วานนี้ ( 24 ก.พ.) พ.ต.อ.ประเวศน์ มูลประมุข รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ( ดีเอสไอ ) ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวน การกระทำความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งรัฐ (คดีล้มเจ้า) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการสอบสวนคดีดังกล่าวว่า อยู่ระหว่างรอการเข้าให้ข้อมูลจากฝ่ายทหาร 4 ปาก ที่ขอเลื่อนไปเป็นวันที่ 6 มี.ค.นี้ โดยข้อมูลสำคัญที่ ดีเอสไอ ต้องการคือ ที่มาที่ไปแผนผังล้มเจ้าของ ศอฉ. เนื่องจากยังไม่มีผู้ใดสามารถระบุถึงผู้จัดทำแผนผังล้มเจ้าได้ แม้แต่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตผอ.ศอฉ. ซึ่งมีหนังสือตอบกลับ ดีเอสไอ เกี่ยวกับข้อซักถามที่มาแผนผังว่า เป็นการจัดทำขึ้นโดยหน่วยข่าวหลายหน่วยงาน ก่อนเสนอเข้าที่ประชุม ศอฉ. แต่ไม่สามารถระบุตัวผู้จัดทำได้
ส่วนกลุ่มบุคคลที่ปรากฏรายชื่อในแผนผัง มีพฤติกรรมกระทำความผิดที่ไหน อย่างไร นายสุเทพ ขอให้เป็นหน้าที่พนักงานสอบสวน ไปหาข้อมูล ทั้งนี้ ข้อมูลที่ได้จากนายสุเทพ ถือว่าไม่ต่างจากที่นายถวิล เปลี่ยนศรี อดีตเลขานุการ ศอฉ. เคยเข้าให้ข้อมูลกับดีเอสไอ ไว้ก่อนหน้านี้คือไม่สามารถชี้ชัดถึงการกระทำความผิดตามข้อกล่าวหา
พ.ต.อ.ประเวศน์ กล่าวต่อว่าหากศอฉ.ในฐานะผู้ร้อง ไม่สามารถให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ตามข้อกล่าวหาได้ ตามประมวลกฎหมายวิธิพิจารณาความอาญา (ป.วิอาญา) จะถือว่าข้อกล่าวหายังไม่สมบูรณ์ ส่งผลให้พนักงานสอบสวนสามารถใช้ดุลยพินิจ สรุปความเห็นสั่งไม่ฟ้อง ส่งให้อัยการ หากอัยการเห็นตาม ก็ถือว่าคดียุติ แต่หากเห็นต่าง ก็สามารถสั่งให้ ดีเอสไอกลับไปสอบเพิ่มเติมได้
" คดีนี้ถือว่า ศอฉ.เป็นผู้ร้องเรียนเข้ามา ดังนั้นหากไม่สามารถยืนยันข้อเท็จจริงการจัดทำแผนผังและตัวบุคคลได้ คดีก็ไม่สามารถเดินหน้าได้ต่อ เพราะข้อกล่าวหาในคดี ไม่มีความชัดเจน ขณะนี้ถือว่าใช้เวลาในการสอบสวนมานานกว่า 1 ปีแล้ว ถึงเวลาที่ต้องหาข้อยุติ เมื่อไม่ปรากฏข้อกล่าวหาว่าบุคคลเหล่านี้ ไปกระทำผิดที่ไหน เมื่อไหร่ ตาม ป.วิอาญา ถือว่าข้อกล่าวหายังไม่สมบูรณ์ ไม่มีข้อมูลไปดำเนินคดี ก็อาจจำเป็นต้องสรุปความเห็นสั่งไม่ฟ้อง" พ.ต.อ.ประเวศน์ กล่าว
** มท.เพิ่งตื่น สั่งผู้ว่าฯ-นอภ.ดูแลเข้ม
นายประชา เตรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย และโฆษกกระทรวงมหาดไทย
กล่าวถึงการติดตามดูกลุ่มบุคคลที่มีพฤติกรรมจ้องทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ ใน 9 จังหวัด คือ เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา นครสวรรค์ อุดรธานี หนองบัวลำภู เลย สงขลา และ กรุงเทพมหานคร ว่า ทุกประเทศมีวัฒนธรรมแตกต่างกัน อาจมีกลุ่มสายเลือดใหม่ที่อยู่เมืองนอกมานาน ซึมซับระบบประชาธิปไตยจ๋า แต่ประเทศไทยในประวัติศาสตร์ ระบบการรวมเป็นชาติ มาจากสถาบันพระมหากษัตริย์ ตั้งแต่สมัยพ่อขุนรามคำแหง
