ASTVผู้จัดการรายวัน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มอบสันติบาลตรวจสอบความเคลื่อนไหวของผู้ต้องหาทั้ง 5 รายที่ถูกออกหมายจับขณะเข้า-ออกไทย เร่งหาความหมาย “SEJEAL” และหาตัวผู้นำไปติด คาดก่อนเกิดเหตุมีการเตรียมการทั้งสถานที่ เส้นทาง และ จยย. รวมทั้งเป้าหมายชัดแล้วว่ามุ่งไปที่ตัวบุคคล พร้อมพบผู้ต้องสงสัยชาวอิหร่านในวงจรปิดอีก 2 ราย ชี้รอให้ผู้ต้องหาขาขาดอาการรับรู้สมบูรณ์ก่อนแจ้งข้อหา ด้านมาเลเซียขอเอกสารเพิ่มเพื่อใช้ส่งตัว “มาซูด”
วานนี้ (29 ก.พ.) เวลา 09.00 น. พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผบช.น. พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รอง ผบช.น. เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) เจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด (EOD) ประชุมความคืบหน้าคดีระเบิด 3 จุดย่านสุขุมวิท 71 เมื่อวันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยใช้เวลาประชุมกว่า 3 ชั่วโมง
พล.ต.อ.ปานศิริเปิดเผยว่า มีผู้เกี่ยวข้องกับคดีระเบิด 3 จุดที่ถูกออกหมายจับเพียง 5 รายเท่านั้น ส่วนผู้ให้การสนับสนุนหรือผู้เกี่ยวข้องรายอื่นๆ นั้น อยู่ระหว่างการสอบสวนเพื่อหาหลักฐานเชื่อมโยง ซึ่งการตรวจพิสูจน์หลักฐานขณะมีความคืบหน้าไปมาก โดยด้านการข่าวได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาลตรวจสอบความเคลื่อนไหวของผู้ต้องหาทั้ง 5 ราย รวมถึงการเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย สถานที่พักในไทย และมีความเกี่ยวข้องกับบุคคลอื่นอีกหรือไม่ ซึ่งบุคคลที่เกี่ยวข้องมีทั้งที่กล้องวงจรปิดสามารถบันทึกได้ และจากการสืบสวนสอนสวน โดยบางคนอาจไม่ใช่ตัวการ แต่อาจให้ความช่วยเหลือด้านอื่นๆ ซึ่งพบว่ามีบุคคลที่เกี่ยวข้องอีก 2 ราย ที่ปรากฏในภาพวงจรปิด ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเร่งรวบรวมพยานหลักฐานให้แน่ชัด ส่วนสติกเกอร์สัญลักษณ์ “SEJEAL” นั้น มอบหมายให้ พล.ต.ท.กฤษฎาดำเนินการสอบสวนหาผู้ที่นำไปติด รวมถึงความหมายของสัญลักษณ์
พล.ต.อ.ปานศิริกล่าวต่อว่า ในส่วนายซาอิด โมราดิ ที่ถูกระเบิดขาขาดนั้น ขณะนี้พนักงานสอบสวนได้เข้าพบแพทย์ผู้ให้การรักษาแล้ว แต่ยังไม่แจ้งข้อกล่าวหาใดๆ เพราะต้องรอให้มีอาการรับรู้สมบูรณ์มากกว่านี้
รอง ผบ.ตร.กล่าวอีกว่า จากการพิจารณาภาพรวมของคดีแล้ว คาดว่าก่อนเกิดเหตุน่าจะมีการเตรียมการทั้งสถานที่ เส้นทาง และจักรยานยนต์ รวมทั้งทราบเป้าหมายชัดเจนแล้วว่ามุ่งไปที่ตัวบุคคล แต่ขอให้ทราบแน่ชัดก่อน โดยมอบหมายให้ ผบช.น.ไปทำการสืบสวนนำไปสู่การออกหมายจับ ส่วนผู้ต้องสงสัยที่ควบคุมตัวจากอาคารนาซ่าเวกัสนั้น ได้ถูกแจ้งข้อกล่าวหาวีซ่าหมดอายุ ซึ่งถูกศาลพิพากษาแล้วให้จำคุก 2 เดือน ปรับ 3,000 บาท และทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ยังคงตรวจสอบอยู่ ซึ่งขณะนี้ทางการมาเลเซียได้ประสานขอเอกสารเพิ่มเติมอีก 2 รายการ เพื่อใช้ในการส่งตัวนายมาซูด เซดากัตซาเดห์ ผู้ต้องหาชาวอิหร่านมาดำเนินคดีในประเทศไทย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่เร่งดำเนินการอยู่
