xs
xsm
sm
md
lg

“เพรียวพันธ์” เผยคุมอิหร่านต้องสงสัยแค่รายเดียว - พร้อมสั่งหาหลักฐานคดีบึ้ม

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร.
“เพรียวพันธ์” เผยคุมตัวผู้ต้องสงสัยชาวอิหร่านแค่รายเดียว ตาม พ.ร.บ.ตรวจคนเข้าเมือง พร้อมตรวจสอบกล้องวงจรปิด หาหลักฐานเอี่ยวคดีบึ้มสุขุมวิท 71 หรือไม่ ส่วนที่เหลือปล่อยตัวไปแล้ว เหตุไม่มีหลักฐานเชื่้อมโยง แต่ส่งเจ้าหน้าที่เฝ้าดูแลใกล้ชิด ปัดอิสราเอลร่วมสังเกตการณ์ ชี้แค่แลกเปลี่ยนข้อมูล ยันไทยเป็นมิตรทุกประเทศ ส่วนข้อมูลมือแปะสติกเกอร์ “SEJEAL” ยังไม่คืบหน้า


ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ วันนี้ (27 ก.พ.) พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร. เปิดเผย ความคืบหน้าคดีระเบิด ซอย สุขุมวิท 71 เมื่อวันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมาว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย 1 ราย คือ นายมาดานี เซเอ็ด เมห์เดด (MR.MADANI SEYED MEHRDED) อายุ 33 ปี เบื้องต้นกำลังสอบสวนอยู่ ว่าจะดำเนินคดีข้อหาเข้าประเทศโดยผิดกฎหมายได้หรือไม่ นอกจากนี้ ตำรวจกำลังเร่งสืบสวนและตรวจสอบหาหลักฐาน ทุกวิถีทาง ทั้งภาพจากกล้องวงจรปิดในโรงแรม แต่ไม่สามารถบอกรายละเอียดได้

พล.ต.อ.เพรียวพันธ์กล่าวว่า ขณะนี้ได้ใช้ พ.ร.บ.ตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งมีระยะเวลาการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยได้ตามกฎหมายอยู่แล้ว และทางเจ้าหน้าที่จะดำเนินการต่างๆ ตามหลักฐานที่ได้รับเพิ่มเติม ส่วนเรื่องที่ผู้ต้องสงสัยคนดังกล่าวมีพฤติกรรมน่าสงสัย อย่างเช่น การไม่ใช้น้ำและใช้ไฟ ตรงนี้ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ตำรวจจะดำเนินการตรวจสอบต่อไป ส่วนเรื่องการตามหาบุคคลที่ติดสติกเกอร์ “SEJEAL” นั้น ทางเจ้าหน้าที่ต้องสืบกันต่อไป เพราะงานการสืบสวนจะตัดประเด็นใดทิ้งไม่ได้ แต่ถ้าประเด็นใดไม่ถูกต้องก็ตัดทิ้งไป แต่เพื่อความไม่ประมาทก็ต้องทำทั้งหมด

พล.ต.อ.เพรียวพันธ์กล่าวยืนยันว่า ประเทศไทยมีความสัมพันธ์อันดีกับทุกประเทศ ไม่ว่าจะเป็นฝั่งไหนก็ตาม และชาวต่างชาติที่มาอยู่ในประเทศไทยก็มีเป็นจำนวนมาก ถ้าคนไหนผิดก็ว่ากันไปตามผิด คนไหนถูกก็ว่ากันตามถูก

เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่ามีเจ้าหน้าที่อิสราเอลเข้ามาร่วมสังเกตการณ์ในคดีระเบิดที่ซอยสุขุมวิท 71 ด้วยนั้น พล.ต.อ.เพรียวพันธ์กล่าวว่า ตรงนี้ไม่มี เพียงแต่ว่ามีการรับฟังข้อมูลเท่านั้น แต่ไม่ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการสืบสวนสอบสวน ส่วนประเทศอื่นๆ ที่เข้ามานั้นเป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลเท่านั้น ยืนยันว่าไม่ได้มีการออกคำสั่งให้เจ้าหน้าที่อิสราเอลมาร่วมกันทำการสืบสวนสอบสวนอย่างแน่นอน

