เอเอฟพี – ชาติอุตสาหกรรมชั้นนำและประเทศเศรษฐกิจตลาดเกิดใหม่รายใหญ่ในกลุ่มจี20 ออกมาจี้ยุโรปขยายขนาดกองทุนต่อสู้วิกฤตหนี้ของตัวเองก่อน จากนั้นประเทศอื่นๆ จึงจะยื่นมือช่วยเหลือผ่านการอัดฉีดเงินเข้าไอเอ็มเอฟ ทั้งนี้คาดการณ์กันว่าเดือนหน้ายุโรปจะได้ข้อสรุปในเรื่องนี้
คำแถลงที่ออกมาเมื่อวันอาทิตย์ (26) ภายหลังการประชุมที่กรุงเม็กซิโกซิตีเป็นเวลา 2 วันของรัฐมนตรีคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางกลุ่มจี 20 ระบุว่า ประเทศยูโรโซนจะทบทวนความเข้มแข็งของกองทุนสนับสนุนเสถียรภาพของพวกตนในเดือนหน้า ซึ่งจะเป็นข้อมูลสำคัญเพื่อให้จี 20 พิจารณาเพิ่มทรัพยากรให้แก่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ)
เสียงเรียกร้องให้ยูโรโซนเพิ่มความเข้มแข็งให้ปราการปกป้องตนเอง ดังกระหึ่มที่ประชุมในเม็กซิโกซิตี้ โดยผู้เข้าร่วมประชุมหลายคน เป็นต้นว่า ทิโมธี ไกธ์เนอร์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ บอกว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องจำเป็นในการป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจโลกตกต่ำมากกว่าที่เป็นอยู่ ถึงแม้จะเป็นขั้นตอนที่ยากลำบากมากสำหรับยุโรปก็ตาม
บรรดาผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) มีกำหนดประชุมสุดยอดกันที่กรุงบรัสเซลส์เป็นเวลา 2 วันอยู่แล้ว โดยเริ่มต้นในวันพฤหัสบดี (1 มี.ค.) นี้ โดยวาระสำคัญเรื่องหนึ่งจะเป็นการหารือว่าจะรวมกองทุนปัจจุบันคือ กองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (อีเอฟเอสเอฟ) กับกองทุนถาวรที่จะเริ่มมีผลในเดือนกรกฎาคมหรือไม่ ซึ่งหากรวมจะทำให้ยูโรโซนมีกองทุนช่วยเหลือฉุกเฉินมูลค่า 750,000 ล้านยูโร (1 ล้านล้านดอลลาร์)
ออลลี เรห์น เจ้าหน้าที่เศรษฐกิจอาวุโสของยุโรป กล่าวว่า ผู้นำอียูจะตัดสินใจเสริมสร้างกองทุนภายในเดือนมีนาคม ซึ่งเท่ากับเป็นการไม่ผูกมัดตัวเองว่า จะต้องมีข้อตกลงออกมาในการประชุมปลายสัปดาห์นี้
นอกจากนี้ ยูโรโซนยังเรียกร้องให้ประเทศอื่นๆ เพิ่มการอุดหนุนทรัพยากรให้แก่ไอเอ็มเอฟ เพื่อให้โลกมีกองทุนรับวิกฤตกองโตยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ คริสติน ลาการ์ด กรรมการผู้จัดการไอเอ็มเอฟ กล่าวไว้ว่า ไอเอ็มเอฟต้องการเงินทุนอีก 500,000 ล้านดอลลาร์ แต่ตัวเลขนี้สามารถยืดหยุ่นได้
สำหรับเรื่องนี้ คำแถลงของ จี 20 คราวนี้บอกว่า จะหารือในการประชุมระดับรัฐมนตรีครั้งต่อไปในเดือนเมษายน โดยอากัสติน คาร์สเตนส์ ผู้ว่าการแบงก์ชาติเม็กซิโก ในฐานะผู้นำจี 20 วาระปัจจุบัน กล่าวว่าจะมีการตกลงกันหลังฉากเกี่ยวกับตัวเลขที่แน่นอน
