ต้น ไม่ใช่เพราะวัฒนาออกมาพูด และที่เฉลิมออกมาทำเป็นปรามวัฒนาก็เพียงเพื่อไม่ให้ไก่ตื่นเท่านั้นเอง ทั้งที่ตัวเองเคยปล่อยไก่ออกมาตั้งนานแล้ว

เพียงแต่รอจังหวะและสร้างช่องทางให้เกิดความชอบธรรมเท่านั้นเอง

ระบอบทักษิณไม่เอาศาลไว้แน่ครับ หรืออย่างน้อยก็จะทำอย่างไรให้สามารถควบคุมกระบวนการของศาลได้ง่ายขึ้น เพราะถ้าเราติดตามนักโทษชายที่หนีคดีและมีอำนาจเหนือรัฐบาลอยู่ในขณะนี้ สิ่งที่เขาระบายออกมาตลอดเวลาก็คือ การกล่าวหาว่ากระบวนการยุติธรรมไม่เป็นธรรม

อำนาจอธิปไตยทั้งสาม คือ ฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายตุลาการ ตอนนี้ก็ชัดเจนอยู่ว่า 2 ใน 3 ของอำนาจอธิปไตยคือ บริหารกับนิติบัญญัตินั้นอยู่ในมือของระบอบทักษิณ เหลือเพียงอำนาจเดียวที่ระบอบทักษิณยังกินไม่หมด 100% ก็คืออำนาจตุลาการ สิ่งที่จะต้องทำต่อไปก็คือ ทำให้องค์กรตุลาการนั้นสามารถควบคุมได้ง่ายขึ้นกว่าระบบศาลที่เป็นอยู่ในปัจจุบันและมีที่มาจากรัฐธรรมนูญ 2540 นั่นคือทำให้อำนาจการตั้งศาลสูงอยู่ในมือของรัฐสภาอย่างที่นิติราษฎร์แย้มออกมา

ผมก็รอดูอยู่ว่า ฝ่ายที่อ้างว่าสู้เพื่อประชาธิปไตยในระบอบทักษิณทั้งที่เป็นนักวิชาการสายตรงของระบอบทักษิณและหางเครื่องของระบอบทักษิณอย่างนิธิ และเกษียรจะว่าอย่างไร คนที่ชอบคุยนักคุยหนาว่าเคยต่อต้านของระบอบทักษิณมาก่อน แต่วันนี้หันไปสมาทานกับระบอบทักษิณเพราะไม่ชอบรัฐประหารเพราะเอาปืนไปโค่นรัฐบาลที่ตัวเองด่าว่าฉ้อฉลนั้นจะว่าอย่างไร

เพราะวันนี้หัวหน้าคณะรัฐประหาร สนธิ บุญยรัตกลิน ก็กลายเป็นหางเครื่องของระบอบทักษิณอย่างเต็มตัวแล้ว

พฤติกรรมของสนธิ บุญยรัตกลินนั้น ทำให้ผมอดสงสัยไม่ได้ว่า เขาออกมาทำรัฐประหารตัดตอนหนึ่งวันของการประกาศชุมนุมใหญ่ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในวันที่ 20 กันยายน 2549 ทำไม เพราะไม่เช่นนั้นทักษิณก็ถูกโค่นล้มด้วยอำนาจของประชาชนในตอนนั้นไปแล้ว

แต่วันนี้สนธิ บุญยรัตกลินกลายเป็นพวกเดียวกับทักษิณไปอย่างไม่อายฟ้าดิน

เป้าหมายของระบอบทักษิณนอกเหนือจากการยึดกุมอำนาจอธิปไตยทั้งสามแล้ว จับตาดูต่อไปได้เลยว่า การทำให้อำนาจโยกย้ายทหารกลับไปอยู่ในมือของนักการเมืองอีกครั้ง คือ การเปลี่ยนแปลงแก้ไข พ.ร.บ.กลาโหมฯ นั่นเอง

เพื่อยึดกุมหมดทั้งสามอำนาจอธิปไตยและกองทัพ

แล้วให้จับตาดูต่อไปว่า เป้าหมายที่เราเคยเรียกขานนามรหัสว่า “ปฏิญญาฟินแลนด์” นั้น จะกลายเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในประเทศเราหรือไม่

1. สร้างระบบรัฐบาลแบบพรรคการเมืองเดียว 2. เปลี่ยนระบบราชการให้อยู่ภายใต้อำนาจสั่งการของพรรคการเมือง 3. การแปรรูปรัฐวิสาหกิจให้กลายเป็นของภาคเอกชน เพื่อสร้างระบบทุนนิยมที่สมบูรณ์แบบ พร้อมที่จะพลิกเป็นระบบคอมมิวนิสต์ 4. ลดทอนความสำคัญของสถาบันกษัตริย์ 5. สร้างระบบพรรคการเมืองแบบรวมอำนาจที่กรรมการบริหารพรรคและผู้นำพรรค

แน่นอนครับว่าฝ่ายทักษิณเคยปฏิเสธว่า “ปฏิญญาฟินแลนด์” นั้น ฝ่ายตรงข้ามเขาอุปโลกน์ขึ้นมาเพื่อโค่นล้มเขาจากอำนาจ เอาเป็นว่าผมไม่ปรักปรำว่าจริงหรือไม่จริง แต่ย้อนกลับไปมองเส้นทางเดินของระบอบทักษิณ และ 5 เงื่อนไขในปฏิญญาฟินแลนด์กันดูเองเถอะครับ

ให้ตั้งจิตบริสุทธิ์ไว้ก่อนว่า ทักษิณไม่เคยมีแนวคิดในปฏิญญาฟินแลนด์ทั้ง 5 ข้อนี้เลย

วันนี้ใครๆ ก็กลัวทักษิณ เพราะอำนาจอยู่ในมือของระบอบทักษิณแบบเบ็ดเสร็จ ทางออกเดียวของสังคมตอนนี้ดูเหมือนว่า จะต้องปรองดองกับทักษิณ และสยบยอมต่ออำนาจของทักษิณ

ฝ่ายที่ต่อต้านระบอบทักษิณถูกทำลายล้างให้อ่อนเปลี้ยเสียแขน ทั้งจากฝ่ายตรงข้าม ฝ่ายนักการเมืองที่มุ่งแต่แสวงหาอำนาจ และฝ่ายที่อ้างว่าจงรักภักดีที่ส่งเสียงคำรามให้หยุดโดยไม่แยกแยะว่าฝ่ายไหนที่ปกป้องฝ่ายไหนที่มุ่งทำลายล้าง

คนในสังคมส่วนใหญ่ยังคงนิ่งเฉย และมองเห็นการตื่นตัวทางการเมืองเป็นพวกสร้างความวุ่นวาย

ถ้าเป็นอย่างนี้อีกไม่นานเราคงอยู่ในประเทศไทยที่เราต้องเรียกขานกันว่า “รัฐไทยใหม่” อย่างแน่นอนครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น