เมื่อเวลา 14.00 น.วานนี้ (24 ก.พ.) ที่กองบัญชาการกองทัพเรือ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม เดินทางไปตรวจเยี่ยมกองทัพเรืออย่างเป็นอย่างการ ภายหลังเข้ารับตำแหน่ง รมว.กลาโหม โดยมีพล.ร.อ.สุรศักดิ์ หรุ่นเริงรมย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และนายทหารชั้นผู้ใหญ่ให้การต้อนรับ
ทั้งนี้ภายหลังการตรวจเยี่ยม พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า กองทัพเรือได้บรรยายสรุปเกี่ยวกับการวางแผนเพื่อพัมนากองทัพเรือใน 10 ปีข้างหน้า โดยมีการอธิบายถึงการเตรียมความพร้อม และงบประมาณที่จะได้รับ ซึ่งเขาได้มีการวางแผนอย่างมีหลักการ และเป็นระบบ ซึ่งจะมีการปรับกองทัพเรือให้เข้ากับอาเซียนในปี 2558 โดยเฉพาะเรื่องภัยคุกคามต่างๆ
ส่วนประเด็นการจัดซื้อเรือดำน้ำจำนวน 4 ลำ จากกองทัพเรือเยอรมัน วงเงินงบประมาณ 5,500 ล้านบาทนั้น ตนเห็นด้วยที่จะให้มีการจัดซื้อเรือดำน้ำ และกองทัพเรือก็ทราบดีถึงภารกิจรวมถึงงบประมาณในการจัดซื้อ เมื่อมีเรือดำน้ำแล้วกองทัพเรือก็ต้องรู้ว่า สิ่งไหนที่จะต้องมีการตัดทอนลงไป เพื่อในอนาคตจะสามารถใช้เรือดำน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเรือดำน้ำ ถือเป็นอีกหนึ่งมิติ โดยเฉพาะในอนาคตข้างหน้าในทะเลอันดามันจะมีท่าเรือปากบารา ที่เป็นประโยชน์กับประเทศไทยอย่างมาก และสามารถช่วยแบ่งเบาเรื่องการขนส่งสินค้าผ่านช่องแคบมะละกา ซึ่งได้มีการวางแผนไว้ ให้ท่าเรือปากบารา สามารถทำทางเชื่อมต่อไปสนามบินได้เลย ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญที่กองทัพเรือต้องเข้าไปดูแลตรงนี้ด้วย
" เรือดำน้ำถือเป็นมิติใหม่ พม่ายังอยากมี และขณะนี้พม่าก็ได้มีการจัดตั้งกองเรือดำน้ำขึ้นมา การที่ไทยจะมีเรือดำน้ำ ก็ไม่ได้มีตามเขา แต่เป็นเรื่องที่คิดกันมานานแล้ว ตั้งแต่สมัยกรมหลวงชุมพรฯ และกองทัพเรือไม่ได้มีเรือดำน้ำมากว่า 60 ปีแล้ว ผมเห็นด้วยที่กองทัพเรือจะมีเรือดำน้ำ แต่ขณะนี้ยังมีข้อขัดข้องเล็กน้อย ซึ่งไม่ได้ขัดข้องที่ตัวผม แต่ขัดข้องที่คนอื่น ซึ่งจำเป็นต้องหารือหลายฝ่าย คงต้องใช้เวลาประมาณ 1-2 วัน เพื่อหารือนำเข้าครม. อย่างช้าที่สุดไม่เกินหนึ่งสัปดาห์ ส่วนกองทัพเรือ จะมีเรือดำน้ำประจำการหรือไม่ ขึ้นอยู่กับรัฐบาลชุดนี้ ซึ่งผมทราบดีว่ากองทัพเยอรมนี ขีดเส้นตายไว้สิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ ส่วนจะเข้า ครม.ทันในสัปดาห์หน้าหรือไม่ อยู่ที่การประชุมหารือ" พล.อ.อ.สุกำพล กล่าว
ทั้งนี้ภายหลังการตรวจเยี่ยม พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า กองทัพเรือได้บรรยายสรุปเกี่ยวกับการวางแผนเพื่อพัมนากองทัพเรือใน 10 ปีข้างหน้า โดยมีการอธิบายถึงการเตรียมความพร้อม และงบประมาณที่จะได้รับ ซึ่งเขาได้มีการวางแผนอย่างมีหลักการ และเป็นระบบ ซึ่งจะมีการปรับกองทัพเรือให้เข้ากับอาเซียนในปี 2558 โดยเฉพาะเรื่องภัยคุกคามต่างๆ
ส่วนประเด็นการจัดซื้อเรือดำน้ำจำนวน 4 ลำ จากกองทัพเรือเยอรมัน วงเงินงบประมาณ 5,500 ล้านบาทนั้น ตนเห็นด้วยที่จะให้มีการจัดซื้อเรือดำน้ำ และกองทัพเรือก็ทราบดีถึงภารกิจรวมถึงงบประมาณในการจัดซื้อ เมื่อมีเรือดำน้ำแล้วกองทัพเรือก็ต้องรู้ว่า สิ่งไหนที่จะต้องมีการตัดทอนลงไป เพื่อในอนาคตจะสามารถใช้เรือดำน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเรือดำน้ำ ถือเป็นอีกหนึ่งมิติ โดยเฉพาะในอนาคตข้างหน้าในทะเลอันดามันจะมีท่าเรือปากบารา ที่เป็นประโยชน์กับประเทศไทยอย่างมาก และสามารถช่วยแบ่งเบาเรื่องการขนส่งสินค้าผ่านช่องแคบมะละกา ซึ่งได้มีการวางแผนไว้ ให้ท่าเรือปากบารา สามารถทำทางเชื่อมต่อไปสนามบินได้เลย ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญที่กองทัพเรือต้องเข้าไปดูแลตรงนี้ด้วย
" เรือดำน้ำถือเป็นมิติใหม่ พม่ายังอยากมี และขณะนี้พม่าก็ได้มีการจัดตั้งกองเรือดำน้ำขึ้นมา การที่ไทยจะมีเรือดำน้ำ ก็ไม่ได้มีตามเขา แต่เป็นเรื่องที่คิดกันมานานแล้ว ตั้งแต่สมัยกรมหลวงชุมพรฯ และกองทัพเรือไม่ได้มีเรือดำน้ำมากว่า 60 ปีแล้ว ผมเห็นด้วยที่กองทัพเรือจะมีเรือดำน้ำ แต่ขณะนี้ยังมีข้อขัดข้องเล็กน้อย ซึ่งไม่ได้ขัดข้องที่ตัวผม แต่ขัดข้องที่คนอื่น ซึ่งจำเป็นต้องหารือหลายฝ่าย คงต้องใช้เวลาประมาณ 1-2 วัน เพื่อหารือนำเข้าครม. อย่างช้าที่สุดไม่เกินหนึ่งสัปดาห์ ส่วนกองทัพเรือ จะมีเรือดำน้ำประจำการหรือไม่ ขึ้นอยู่กับรัฐบาลชุดนี้ ซึ่งผมทราบดีว่ากองทัพเยอรมนี ขีดเส้นตายไว้สิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ ส่วนจะเข้า ครม.ทันในสัปดาห์หน้าหรือไม่ อยู่ที่การประชุมหารือ" พล.อ.อ.สุกำพล กล่าว