ดังนั้นสถาบันกษัตริย์ไม่ได้ทำความเดือดร้อนให้กับประชาชนเลย การที่บางจังหวัดปล่อยให้มีกลุ่มจ้องทำลายสถาบันฯ เกิดขึ้น จึงได้กำชับไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด และนายอำเภอแล้ว เพราะเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ผู้ที่มีความคิดนี้ ถือว่าอกตัญญูต่อแผ่นดิน
ทั้งนี้ ปลัดกระทรวงมหาดไทย จะลงไปกำกับดูแลเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดในพื้นที่ข้างต้น เชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่เข้าใจ และซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ คงมีพลเมืองอกตัญญูที่ไม่น่าจะถึง1 % จึงต้องสร้างความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชน เช่น ผ่านทางวิทยุชุมชน หอกระจ่ายข่าวหมู่บ้าน
"คนกลุ่มนี้ คงเป็นพวกนักเรียนนอก หรือไม่ก็นักเรียนไทยหัวนอก แต่ไม่เป็นไร เราก็ต้องสร้างความเข้าใจ อาจเป็นคนรุ่นใหม่ที่ยังไม่เคยเห็นพระราชกรณียกิจ ที่ผ่านมาอาจปล่อยปละละเลยเกินไป การเข้าถึงสื่อมีหลากหลาย โดยเฉพาะสื่อออนไลน์ ที่โพสต์กันหลากหลาย" นายประชา กล่าว
** มท.1 ยันไม่มีแก๊งล้มเจ้ามีแต่คนบ้า
ขณะที่ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย กล่าวว่า เรื่องกลุ่มล้มล้างสถาบันฯ ยืนยันหัวเด็ดตีนขาดว่าไม่มีเลย กระทรวงมหาดไทย มีเครือข่ายทุกหย่อมหญ้าถึงระดับตำบล และตนก็เพิ่งเดินทางกลับจากไปประชุมครม.สัญจร ที่ จ.อุดรธานี และขณะนี้ก็ยังไม่มีใครมายื่นเรื่องขอให้ตรวจสอบ คน 63 ล้านคน ถ้าจะมีคนบ้าๆ บอๆ ไม่สบาย ไม่สมประกอบสักคนหนึ่ง ออกมาพูด แล้วก็ขยายกันต่อ ยืนยันว่าไม่มี ขอให้เลิกคิด เลิกถามได้เลย เพราะเรื่องความไม่จงรักภักดีไม่มีอยู่ในศีรษะของคนปกติหรอก แต่คนไม่ปกติ เราก็ไม่ทราบ "ผมในฐานะ รมว.มหาดไทย เคยเป็นปลัดกระทรวงมหาดไทย เคยเป็นผู้ว่าฯมาก่อน บอกได้เลยว่า เรื่องนี้ไม่มี เครือข่ายของกระทรวงมหาดไทยมีทุกหย่อมหญ้า ตั้งแต่ระดับหมู่บ้าน เรามีข้อมูลทุกตารางนิ้วของประเทศไทย ไม่เคยได้ยินข่าวพวกนี้ อย่าได้พยายามสร้างกระแสความขัดแย้ง สร้างความคิดนี้ขึ้นมา เพราะมันไม่มี กระทรวงมหาดไทย ได้ตรวจเช็คอยู่แล้ว ถามไปก็ไม่มี ผมออกไปต่างจังหวัด ก็ไม่เคยมีใครมาให้ข้อมูลเรื่องนี้เลย มีแต่ความจงรักภักดี ซึ่งก็ทราบข่าวดีมาว่า พระองค์ทรงมีพลานามัยแข็งแรงขึ้น เป็นข่าวดีของพสกนิกร" รมว.มหาดไทย กล่าว
เมื่อถามว่า ตั้งแต่ช่วงที่บ้านเมืองเกิดความวุ่นวายในปี 2552-2553 ที่ผ่านมา มีการโจมตีว่า มีบางกลุ่มจะล้มล้างสถาบันฯ นายยงยุทธ กล่าวว่า แล้วมีหรือไม่ ดูจากการที่พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี มางานรักเมืองไทย เดินหน้าประเทศไทย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรฯ ยังมาต้อนรับ ทั้งนายขวัญชัย ไพรพนา นพ.เหวง โตจิราการ นางธิดา ถาวรเศรษฐ์ ก็พูดเป็นเสียงเดียวกันหมดแล้วว่า เรื่องพวกนี้ไม่มี