ยูโรโซนนั้นให้สัญญาว่า จะอัดฉีดเงินให้ไอเอ็มเอฟ 150,000 ล้านยูโร เพื่อฟื้นความมั่นใจของตลาดว่าตนมีทรัพยากรในการจัดการกับวิกฤตได้ ทว่า ประเทศนอกกลุ่ม อาทิ สหรัฐฯ อังกฤษ ญี่ปุ่น และจีน ยืนกรานในที่ประชุมจี 20 ว่า ยูโรโซนต้องควักเงินออกมาให้เห็นก่อน
ประเด็นติดขัดสำคัญในการขยายกองทุนยูโรโซนยังคงเป็นเยอรมนี ประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดและเป็นมหาอำนาจทางการเมืองในกลุ่ม
วูล์ฟกัง ชะออยเบิล รัฐมนตรีคลังเมืองเบียร์ กล่าวไม่ปิดบังว่า เบอร์ลินคัดค้านการอัดฉีดเงินสดเพิ่ม เนื่องจากไม่มีเหตุผลสมควรทางเศรษฐกิจ กระนั้น เขาตั้งข้อสังเกตว่า การตัดสินใจในเดือนมีนาคม “เหมาะสมกับเวลา” เนื่องจากไอเอ็มเอฟจะหารือเรื่องการเพิ่มกองทุนในเดือนเมษายน
เจ้าหน้าที่อาวุโสของจี 20 เสริมว่า ยุโรประวังมากในการจัดการลำดับขั้นที่จำเป็น เพื่อให้กองทุนยูโรโซนผนวกกับกองทุนจากไอเอ็มเอฟ ในลักษณะของการก้าวไปพร้อมๆ กัน
ในคำแถลงของจี 20 คราวนี้ ไม่ใช่เพียงมุ่งกดดันยุโรปเท่านั้น หากยังแสดงความชื่นชมมาตรการที่ยุโรปดำเนินไปแล้ว โดยเฉพาะการตกลงเงินกู้ก้อนที่ 2 ให้กรีซ
แม้วิกฤตผ่อนคลายฤทธิ์เดชลงในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา แต่จี 20 เตือนว่า อัตราเติบโตสำหรับเศรษฐกิจโลกในปีปัจจุบัน น่าจะอยู่ในระดับพอประมาณเท่านั้น ขณะที่ยังมีความเสี่ยงขาลงสูง รวมทั้งความเสี่ยงจากภาวะน้ำมันแพงก็ยังน่าวิตก
คำแถลงที่ออกมาเมื่อวันอาทิตย์ (26) ภายหลังการประชุมที่กรุงเม็กซิโกซิตีเป็นเวลา 2 วันของรัฐมนตรีคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางกลุ่มจี 20 ระบุว่า ประเทศยูโรโซนจะทบทวนความเข้มแข็งของกองทุนสนับสนุนเสถียรภาพของพวกตนในเดือนหน้า ซึ่งจะเป็นข้อมูลสำคัญเพื่อให้จี 20 พิจารณาเพิ่มทรัพยากรให้แก่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ)
เสียงเรียกร้องให้ยูโรโซนเพิ่มความเข้มแข็งให้ปราการปกป้องตนเอง ดังกระหึ่มที่ประชุมในเม็กซิโกซิตี้ โดยผู้เข้าร่วมประชุมหลายคน เป็นต้นว่า ทิโมธี ไกธ์เนอร์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ บอกว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องจำเป็นในการป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจโลกตกต่ำมากกว่าที่เป็นอยู่ ถึงแม้จะเป็นขั้นตอนที่ยากลำบากมากสำหรับยุโรปก็ตาม
บรรดาผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) มีกำหนดประชุมสุดยอดกันที่กรุงบรัสเซลส์เป็นเวลา 2 วันอยู่แล้ว โดยเริ่มต้นในวันพฤหัสบดี (1 มี.ค.) นี้ โดยวาระสำคัญเรื่องหนึ่งจะเป็นการหารือว่าจะรวมกองทุนปัจจุบันคือ กองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (อีเอฟเอสเอฟ) กับกองทุนถาวรที่จะเริ่มมีผลในเดือนกรกฎาคมหรือไม่ ซึ่งหากรวมจะทำให้ยูโรโซนมีกองทุนช่วยเหลือฉุกเฉินมูลค่า 750,000 ล้านยูโร (1 ล้านล้านดอลลาร์)
ออลลี เรห์น เจ้าหน้าที่เศรษฐกิจอาวุโสของยุโรป กล่าวว่า ผู้นำอียูจะตัดสินใจเสริมสร้างกองทุนภายในเดือนมีนาคม ซึ่งเท่ากับเป็นการไม่ผูกมัดตัวเองว่า จะต้องมีข้อตกลงออกมาในการประชุมปลายสัปดาห์นี้
นอกจากนี้ ยูโรโซนยังเรียกร้องให้ประเทศอื่นๆ เพิ่มการอุดหนุนทรัพยากรให้แก่ไอเอ็มเอฟ เพื่อให้โลกมีกองทุนรับวิกฤตกองโตยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ คริสติน ลาการ์ด กรรมการผู้จัดการไอเอ็มเอฟ กล่าวไว้ว่า ไอเอ็มเอฟต้องการเงินทุนอีก 500,000 ล้านดอลลาร์ แต่ตัวเลขนี้สามารถยืดหยุ่นได้
สำหรับเรื่องนี้ คำแถลงของ จี 20 คราวนี้บอกว่า จะหารือในการประชุมระดับรัฐมนตรีครั้งต่อไปในเดือนเมษายน โดยอากัสติน คาร์สเตนส์ ผู้ว่าการแบงก์ชาติเม็กซิโก ในฐานะผู้นำจี 20 วาระปัจจุบัน กล่าวว่าจะมีการตกลงกันหลังฉากเกี่ยวกับตัวเลขที่แน่นอน
ยูโรโซนนั้นให้สัญญาว่า จะอัดฉีดเงินให้ไอเอ็มเอฟ 150,000 ล้านยูโร เพื่อฟื้นความมั่นใจของตลาดว่าตนมีทรัพยากรในการจัดการกับวิกฤตได้ ทว่า ประเทศนอกกลุ่ม อาทิ สหรัฐฯ อังกฤษ ญี่ปุ่น และจีน ยืนกรานในที่ประชุมจี 20 ว่า ยูโรโซนต้องควักเงินออกมาให้เห็นก่อน
ประเด็นติดขัดสำคัญในการขยายกองทุนยูโรโซนยังคงเป็นเยอรมนี ประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดและเป็นมหาอำนาจทางการเมืองในกลุ่ม
วูล์ฟกัง ชะออยเบิล รัฐมนตรีคลังเมืองเบียร์ กล่าวไม่ปิดบังว่า เบอร์ลินคัดค้านการอัดฉีดเงินสดเพิ่ม เนื่องจากไม่มีเหตุผลสมควรทางเศรษฐกิจ กระนั้น เขาตั้งข้อสังเกตว่า การตัดสินใจในเดือนมีนาคม “เหมาะสมกับเวลา” เนื่องจากไอเอ็มเอฟจะหารือเรื่องการเพิ่มกองทุนในเดือนเมษายน
เจ้าหน้าที่อาวุโสของจี 20 เสริมว่า ยุโรประวังมากในการจัดการลำดับขั้นที่จำเป็น เพื่อให้กองทุนยูโรโซนผนวกกับกองทุนจากไอเอ็มเอฟ ในลักษณะของการก้าวไปพร้อมๆ กัน
ในคำแถลงของจี 20 คราวนี้ ไม่ใช่เพียงมุ่งกดดันยุโรปเท่านั้น หากยังแสดงความชื่นชมมาตรการที่ยุโรปดำเนินไปแล้ว โดยเฉพาะการตกลงเงินกู้ก้อนที่ 2 ให้กรีซ
แม้วิกฤตผ่อนคลายฤทธิ์เดชลงในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา แต่จี 20 เตือนว่า อัตราเติบโตสำหรับเศรษฐกิจโลกในปีปัจจุบัน น่าจะอยู่ในระดับพอประมาณเท่านั้น ขณะที่ยังมีความเสี่ยงขาลงสูง รวมทั้งความเสี่ยงจากภาวะน้ำมันแพงก็ยังน่าวิตก
