รองโฆษกประชาธิปัตย์ จี้นายกฯ ปรับภาพลักษณ์โฆษกเพื่อไทย ชี้ “เด็จพี่” สุดโจ๊ก ไม่รู้เรื่องกฎหมาย อ่านข่าวไม่แตก สอนยื่นถอดถอน “ปู-ปึ้ง” ทำได้ หยันไม่รู้วงในเลยพล่ามสะเปะสะปะ แขวะไม่แมนส่งเลขาฯ พท.แจ้นเคลียร์ ปธ.ศาล รธน. แนะหาคนที่มาตรฐานดีกว่าเป็นแทน
วันนี้ (26 ธ.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ปรับหลักสูตรการสร้างภาพลักษณ์และความรู้ทางการเมืองกับกฎหมายให้โฆษกพรรคเพื่อไทยเสียใหม่ ให้สมกับเป็นพรรครัฐบาลที่ต้องสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องให้คนในสังคม เพราะการที่นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ เพิ่งจะตื่นแล้วมาปล่อยไก่เมื่อวานนี้ (25 ธ.ค.) ว่า เขาและทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย มองว่าการที่พรรคประชาธิปัตย์จะยื่นถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.การต่างประเทศ กรณีการออกหนังสือเดินทางให้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นลักษณะการกระทำที่ต้องการแสดงภาพลบให้นายกรัฐมนตรี เพราะเรื่องนี้ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับนายกฯ แล้วจะยื่นยุบพรรคประชาธิปัตย์นั้น ถือเป็นเรื่องตลก โจ๊กสำหรับนักการเมืองประจำวัน เป็นการปล่อยไก่ชนิดไม่รู้ ไม่เข้าใจระเบียบกระทรวง และกฎหมายอย่างถ่องแท้ ขนาดเด็กยังถามเลยว่ายื่นยุบพรรคกันได้เลยหรือ ขอเรียนว่า ถ้าคุณยิ่งลักษณ์อยากจะเป็นนายกรัฐมนตรีที่คนลดการดูถูกลงบ้าง ก็ควรเริ่มจากการอบรมสอนสั่งลูกพรรค แนะนำว่าเริ่มจากคนอย่างโฆษกพรรครายนี้ ให้เรียนรู้และอ่านกฎหมายเข้าใจงานการเมืองในฐานะผู้นำรัฐบาลมากกว่านี้ ไม่ใช่ท่องมาแค่ 3 คำ คือ ดิสเครดิต เกมการเมือง และไม่สร้างสรรค์ ที่เหลือก็อ่านข่าวไม่แตกแล้วตัดแปะมา
น.ส.มัลลิกากล่าวต่อว่า ที่ผ่านมานายพร้อมพงศ์อาจเล่นลิเกมานานจนลืมตัวว่าบ้านเมืองเขาก้าวข้ามมายุคทวิตเตอร์แล้ว ยังไม่ปรับปรุงตัวให้มีฐานความรู้ พูดจาขาดสาระ จนส่งผลให้นายกรัฐมนตรีของตัวเองกลายเป็นดาวดับในสภาผู้แทนฯ ขอสอนว่า กรณีการยื่นถอดถอนนายกฯ ยิ่งลักษณ์ กับนายสุรพงษ์นั้น รองรับด้วยหลักฐาน ทางระเบียบราชการที่คุณทำผิดไปแล้ว ประกอบกับกระบวนการทั้งหมด น.ส.ยิ่งลักษณ์ รับรู้ รับทราบ เป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของทุกกระทรวง แต่ไม่มีปฏิกิริยาที่จะแก้ไข จึงเลี่ยงไม่ได้เพราะมีส่วนรู้เห็นร่วมกระทำความผิด เป็นเหตุให้ถูกยื่นถอดถอน ส่วนเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 ก็เป็นกลุ่มคนผู้สนับสนุนรัฐบาลเอามาเคลื่อนไหวทั้งสิ้นคนของฝ่ายตัวเองล้วนๆ ที่เดินกันคนละทิศละทาง โฆษกไปทางหนึ่ง รองนายกรัฐมนตรีไปอีกทาง ส.ส.ไปอีกทาง และตัวนายกรัฐมนตรีเองกลับไม่มีสักทางที่จะแสดงจุดยืนของผู้นำ สร้างความสับสนให้สังคมหนักขึ้นทุกวัน และคงเป็นเพราะนายพร้อมพงศ์ ไม่ได้คลุกวงในของอำนาจจริงของพรรคเพื่อไทย จึงไร้ข้อมูลแล้วสะเปะสะปะเดินหาประเด็นแถลงจากนักข่าวไปวันๆ โดนหลอกให้เป็นตัวตลกมาหลายปียังไม่รู้ตัวอีก
รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ยังกล่าวต่อว่า พรรคเพื่อไทยควรลอยแพนายพร้อมพงษ์ให้หากินด้วยปากเอาเองจนสะดุดตอ เพราะวันนี้ก็วิ่งไปสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญให้นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย เข้าพบนายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อขอเจรจายุติคดีที่นายวสันต์เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายพร้อมพงศ์ และนายเกียรติอุดม เมนะสวัสดิ์ ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย ฐานหมิ่นประมาท กล่าวหาว่านายวสันต์ได้เชิญนายทศพล เพ็งส้ม หนึ่งในทีมทนายสู้คดียุบพรรคประชาธิปัตย์ในขณะนั้น เข้าพบที่ห้องทำงานระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญกำลังพิจารณาคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งไม่เป็นความจริงแต่ไปพูดเกาะกระแสขณะนั้น กรณีนี้ก็เกิดจากการแถลงข่าวแบบตัดแปะ พูดจาไร้หูรูด ไร้ความรับผิดชอบ พอทางกฎหมายเขาเอาจริงก็วิ่งไปขอเจรจา ไม่อายไม่มีความเป็นลูกผู้ชายเสียหายต่อสถาบันนักการเมืองผู้ชายอย่างที่สุด
น.ส.มัลลิกายังกล่าวท้าพรรคเพื่อไทยว่า กรณีล่าสุดหากพรรคประชาธิปัตย์ยื่นถอดถอนไปตามกระบวนการแล้วทำได้จริง คือ นายสุรพงษ์ หรือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องออกจากตำแหน่งไปจริง ถามว่านายพร้อมพงศ์ จะออกจากตำแหน่งใช้ปากแกว่งหาเสี้ยนนี่หรือไม่ หรือแน่จริงจะออกจากถนนการเมืองไป เพราะอยู่ไป นอกจากไม่พัฒนาตัวเองแล้วยังทำให้เสื่อมเสียมาถึงคนวงการการเมืองถูกมองเป็นตัวตลกไปทุกวัน
“ที่พรรคประชาธิปัตย์มีหนังสือกฎหมาย และระเบียบกระทรวงต่างๆ หลายเล่ม ดิฉันจะเก็บไว้ให้ ถ้าอยากได้จะเอาไปให้ จะได้เป็นคู่ต่อสู้ที่เหมาะสมกับโฆษกพรรคประชาธิปัตย์หน่อย และเป็นไปได้นะ ก็ขอให้พรรคเพื่อไทยเปลี่ยนไปใช้คนอื่นที่มีมาตรฐานดีกว่านี้ ให้สมกับการเป็นพรรคการเมืองใหญ่ หรือให้ได้มาตรฐานเดิม เช่น คุณสุรนันทน์ เวชชาชีวะ หรือคุณศิธา ทิวารี เป็นต้น” น.ส.มัลลิกากล่าว