เมื่อถามว่า มองว่าบางกลุ่มชูประเด็นนี้ขึ้นมาไปโยงกับการต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ กลัวจะไปแตะหมวดพระมหากษัตริย์ นายยงยุทธ กล่าวว่า "ก็ลองไปแตะดูเถอะ เขาจะพูดก็พูดไป แต่เราก็ยืนยันว่าเราไม่แตะ ใครก็ตามที่ลองไปแตะดู จะไม่มีแผ่นดินจะอยู่ และผมคิดว่า คนที่มาแตะก็ไม่มีด้วย ประเด็นพวกนี้สื่อไม่ต้องมาถามพรรคเพื่อไทยแล้ว เสียเวลา คุยเรื่องอื่นดีกว่า เพราะไม่มีอยู่ในความคิด"
ส่วนกลุ่มบุคคลที่ปรากฏรายชื่อในแผนผัง มีพฤติกรรมกระทำความผิดที่ไหน อย่างไร นายสุเทพ ขอให้เป็นหน้าที่พนักงานสอบสวน ไปหาข้อมูล ทั้งนี้ ข้อมูลที่ได้จากนายสุเทพ ถือว่าไม่ต่างจากที่นายถวิล เปลี่ยนศรี อดีตเลขานุการ ศอฉ. เคยเข้าให้ข้อมูลกับดีเอสไอ ไว้ก่อนหน้านี้คือไม่สามารถชี้ชัดถึงการกระทำความผิดตามข้อกล่าวหา
พ.ต.อ.ประเวศน์ กล่าวต่อว่าหากศอฉ.ในฐานะผู้ร้อง ไม่สามารถให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ตามข้อกล่าวหาได้ ตามประมวลกฎหมายวิธิพิจารณาความอาญา (ป.วิอาญา) จะถือว่าข้อกล่าวหายังไม่สมบูรณ์ ส่งผลให้พนักงานสอบสวนสามารถใช้ดุลยพินิจ สรุปความเห็นสั่งไม่ฟ้อง ส่งให้อัยการ หากอัยการเห็นตาม ก็ถือว่าคดียุติ แต่หากเห็นต่าง ก็สามารถสั่งให้ ดีเอสไอกลับไปสอบเพิ่มเติมได้
" คดีนี้ถือว่า ศอฉ.เป็นผู้ร้องเรียนเข้ามา ดังนั้นหากไม่สามารถยืนยันข้อเท็จจริงการจัดทำแผนผังและตัวบุคคลได้ คดีก็ไม่สามารถเดินหน้าได้ต่อ เพราะข้อกล่าวหาในคดี ไม่มีความชัดเจน ขณะนี้ถือว่าใช้เวลาในการสอบสวนมานานกว่า 1 ปีแล้ว ถึงเวลาที่ต้องหาข้อยุติ เมื่อไม่ปรากฏข้อกล่าวหาว่าบุคคลเหล่านี้ ไปกระทำผิดที่ไหน เมื่อไหร่ ตาม ป.วิอาญา ถือว่าข้อกล่าวหายังไม่สมบูรณ์ ไม่มีข้อมูลไปดำเนินคดี ก็อาจจำเป็นต้องสรุปความเห็นสั่งไม่ฟ้อง" พ.ต.อ.ประเวศน์ กล่าว
** มท.เพิ่งตื่น สั่งผู้ว่าฯ-นอภ.ดูแลเข้ม
นายประชา เตรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย และโฆษกกระทรวงมหาดไทย
กล่าวถึงการติดตามดูกลุ่มบุคคลที่มีพฤติกรรมจ้องทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ ใน 9 จังหวัด คือ เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา นครสวรรค์ อุดรธานี หนองบัวลำภู เลย สงขลา และ กรุงเทพมหานคร ว่า ทุกประเทศมีวัฒนธรรมแตกต่างกัน อาจมีกลุ่มสายเลือดใหม่ที่อยู่เมืองนอกมานาน ซึมซับระบบประชาธิปไตยจ๋า แต่ประเทศไทยในประวัติศาสตร์ ระบบการรวมเป็นชาติ มาจากสถาบันพระมหากษัตริย์ ตั้งแต่สมัยพ่อขุนรามคำแหง
ดังนั้นสถาบันกษัตริย์ไม่ได้ทำความเดือดร้อนให้กับประชาชนเลย การที่บางจังหวัดปล่อยให้มีกลุ่มจ้องทำลายสถาบันฯ เกิดขึ้น จึงได้กำชับไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด และนายอำเภอแล้ว เพราะเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ผู้ที่มีความคิดนี้ ถือว่าอกตัญญูต่อแผ่นดิน
