สตูล - กลุ่มผู้ประกอบการท่องเที่ยววอร์คเอาท์จากห้องประชุม จวก“กรมเจ้าท่า”กลับคำ-สองมาตรฐาน หลัง ผอ.เจ้าท่าภูมิภาคที่ 5 ยันกรณีจับเรือสปีดโบ้ตเมื่อวันที่ 2 ม.ค. จนท.ทำถูก ซ้ำควรปูนบำเหน็จ
วันนี้ (3 ก.พ.)เมื่อเวลา 10.00 น. นายวิชัย คำคง ผู้อำนวยสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 5พร้อมเจ้าท่าจังหวัดสตูล นัดผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง อาทิ ตำรวจน้ำ ปลัดอำเภอเมืองละงู เจ้าหน้าที่อบต.ปากน้ำ และเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา หารือถึงมาตรการความปลอดภัยในการสัญจรทางน้ำและแนวทางการดูแลความปลอดภัยในเส้นทางเดินเรือ ที่ห้องประชุมองค์การบริหารส่วนตำบลปากน้ำ อำเภอละงู จ.สตูล
ในการประชุมในครั้งนี้มีการชี้แจงความคืบหน้ากรณีผู้จัดการ หสม.หลีเป๊ะเฟอรี่สปีคโบ๊ต ร้องเรียนการปฏิบัติงานของนายพงษ์พันธ์ ประยงค์กุล เจ้าพนักงานตรวจเรือชำนาญการ เนื่องมาจากการจับกุมเรือเฟอร์รี่โดยสารของ หสม.ฯ เมื่อวันที่ 2 ม.ค. ที่ผ่านมา ที่บริเวณเกาะไข่ ในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตา หลังจากวิ่งจากท่าเรือเกาะหลีเป๊ะมุ่งหน้าสู่ท่าเรือปากบารา โดยแจ้งว่าบรรทุกนักท่องเที่ยวเกิน 65 คน ตามจำนวนที่นั่งของเรือ
โดยหลังจากการเข้าจับกุมเรือลำดังกล่าว ซึ่งบรรทุกผู้โดยสารมากถึง 84 คน ได้มีการลอยลำเจรจากันกลางทะเลนาน 1 ชั่วโมง ทั้งนี้ ผู้ประกอบการฯ พยายามขอให้ขึ้นไปเจรจากันบนฝั่ง โดยยอมรับผิดในข้อหาบรรทุกเกินขนาดและยินดีชดใช้ค่าปรับตามจำนวน พร้อมทั้งขอแล่นเรือไปส่งนักท่องเที่ยวยังท่าเรือปากบาราให้เสร็จสิ้นเสียก่อน แต่เจ้าหน้าที่ไม่ยินยอม และสั่งให้กัปตันขับเรือย้อนกลับไปยังเกาะหลีเป๊ะ ทำให้นักท่องเที่ยวพลาดการเดินทางโดยเครื่องบินและรถทัวร์จำนวนมาก
โดยผู้ประกอบการของ หสม.หลีเป๊ะเฟอรี่สปีดโบ๊ท ซึ่งเป็นผู้เสียหายเตรียมฟ้องร้องกรมเจ้าท่าสตูล ทั้งนี้ เชื่อว่าเป็นการกลั่นแกล้ง เนื่องจากสมาชิกส่วนใหญ่ของ หสม. เดินหน้าคัดค้านโครงการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกปากบารา ซึ่งกรมเจ้าท่าเป็นผู้ดำเนินโครงการ
นายชัยรินทร์ เลียงล่องการ อายุ 68 ปี ผู้จัดการ หสม.หลีเป๊ะเฟอรี่สปีคโบ๊ต กล่าวว่า การที่ทางบริษัทบรรทุกนักท่องเที่ยวเกินนั้น เพราะบรรทุกรวมทั้งนักท่องเที่ยวและไกด์ และเหตุที่ถูกจับเชื่อว่าถูกกลั่นแกล้ง เพราะจับกุมเฉพาะเรือของตนลำเดียว ขณะที่เรือลำอื่นก็บรรทุกเกินแต่ไม่ถูกดำเนินคดี
“ตนจึงต้องการร้องเรียนขอความเป็นธรรม ว่าเจ้าหน้าที่ที่จับกุมนั้นทำด้วยความลำเอียง สองมาตรฐาน โดยวันนี้ที่มาฟังพบว่าคดีไม่คืบหน้า และผู้ใหญ่ของกรมเจ้าท่าปกป้องเจ้าหน้าที่ของเขาเองว่าไม่ผิด ตนจึงต้องร้องเรียนต่อไปยังหน่วยงานอื่นที่ต่อไป” ผู้จัดการ หสม.หลีเป๊ะเฟอรี่สปีคโบ๊ต กล่าว
ด้าน นายวิชัยคำคง ผู้อำนวยสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 5 กล่าวว่า การกระทำของเจ้าที่ที่ทำงานตามกฎหมายนั้นถือว่าทำถูกต้อง หากปล่อยให้มีการบรรทุกเกินและเกิดอุบัติเหตุขึ้นก็จะทำให้เจ้าท่าประจำพื้นที่ต้องเดือดร้อน และถือว่ากฎหมายที่ใช้มาดูแลก็ไม่ศักดิสิทธิ์พอ
“เจ้าหน้าที่เราทำตามกฎหมาย ตรวจเข้ม และทำเป็นประจำ ทางผู้ประกอบการอ้างว่าเป็นเรือเที่ยวสุดท้ายต้องนำนักท่องเที่ยวขึ้นฝั่ง พร้อมหาว่าทางเจ้าหน้าที่กลั่นแกล้ง เอาเปรียบซึ่งเราเองสอบปากคำเจ้าหน้าที่แล้ว พบว่าเขาทำตามกฎหมายจึงไม่สามารถที่จะย้ายเข้าออกจากพื้นที่ได้ ควรจะชื่นชมปูนบำเหน็จให้” นายวิชัย กล่าว
ทั้งนี้ คำพูดดังกล่าวทำให้ผู้ประกอบการไม่พอใจอย่างยิ่ง จนเกิดการวอล์คเอาท์ออกจากห้องประชุม เนื่องจากเมื่อวันที่ 3 ม.ค. หลังมีการจับกุม กลุ่มผู้ประกอบการฯ ได้เรียกร้องให้กรมเจ้าเท่าแสดงความรับผิดชอบ ซึ่งผลการเจรจาปรากฏว่า กรมเจ้าท่ายอมรับว่าการปฏิบัติงานดังกล่าวเป็นความผิดพลาดเรื่องดุลพินิจของเจ้าหน้าที่กรมเจ้าท่าจริง จนทำให้ความเสียหายอื่นๆ ตามมา
นายไกรวุฒิ ชูสกุล ผู้ประกอบการท่องเที่ยว กล่าวว่า “กรมเจ้าท่าได้ยอมรับเมื่อวันที่ 3 ม.ค. แล้วว่าเจ้าหน้าที่ใช้ดุลยพินิจผิดพลาดทำให้เกิดความเสียหาย ดังนั้นการชี้แจงในวันนี้จึงเป็นการกลับคำ เราไม่ยอมรับมติกรมเจ้าท่า จึงวอร์คเอาท์จากห้องประชุม และขอยื่นเรื่องกับหน่วยงานที่เหนือกว่าเพื่อขอความเป็นธรรมต่อไป”