วานนี้(29 ก.พ.55) ที่กระทรวงกลาโหม พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงถึงผลการประชุมสภากลาโหมว่า ปัจจุบันสถานการณ์การเมืองมีความพยายามที่จะสร้างความแตกแยกทางความคิด มีการทำลายความเชื่อถือของสถาบันต่างๆ จากกลุ่มบุคคลที่มีความคิดไม่เหมาะสม กองทัพถือได้ว่าเป็นสถาบันหลักของชาติจะต้องมีความหนักแน่น มั่นคง สง่างาม มีความจงรักภักดี ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์และเป็นที่พึ่งของประชาชน ทางพล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ขอให้หน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหมและผู้บัญชาการเหล่าทัพ ได้ติดตามสถานการณ์การเมืองในขณะนี้อย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งแจ้งผู้ใต้บังคับบัญชา อย่าตกเป็นเครื่องมือและหลีกเลี่ยงการเป็นผู้ชี้นำของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด พร้อมทั้งเน้นย้ำให้เห็นถึงท่าทีและความรับผิดชอบของกองทัพที่มีต่อประเทศชาติ
นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการที่พรรคประชาธิปัตย์ประกาศปฏิญญาหาดใหญ่ว่า สื่อมวลชนสามารถรายงานข้อเท็จจริงได้อย่างถูกต้อง ครบถ้วน เที่ยงธรรม ดังนั้นประชาชนจะทราบปฏิญญาหาดใหญ่ เป็นผลได้ผลเสียประการใด หรือเป็นการใส่ร้ายป้ายสีบุคคลหนึ่งบุคคลใดเป็นการเฉพาะ ประชาชนจะแยกออกสาระของเรื่องได้ประโยชน์หรือไม่
นายยงยุทธ ยังกล่าวถึงการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรที่ จ.ภูเก็ต วันที่ 18 - 20 มี.ค. ว่า พรรคเพื่อไทยคงจะไม่ไปอธิบายหรือพูดเรื่องการเมือง เพราะคนใต้มีความเข้าใจเรื่องการเมืองดีอยู่แล้ว ใครจะเก่งเรื่องการเมืองก็พูดไป แต่หน้าที่ของพรรคเพื่อไทยคือจะไปทำให้คนใต้มีรายได้มากขึ้น อาทิ จะมีการจัดงาน "ศิลปาชีพ ประทีปไทย โอท็อป ก้าวไกล ด้วยพระบารมี" ที่จ.ภูเก็ต วันที่ 19 มี.ค. โดยจัดถึง 7 วัน และนำผลงานของคนภาคใต้มาแสดงและขายสินค้าเพื่อสร้างรายได้
ร.ท.หญิงสุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงว่า จากกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ประกาศปฏิญญาหาดใหญ่ 8 ข้อนั้น มีเป้าหมายขัดขวางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทั้งๆ ที่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาด้วยคะแนนสูงถึง 399 เสียง ดังนั้นประชาชนที่เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยจึงส่งจดหมายมาที่คณะกรรมการยุทธศาสตร์และประชาสัมพันธ์เชิงรุกของพรรคเพื่อไทยเพื่อนำเสนอปฏิญญาเขาใหญ่ 8 ข้อถึงพรรคประชาธิปัตย์ที่น่าสนใจคือ 1.ขอให้พรรคประชาธิปัตย์ยุติการพูดเอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น 2.ยุติการเล่นการเมืองน้ำเน่า หันมาเล่นการเมืองแบบสร้างสรรค์ 3.เลิกนำประเด็นเกี่ยวกับสถาบันมาเป็นเครื่องมือทำลายล้างฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง 4.ขอให้ทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างมีคุณภาพมากกว่ามุ่งโจมตีตัวบุคคลด้วยความเท็จ 5.ทำให้คำพูดของนายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี ที่พูดเสมอว่า "ผมเชื่อมั่นในระบอบรัฐสภา" ให้เป็นจริงโดยการเคารพมติของรัฐสภา 6.ยุติการนำประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญไปสร้างความขัดแย้งทางสังคม 7.เลิกหมกมุ่นในการไล่ล่าพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และ8.หยุดดูถูกความคิดประชาชนโดยการกล่าวหาว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นใบสั่งของพ.ต.ท.ทักษิณเพื่อล้มล้างความผิดเรื่องคดี
นางมัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ออกมาโจมตีพรรคประชาธิปัตย์ โดยระบุว่านายชวน หลีกภัย นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่เดินทางไปสัมมนาที่จังหวัดสงขลานั้น มีความพยายามที่จะปลุกกระแสชาตินิยมในภาคใต้ ว่า อยากฝากไปยัง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่าน่าเสียใจที่มีลูกน้องเป็นกระบอกเสียงขาดวุฒิภาวะอย่างร้ายกาจ ขณะที่ นายชวน ยังไม่ได้ทำอะไรให้เลย ซึ่งดูเหมือนมีความพยายามกล่าวหาโหมกระแสนายชวนอย่างชัดเจน ทั้งที่บุคคลที่ก้าวข้ามไม่พ้นเรื่อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเองคือนายจตุพร และนายอนุสรณ์ กลับมาละลาบละล้วงเราแทน
นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยปลุกกระแสใด ๆ แต่พรรคการเมืองอื่นต่างหากที่พยายามบิดเบือน และยัดเยียด แต่ก็ถือว่าเป็นที่น่าสงสารที่ทั้ง 2 คนที่เป็นคนภาคใต้ แต่กลับไม่ได้รับการยอมรับจากคนภาคใต้ด้วยกัน ซึ่งต่อจากนี้ก็คงต้องจับตาดูคณะรัฐมนตรีที่จะไปสัญจรที่จังหวัดภูเก็ต ว่าจะมีการอนุมัติเงินงบประมาณในการพัฒนาพื้นที่เท่ากับภาคเหนือหรือไม่ ซึ่งหากมีการเหลื่อมล้ำกัน ทางรัฐบาลก็ต้องให้คำตอบกับทางสังคม
นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการที่พรรคประชาธิปัตย์ประกาศปฏิญญาหาดใหญ่ว่า สื่อมวลชนสามารถรายงานข้อเท็จจริงได้อย่างถูกต้อง ครบถ้วน เที่ยงธรรม ดังนั้นประชาชนจะทราบปฏิญญาหาดใหญ่ เป็นผลได้ผลเสียประการใด หรือเป็นการใส่ร้ายป้ายสีบุคคลหนึ่งบุคคลใดเป็นการเฉพาะ ประชาชนจะแยกออกสาระของเรื่องได้ประโยชน์หรือไม่
นายยงยุทธ ยังกล่าวถึงการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรที่ จ.ภูเก็ต วันที่ 18 - 20 มี.ค. ว่า พรรคเพื่อไทยคงจะไม่ไปอธิบายหรือพูดเรื่องการเมือง เพราะคนใต้มีความเข้าใจเรื่องการเมืองดีอยู่แล้ว ใครจะเก่งเรื่องการเมืองก็พูดไป แต่หน้าที่ของพรรคเพื่อไทยคือจะไปทำให้คนใต้มีรายได้มากขึ้น อาทิ จะมีการจัดงาน "ศิลปาชีพ ประทีปไทย โอท็อป ก้าวไกล ด้วยพระบารมี" ที่จ.ภูเก็ต วันที่ 19 มี.ค. โดยจัดถึง 7 วัน และนำผลงานของคนภาคใต้มาแสดงและขายสินค้าเพื่อสร้างรายได้
ร.ท.หญิงสุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงว่า จากกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ประกาศปฏิญญาหาดใหญ่ 8 ข้อนั้น มีเป้าหมายขัดขวางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทั้งๆ ที่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาด้วยคะแนนสูงถึง 399 เสียง ดังนั้นประชาชนที่เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยจึงส่งจดหมายมาที่คณะกรรมการยุทธศาสตร์และประชาสัมพันธ์เชิงรุกของพรรคเพื่อไทยเพื่อนำเสนอปฏิญญาเขาใหญ่ 8 ข้อถึงพรรคประชาธิปัตย์ที่น่าสนใจคือ 1.ขอให้พรรคประชาธิปัตย์ยุติการพูดเอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น 2.ยุติการเล่นการเมืองน้ำเน่า หันมาเล่นการเมืองแบบสร้างสรรค์ 3.เลิกนำประเด็นเกี่ยวกับสถาบันมาเป็นเครื่องมือทำลายล้างฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง 4.ขอให้ทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างมีคุณภาพมากกว่ามุ่งโจมตีตัวบุคคลด้วยความเท็จ 5.ทำให้คำพูดของนายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี ที่พูดเสมอว่า "ผมเชื่อมั่นในระบอบรัฐสภา" ให้เป็นจริงโดยการเคารพมติของรัฐสภา 6.ยุติการนำประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญไปสร้างความขัดแย้งทางสังคม 7.เลิกหมกมุ่นในการไล่ล่าพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และ8.หยุดดูถูกความคิดประชาชนโดยการกล่าวหาว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นใบสั่งของพ.ต.ท.ทักษิณเพื่อล้มล้างความผิดเรื่องคดี
นางมัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ออกมาโจมตีพรรคประชาธิปัตย์ โดยระบุว่านายชวน หลีกภัย นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่เดินทางไปสัมมนาที่จังหวัดสงขลานั้น มีความพยายามที่จะปลุกกระแสชาตินิยมในภาคใต้ ว่า อยากฝากไปยัง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่าน่าเสียใจที่มีลูกน้องเป็นกระบอกเสียงขาดวุฒิภาวะอย่างร้ายกาจ ขณะที่ นายชวน ยังไม่ได้ทำอะไรให้เลย ซึ่งดูเหมือนมีความพยายามกล่าวหาโหมกระแสนายชวนอย่างชัดเจน ทั้งที่บุคคลที่ก้าวข้ามไม่พ้นเรื่อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเองคือนายจตุพร และนายอนุสรณ์ กลับมาละลาบละล้วงเราแทน
นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยปลุกกระแสใด ๆ แต่พรรคการเมืองอื่นต่างหากที่พยายามบิดเบือน และยัดเยียด แต่ก็ถือว่าเป็นที่น่าสงสารที่ทั้ง 2 คนที่เป็นคนภาคใต้ แต่กลับไม่ได้รับการยอมรับจากคนภาคใต้ด้วยกัน ซึ่งต่อจากนี้ก็คงต้องจับตาดูคณะรัฐมนตรีที่จะไปสัญจรที่จังหวัดภูเก็ต ว่าจะมีการอนุมัติเงินงบประมาณในการพัฒนาพื้นที่เท่ากับภาคเหนือหรือไม่ ซึ่งหากมีการเหลื่อมล้ำกัน ทางรัฐบาลก็ต้องให้คำตอบกับทางสังคม