xs
xsm
sm
md
lg

สหบาทาจองกฐินร่วมต้าน ร่างรัฐธรรมนูญฉบับ“คนเมา”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เมื่อรัฐธรรมนูญฉบับ “คนเมา”ร่างเพื่อนักโทษ เริ่มกระบวนการนับ 1 หลังผ่านการรุมโทรมรอบแรกจาก 399 ส.ส.และส.ว.ทาสแม้วไปแล้ว ดูเหมือนจะทำให้สังคมเกิดอาการตื่นรู้ขึ้นมาอย่างกะทันหัน
จากที่แต่ละภาคส่วนอยู่ในอาการนอนหลับไม่รู้นอนคู้ไม่เห็น ก็เริ่มขยับผงกหัวจากการถูกกดหัวของ 15 ล้านเสียงที่พรรคเพื่อไทยนำมาข่มขู่คนไทยอีก 50 ล้านคนอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
ศาลยุติธรรมเตรียมตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาคู่ขนานไปกับการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ เพื่อจับจ้องมิให้กลุ่มคนมัวเมาอำนาจหักหาญลดทอนอำนาจตุลาการ ทำลายระบบการถ่วงดุล
ศาลปกครองแถลงใหญ่ไปแล้วเมื่อวานนี้(29ก.พ.) หลังจากท่านหัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล ประธานศาลปกครองเคยปรารภฟ้องสังคมมาแล้วครั้งหนึ่งในช่วงปีใหม่ที่ผ่านมาว่า มีกลุ่มคนจ้องล้มศาลปกครอง
ส่วนประธานศาลรัฐธรรมนูญ ก็ไม่รีรอที่จะกระแทกตรงไปถึง “รัฐบาลไพร่”ที่เทิดทูนบูชารัฐธรรมนูญปี 2540 แบบสุดลิ่มทิ่มประตูมาตลอดการเคลื่อนไหวล้มรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ โดยเชิดชูว่่าเป็นรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนที่ดีทีที่สุด แล้วเหตุใด นาย วัฒนา เมืองสุข ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย จึงคิดยุบศาลรัฐธรรมนูญและศาลปกครองทิ้งเสียเล่า
ทั้งหมดทั้งมวลต้องบอกว่า ธงแม้วโบกสะบัดมาตั้งแต่ใช้ “กองกำลังแดง”ตามราวีศาล บั่นทอนความน่าเชื่อถือของกระบวนการยุติธรรมลงทีละเล็กละน้อย แบบตอกย้ำข้อมูลจนคนกลุ่มหนึ่งหลงเชื่อวาทกรรม “สองมาตรฐาน” เพราะสื่อไร้สำนึกกระโดดเข้าร่วมขบวนการปั่นหัวคนไทยหวังเปลียนแปลงโครงสร้างการบริหารประเทศ จนชาติเข้าใกล้ภาวะอับจนตีบตันทางออกมากขึ้นทุกวัน
ที่น่าแปลกใจคือ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ที่เทียบชั้น "กูเกิ้ล" รู้ทุกเรื่องมาโดยตลอด อาจจะยังไม่หายจากอาการก้านหูอักเสบ เลยงดออกความเห็นเกี่ยวกับการยุบศาลรัฐธรรมนูญและศาลปกครองตามแนวคิดของ “วัฒนา” อ้างว่าไม่อยากขัดใจเพื่อนร่วมพรรค
ความจริง “เหลิม” ควรพูดให้ชัดไปเลยว่า ไม่อยากขัดใจสายตรงดูไบอย่าง วัฒนา เมืองสุข จะดูเป็นลูกผู้ชายใจนักเลงมากกว่า ที่จะเป็น “อีแอบ”ผลักหลังคนอื่นออกมาเป็นทัพหน้า
เพราะแม้ “เหลิม” จะพยายามแอ๊บว่า รัฐธรรมนูญฉบับ“คนเมา” ที่กำลังจะร่างกันขึ้นมาใหม่ เป็นอำนาจหน้าที่ของ ส.ส.ร.ที่มีความเป็นอิสระนั้น ใครเชื่อก็คงเป็นโรคก้านหูอักเสบติดต่อกันทั้งเมือง หรือเรียกง่าย ๆ ว่า “ไม่บ้าก็เมา” นั่นแหละ
อย่าลืมว่า พฤติกรรมในอดีตย่อมเป็นเครื่องบ่งชี้ถึงการกระทำในอนาคตด้วย “เหลิม” อาจไม่ได้ป่วยแค่ก้านหูอักเสบ แต่ก้านสมองด้านความทรงจำอาจได้รับการกระทบกระเทือนจากแรงเสียดทานในวัน “เมารัก” ที่โดน รังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์ ถลกหนังกลางสภาจนมีสภาพไม่ต่างจากลุงขี้เมาที่เข้าไปป่วนในสภา
“เหลิม” อาจความจำดับเหมือนที่เคยอ้างว่าเป็นโรคหูดับ ทำให้ลืมไปว่าในช่วงที่ศาลรัฐธรรมนูญมีการตัดสินให้พรรคประชาธิปัตย์รอดพ้นจากคดียุบพรรคนั้น เจ้าตัวได้เคยสำรอกป้ายสีกระบวนการยุติธรรมและระบบถ่วงดุลตามรัฐธรรมนูญไว้อย่างไร