ทั้งนี้ ปลัดกระทรวงมหาดไทย จะลงไปกำกับดูแลเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดในพื้นที่ข้างต้น เชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่เข้าใจ และซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ คงมีพลเมืองอกตัญญูที่ไม่น่าจะถึง1 % จึงต้องสร้างความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชน เช่น ผ่านทางวิทยุชุมชน หอกระจ่ายข่าวหมู่บ้าน
"คนกลุ่มนี้ คงเป็นพวกนักเรียนนอก หรือไม่ก็นักเรียนไทยหัวนอก แต่ไม่เป็นไร เราก็ต้องสร้างความเข้าใจ อาจเป็นคนรุ่นใหม่ที่ยังไม่เคยเห็นพระราชกรณียกิจ ที่ผ่านมาอาจปล่อยปละละเลยเกินไป การเข้าถึงสื่อมีหลากหลาย โดยเฉพาะสื่อออนไลน์ ที่โพสต์กันหลากหลาย" นายประชา กล่าว
** มท.1 ยันไม่มีแก๊งล้มเจ้ามีแต่คนบ้า
ขณะที่ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย กล่าวว่า เรื่องกลุ่มล้มล้างสถาบันฯ ยืนยันหัวเด็ดตีนขาดว่าไม่มีเลย กระทรวงมหาดไทย มีเครือข่ายทุกหย่อมหญ้าถึงระดับตำบล และตนก็เพิ่งเดินทางกลับจากไปประชุมครม.สัญจร ที่ จ.อุดรธานี และขณะนี้ก็ยังไม่มีใครมายื่นเรื่องขอให้ตรวจสอบ คน 63 ล้านคน ถ้าจะมีคนบ้าๆ บอๆ ไม่สบาย ไม่สมประกอบสักคนหนึ่ง ออกมาพูด แล้วก็ขยายกันต่อ ยืนยันว่าไม่มี ขอให้เลิกคิด เลิกถามได้เลย เพราะเรื่องความไม่จงรักภักดีไม่มีอยู่ในศีรษะของคนปกติหรอก แต่คนไม่ปกติ เราก็ไม่ทราบ "ผมในฐานะ รมว.มหาดไทย เคยเป็นปลัดกระทรวงมหาดไทย เคยเป็นผู้ว่าฯมาก่อน บอกได้เลยว่า เรื่องนี้ไม่มี เครือข่ายของกระทรวงมหาดไทยมีทุกหย่อมหญ้า ตั้งแต่ระดับหมู่บ้าน เรามีข้อมูลทุกตารางนิ้วของประเทศไทย ไม่เคยได้ยินข่าวพวกนี้ อย่าได้พยายามสร้างกระแสความขัดแย้ง สร้างความคิดนี้ขึ้นมา เพราะมันไม่มี กระทรวงมหาดไทย ได้ตรวจเช็คอยู่แล้ว ถามไปก็ไม่มี ผมออกไปต่างจังหวัด ก็ไม่เคยมีใครมาให้ข้อมูลเรื่องนี้เลย มีแต่ความจงรักภักดี ซึ่งก็ทราบข่าวดีมาว่า พระองค์ทรงมีพลานามัยแข็งแรงขึ้น เป็นข่าวดีของพสกนิกร" รมว.มหาดไทย กล่าว
เมื่อถามว่า ตั้งแต่ช่วงที่บ้านเมืองเกิดความวุ่นวายในปี 2552-2553 ที่ผ่านมา มีการโจมตีว่า มีบางกลุ่มจะล้มล้างสถาบันฯ นายยงยุทธ กล่าวว่า แล้วมีหรือไม่ ดูจากการที่พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี มางานรักเมืองไทย เดินหน้าประเทศไทย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรฯ ยังมาต้อนรับ ทั้งนายขวัญชัย ไพรพนา นพ.เหวง โตจิราการ นางธิดา ถาวรเศรษฐ์ ก็พูดเป็นเสียงเดียวกันหมดแล้วว่า เรื่องพวกนี้ไม่มี
เมื่อถามว่า มองว่าบางกลุ่มชูประเด็นนี้ขึ้นมาไปโยงกับการต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ กลัวจะไปแตะหมวดพระมหากษัตริย์ นายยงยุทธ กล่าวว่า "ก็ลองไปแตะดูเถอะ เขาจะพูดก็พูดไป แต่เราก็ยืนยันว่าเราไม่แตะ ใครก็ตามที่ลองไปแตะดู จะไม่มีแผ่นดินจะอยู่ และผมคิดว่า คนที่มาแตะก็ไม่มีด้วย ประเด็นพวกนี้สื่อไม่ต้องมาถามพรรคเพื่อไทยแล้ว เสียเวลา คุยเรื่องอื่นดีกว่า เพราะไม่มีอยู่ในความคิด"