ด้าน พล.ต.ท.วินัยเปิดเผยว่า ส่วนการรักษาความปลอดภัยสถานทูตอิสราเอลนั้น ทางทูตอิสราเอลได้ประสานขอกำลังในการรักษาความปลอดภัยทั้งสถานทูตและแหล่งท่องเที่ยวที่ชาวอิสราเอลอาศัยอยู่ เช่น ที่ถนนข้าวสาร ซึ่งเบื้องต้นได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ไปดูแลแล้ว
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำวันที่ 28 ก.พ.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) และตำรวจสืบสวนสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล (กก.สส.บช.น.) ได้ระดมกำลังค้นหาตัวผู้ต้องสงสัยซึ่งเชื่อว่าทำหน้าที่คุ้มกันให้กับนายนูโรซิ ชายัน อารี อัคบาร์ ผู้ต้องหาชาวอิหร่านตามหมายจับรายที่ 5 ในคดีระเบิด 3 จุด ที่กล้องวงจรปิดสามารถบันทึกภาพไว้ได้ขณะออกจากบ้านเช่าที่เกิดเหตุระเบิดในเช้าวันเกิดเหตุ โดยคาดว่าผู้ต้องสงสัยรายนี้ยังกบดานอยู่ในประเทศไทย เนื่องจากกล้องวงจรปิดของสถานีรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ รามคำแหง และท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ สามารถจับภาพไว้ได้ขณะเดินประกบนายนูโรซิ ชายัน อารี อัคบาร์ตลอดเวลา อีกทั้งยังเป็นผู้ยื่นเอกสารบางอย่างให้กับผู้ต้องสงสัยอีกราย ซึ่งทราบชื่อต่อมาคือ นายเบบูดิ อารี เรซา ชาวอิหร่าน ที่กล้องวงจรปิดสามารถบันทึกไว้ได้เช่นกัน
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่า นายเบบูดิ อารี เรซา เดินทางเข้ามาเมืองไทยในฐานะนักท่องเที่ยวรวม 4 ครั้ง และได้เปิดห้องพักตามโรงแรมหรู 3 แห่ง ประกอบด้วย โรงแรมอินทรา รีเจ้นท์ โฮเต็ล โรงแรมอมารี วอเตอร์เกต และโรงแรมสวิสโซเทล เลอคองคอร์ด ซึ่งแนวทางการสืบสวนเชื่อว่านายเบบูดิ อารี เรซา น่าจะมีความเชื่อมโยงในส่วนของการหาข่าว หรือวางแผนเกี่ยวกับเส้นทางก่อเหตุให้กับกลุ่มผู้ต้องหารายอื่นๆ แต่ไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับการทำระเบิดแต่อย่างใด
วานนี้ (29 ก.พ.) เวลา 09.00 น. พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผบช.น. พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รอง ผบช.น. เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) เจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด (EOD) ประชุมความคืบหน้าคดีระเบิด 3 จุดย่านสุขุมวิท 71 เมื่อวันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยใช้เวลาประชุมกว่า 3 ชั่วโมง
พล.ต.อ.ปานศิริเปิดเผยว่า มีผู้เกี่ยวข้องกับคดีระเบิด 3 จุดที่ถูกออกหมายจับเพียง 5 รายเท่านั้น ส่วนผู้ให้การสนับสนุนหรือผู้เกี่ยวข้องรายอื่นๆ นั้น อยู่ระหว่างการสอบสวนเพื่อหาหลักฐานเชื่อมโยง ซึ่งการตรวจพิสูจน์หลักฐานขณะมีความคืบหน้าไปมาก โดยด้านการข่าวได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาลตรวจสอบความเคลื่อนไหวของผู้ต้องหาทั้ง 5 ราย รวมถึงการเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย สถานที่พักในไทย และมีความเกี่ยวข้องกับบุคคลอื่นอีกหรือไม่ ซึ่งบุคคลที่เกี่ยวข้องมีทั้งที่กล้องวงจรปิดสามารถบันทึกได้ และจากการสืบสวนสอนสวน โดยบางคนอาจไม่ใช่ตัวการ แต่อาจให้ความช่วยเหลือด้านอื่นๆ ซึ่งพบว่ามีบุคคลที่เกี่ยวข้องอีก 2 ราย ที่ปรากฏในภาพวงจรปิด ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเร่งรวบรวมพยานหลักฐานให้แน่ชัด ส่วนสติกเกอร์สัญลักษณ์ “SEJEAL” นั้น มอบหมายให้ พล.ต.ท.กฤษฎาดำเนินการสอบสวนหาผู้ที่นำไปติด รวมถึงความหมายของสัญลักษณ์