ในขณะดำรงตำแหน่ง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย “เหลิม” ปักธงชัดเจนว่า ศาลรัฐธรรมนูญ ไม่เป็นไปตามหลักนิติรัฐและนิติธรรม พร้อมเสนอยุบศาลคู่ทั้งหมด อาทิ ศาลรัฐธรรมนูญ และศาลปกครอง กลับมาเป็นระบบศาลเดี่ยว คงเหลือไว้เพียงแค่ศาลยุติธรรมเท่านั้น
ไม่เพียงเท่านั้น “เหลิม” ยังกร่างถึงขั้นขู่จะยุบ ปปช.ในวันที่เพิ่งเข้าเถลิงอำนาจในตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรีใหม่ ๆ ด้วย
ดังนั้น การคาบดอกพิกุลหุบปากไม่ออกความเห็นในวันนี้ มิอาจที่จะซ่อนเร้นเจตนาชั่วร้ายที่ปรากฏให้เห็นออกมาก่อนหน้านี้ได้
เพราะทุกองคาพยพของพรรคเพื่อไทยพูดชัดตั้งแต่หัวจนถึงหาง ไม่ว่าจะเป็น “เหลิม” ไปจนถึง“คางคกตู่”นาย จตุพร พรหมพันธ์ ที่รอเสียบตำแหน่งรัฐมนตรีตามคำหวานของนักโทษชายกลางเวทีแดงที่โบนันซ่า
รัฐธรรมนูญฉบับ “คนเมา” จึงจ้องที่จะปล้นอำนาจตุลาการ ทำลายระบบยุติธรรมให้อ่อนแอ เพิ่มความแข็งแกร่งให้ฝ่ายบริหารให้มีอำนาจล้นฟ้าอยู่เหนือการตรวจสอบทั้งมวล เนื่องจากนักโทษชายที่ดูไบมั่นใจนักหนาว่า ยึดกุมเสียงรากหญ้าในภาคอีสานและเหนือไว้ได้อย่างเหนียวแน่น แข็งแรงพอที่จะเป็นฐานทางการเมืองให้ได้รับชัยชนะทุกครั้งที่มีการเลือกตั้ง
ความคิดล้มล้างอำนาจตุลาการ ทำลายองค์กรอิสระที่ “นักโทษคิด เพื่อไทยทำ ยิ่งลักษณ์ท่อง”นั้น อาจไม่ง่ายดั่งที่ตั้งความหวังไว้ เพราะวันนี้ความเคลื่อนไหวอันเหิมเกริมของนักโทษที่แสดงตนชัดเจนว่ายึดกุมอำนาจการบริหารประเทศนี้ไว้แต่เพียงผู้เดียว ได้ดึงดูดให้ผู้คนจากทุกภาคส่วนมาร่วมจองกฐินเช็คบิลทรราชย์อย่างท่วมท้น
ไม่เว้นแม้กระทั่ง นาย สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล นักวิชาการหัวโตที่กำลังอกหักรักคุดอย่างรุนแรงจากการตระบัดสัตย์ไม่ปฏิบัติตามสัญญาของนักโทษในกรณีการแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 ถึงขั้นโพสต์ข้อความเป็นภาพปก (Cover) ในเฟซบุ๊ก “สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล” เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยยกข้อความจากเว็บไซต์วิกิลีกส์ ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ บอกกับทูตสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 21ต.ค.2551 จากโทรเลขวิกิลีกส์ 08BANGKOK3191 ด้วยประโยคที่ว่า
“หนึ่งในวาระของผม ... คือ ความจำเป็นจะต้องยกเลิกมาตราหมิ่นพระบรมเดชานุภาพออกจากกฎหมายอาญา ประเทศไทยไม่สามารถอ้างได้ว่าเป็นประเทศประชาธิปไตย ตราบเท่าที่ยังมีการคุกคามการดำเนินคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ”
มาทวงถามสัญญาจากนักโทษชายทักษิณที่พร้อมแสดงอาการรันทดสิ้นหวังหรืออาจถึงขั้นหดหู่จากชะตากรรมของคนอุดมการณ์ซ้ายจัด ที่หลงมาถือหางทุนสามานย์หวังจับมือล้มล้างสถาบัน จนลืมไปว่า “ไม่เคยมีสัจจะในหมู่โจร”
สุชาติ นาคบางไทร สมยศ พฤกษาเกษมสุข และ สุรชัย แซ่ด่าน ก็เลยต้องนอนคุกไปพลาง ๆ ก่อน และไม่แน่ว่าอาจต้องกินข้าวแดงยาวโดยไม่มีสิทธิ์ได้รับการนิรโทษกรรมผ่าน พรบ.ปรองดองของร.ต.อ.เหลิม ด้วยซ้ำ
คนรักษาคบเพลิงที่ร่วมกันจุดตั้งแต่เวทีสนามหลวงลากสถาบันลงมาสู่ความัดแย้ง ขย่มทหาร วันนี้กำลังเป็นแนวร่วมมุมกลับ หันคบเพลิงไปเผาผลาญทุนสามานย์ตัวพ่อแบบไม่ไว้ไมตรี
สหบาทากำลังรวมกันเป็นกลุ่มเป็นก้อน เพื่อยืนยันให้นักโทษรู้ว่าแผ่นดินไทยไม่มีที่ยืนสำหรับทรราชย์
กำลังโหลดความคิดเห็น