ด้าน พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า ถ้ากระบวนการสืบสวนสอบสวนปรากฏหลักฐานไปถึงบุคคลใด จะมีการแจ้งข้อหาผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ส่วนกรณีการออกหมายจับเพิ่มนั้น ตรงนี้ยังอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน

พล.ต.ต.ปิยะกล่าวว่า ผู้ต้องสงสัย 2 ราย คือ นายราฮิมี ราดิราจ และนางมาห์บุบห์ ทัสเบฮี สองสามีภรรยาชาวอิหร่านที่เป็นคนส่งอาหารให้นายมาดานี นั้น ได้เชิญตัวมาสอบปากคำและเชิญตัวกลับไปแล้ว โดยเบื้องต้นหลักฐานยังไม่เพียงพอ ถ้าหากวันข้างหน้ามีหลักฐานเพิ่มเติมที่มีส่วนเกี่ยวโยงกับเหตุระเบิด ตรงนี้ค่อยว่ากันอีกที

ผู้สื่อข่าวถามว่า ผู้ต้องสงสัยจะหลบหนีออกนอกประเทศหรือไม่ พล.ต.ต.ปิยะกล่าวว่า มีมาตรการในการกำกับดูแลอย่างใกล้ชิดกับกลุ่มผู้ต้องสงสัย ซึ่งรวมถึงชาวอิหร่านทั้งสองคนดังกล่าว รวมถึงบุคคลอื่นๆ ที่อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย

ก.ตร.ศุกร์นี้เปิดตำแหน่งสตม.เพียบ -ชี้ ไม่มีวาระแต่งตั้ง ผบช.ภ.1

นอกจากนี้ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.)ยังกล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ในวันศุกร์ ที่ 2 มี.ค.นี้ ว่า จะมีวาระขอขยายตำแหน่งในหลายหน่วยที่สำคัญ คือ เปิดตำแหน่งระดับรองผู้บังคับการ(รอง ผบก.) จนถึงสารวัตรในสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เพื่อแก้ปัญหาเจ้าหน้าที่ไม่พอ รองรับงานตรวจคนเข้าเมืองตามสนามบินใหญ่ๆ นอกจากนี้จะเปิดตำแหน่งระดับผู้กำกับการ (ผกก.)ในหน่วยอื่นๆอีก 3-4 หน่วย ซึ่ง ก.ตร.ครั้งนี้จะไม่มีการพิจารณาแต่งตั้ง ทดทนตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รองผบช.ก.) แทน พล.ต.ต.ณรงค์ ศิวาพานิช ที่เสียชีวิตแต่อย่างใด เนื่องจากไม่ใช่ตำแหน่งหลักจึงไม่จำเป็นต้องรีบแต่งตั้ง

ผบ.ตร.กล่าวอีกว่า กรณีการตรวจสอบการให้สิทธินับอายุราชการทวีคูณ พล.ต.ต.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผบช.ก. เพื่อเลื่อนขึ้นเป็น ผบช.ภ.1 นั้นยังไม่แล้วเสร็จ และไม่ทันเข้าก.ตร.ครั้งนี้แน่ๆ ตำแหน่ง ผบช.ภ.1 จึงยังแต่งตั้งไม่ได้ โดยเรื่องนี้คณะกรรมการของศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้(ศชต.) ซึ่งเป็นต้นเรื่องที่ให้สิทธิฯ ต้องเป็นผู้สรุปและชี้มาว่าการได้สิทธิทวีคูณนั้นถูกต้องหรือไม่ แล้วจึงจะส่งผ่านมายังตน เพื่อเสนอเข้าให้ที่ประชุม ก.ตร.พิจารณา แต่ที่ผ่านมา ศชต.ไม่ยอมชี้ ล่าสุดตนจึงส่งเรื่องกลับไปแล้วว่า ศชต.ต้องสรุปเรื่องนี้ ไม่ใช่โยนให้ก.ตร. โดยผลจะเป็นอย่างไรก็ต้องสรุปขึ้นมา โดยต้องยึดตามระเบียบกฎหมาย เรื่องนี้ผู้ที่เกี่ยวข้องย่อมรู้ดีแก่ใจว่า ว่าทำถูกหรือผิด
กำลังโหลดความคิดเห็น