พล.ต.อ.ปานศิริกล่าวต่อว่า ในส่วนายซาอิด โมราดิ ที่ถูกระเบิดขาขาดนั้น ขณะนี้พนักงานสอบสวนได้เข้าพบแพทย์ผู้ให้การรักษาแล้ว แต่ยังไม่แจ้งข้อกล่าวหาใดๆ เพราะต้องรอให้มีอาการรับรู้สมบูรณ์มากกว่านี้
รอง ผบ.ตร.กล่าวอีกว่า จากการพิจารณาภาพรวมของคดีแล้ว คาดว่าก่อนเกิดเหตุน่าจะมีการเตรียมการทั้งสถานที่ เส้นทาง และจักรยานยนต์ รวมทั้งทราบเป้าหมายชัดเจนแล้วว่ามุ่งไปที่ตัวบุคคล แต่ขอให้ทราบแน่ชัดก่อน โดยมอบหมายให้ ผบช.น.ไปทำการสืบสวนนำไปสู่การออกหมายจับ ส่วนผู้ต้องสงสัยที่ควบคุมตัวจากอาคารนาซ่าเวกัสนั้น ได้ถูกแจ้งข้อกล่าวหาวีซ่าหมดอายุ ซึ่งถูกศาลพิพากษาแล้วให้จำคุก 2 เดือน ปรับ 3,000 บาท และทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ยังคงตรวจสอบอยู่ ซึ่งขณะนี้ทางการมาเลเซียได้ประสานขอเอกสารเพิ่มเติมอีก 2 รายการ เพื่อใช้ในการส่งตัวนายมาซูด เซดากัตซาเดห์ ผู้ต้องหาชาวอิหร่านมาดำเนินคดีในประเทศไทย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่เร่งดำเนินการอยู่
ด้าน พล.ต.ท.วินัยเปิดเผยว่า ส่วนการรักษาความปลอดภัยสถานทูตอิสราเอลนั้น ทางทูตอิสราเอลได้ประสานขอกำลังในการรักษาความปลอดภัยทั้งสถานทูตและแหล่งท่องเที่ยวที่ชาวอิสราเอลอาศัยอยู่ เช่น ที่ถนนข้าวสาร ซึ่งเบื้องต้นได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ไปดูแลแล้ว
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำวันที่ 28 ก.พ.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) และตำรวจสืบสวนสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล (กก.สส.บช.น.) ได้ระดมกำลังค้นหาตัวผู้ต้องสงสัยซึ่งเชื่อว่าทำหน้าที่คุ้มกันให้กับนายนูโรซิ ชายัน อารี อัคบาร์ ผู้ต้องหาชาวอิหร่านตามหมายจับรายที่ 5 ในคดีระเบิด 3 จุด ที่กล้องวงจรปิดสามารถบันทึกภาพไว้ได้ขณะออกจากบ้านเช่าที่เกิดเหตุระเบิดในเช้าวันเกิดเหตุ โดยคาดว่าผู้ต้องสงสัยรายนี้ยังกบดานอยู่ในประเทศไทย เนื่องจากกล้องวงจรปิดของสถานีรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ รามคำแหง และท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ สามารถจับภาพไว้ได้ขณะเดินประกบนายนูโรซิ ชายัน อารี อัคบาร์ตลอดเวลา อีกทั้งยังเป็นผู้ยื่นเอกสารบางอย่างให้กับผู้ต้องสงสัยอีกราย ซึ่งทราบชื่อต่อมาคือ นายเบบูดิ อารี เรซา ชาวอิหร่าน ที่กล้องวงจรปิดสามารถบันทึกไว้ได้เช่นกัน
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่า นายเบบูดิ อารี เรซา เดินทางเข้ามาเมืองไทยในฐานะนักท่องเที่ยวรวม 4 ครั้ง และได้เปิดห้องพักตามโรงแรมหรู 3 แห่ง ประกอบด้วย โรงแรมอินทรา รีเจ้นท์ โฮเต็ล โรงแรมอมารี วอเตอร์เกต และโรงแรมสวิสโซเทล เลอคองคอร์ด ซึ่งแนวทางการสืบสวนเชื่อว่านายเบบูดิ อารี เรซา น่าจะมีความเชื่อมโยงในส่วนของการหาข่าว หรือวางแผนเกี่ยวกับเส้นทางก่อเหตุให้กับกลุ่มผู้ต้องหารายอื่นๆ แต่ไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับการทำระเบิดแต่อย่างใด
