วานนี้(22ก.พ.55)นายภักดีหาญส์ หิมะทองคำ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรีในส่วนของโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังประจำปี 2555 ว่า เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาของเกษตรกรสำหรับข้าวเปลือกนาปรังปี 2555 ครม.จึงมติเห็นชอบให้เปิดรับจำนำข้าวนาปรังฤดูกาล 54/55 โดยจะให้สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดลงทะเบียน วันที่ 25 ก.พ.55 โดยเกษตรกรที่จะเข้าโครงการต้องเริ่มเพาะปลูก 1 พ.ย.54 และเริ่มเก็บเกี่ยว 1-29 ก.พ. 55 ซึ่งเป็นช่วงผลผลิตข้าวนาปรังตามที่กรมส่งเสริมการเกษตรกำหนด โดยให้องค์การสินค้า กระทรวงพาณิชย์ รับฝากข้าวเปลือก และออกใบประทวนให้แก่ผู้เข้าร่วมโครงการ โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.55 เป็นต้นไป โดยการรับจำนำคราวนี้ไม่จำกัดปริมาณ แต่คาดว่าจะมีข้าวเข้าโครงการ 11 ล้านตัน
ทั้งนี้ โครงการจำนำข้าวของปี 2555 จะรับจำนำผลผลิตทั้งหมดที่ผลิตในประเทศไทย ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์คาดการณ์ว่า ข้าวในปีนี้น่าจะมีทั้งหมด 11.11 ล้านตัน โดยข้าวทุกตัน รวมทั้งพันธุ์ข้าวปลูกและให้ข้าวสารคุณภาพต่ำจำนวน 18 พันธุ์ ที่ในโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี 2554/2555 ไม่ได้ให้เข้าร่วมโครงการ ก็สามารถเข้าร่วมโครงการในปีนี้ได้ อัตราสูงสุดที่ให้คืนตันละ 15,000 บาท แยกเป็นแต่ละประเภท ดังนี้ ข้าวเปลือกเจ้า 100% ตันละ 15,000 บาท ข้าวเปลือกเจ้า 5% ตันละ 14,800 บาท ข้าวเปลือกเจ้า 10% ตันละ 14,600 บาท ข้าวเปลือกเจ้า 15% ตันละ 14,200 บาท ข้าวเปลือกเจ้า 25% ตันละ 13,800 บาท ข้าวเปลือกปทุมธานี 1 (42 กรัม) ตันละ 16,000 บาท ข้าวเปลือกเหนียว 10% เมล็ดยาว ตันละ 16,000 บาท และข้าวเปลือกเหนียว 10% เมล็ดสั้น ตันละ 15,000 บาท ทั้งนี้ในการรับจำนำข้าวเปลือกปทุมธานี 1 ให้ปรับเพิ่มลดตามจำนวนกรัมในอัตรากรัมละ 200 บาท ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์ที่ใช้อยู่เดิม
สำหรับวงเงินงบประมาณของโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังประจำปี 2555 นั้นยังไม่ได้ข้อยุติ เนื่องจากในครั้งนี้ได้มีการตัดเงื่อนไขในส่วนของปริมาณที่ได้จำกัดวงเงินเกษตรกรรายละ 500,000 บาทออกไป เนื่องจากไม่สอดคล้องกับเป้าหมายของโครงการที่จะรับจำนำข้าวไม่จำกัดจำนวน ซึ่งรายละเอียดจะต้องมีการนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง เพราะไม่สอดคล้องกันในบางจุด
ม.ร.ว.พงษ์สวัสดิ์ สวัสดิวัตน์ รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ครม.อนุมัติการจ่ายเงินอุดหนุนเช่วยเหลือชาวไร่อ้อย ฤดูกาลผลิต 2554/55 เพิ่มเติมในอัตราตันละ 154 บาทต่อตันอ้อย และเห็นชอบให้คงการปรับขึ้นราคาน้ำตาลทรายกิโลกรัมละละ 5 บาทออกไปอีก เพื่อนำรายได้จากการปรับขึ้นมาเป็นรายได้ของกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย เพื่อชำระหนี้เงินกู้จากสสถาบันการเงินที่จะต้องนำจ่ายเงินอุดหนุนช่วยเหลือชาวไร่อ้อย
ปัจจุบันมีผลผลิตอ้อยประมาณ 100 ล้านตัน การปรับเพิ่มเงินอุดหนุนช่วยเหลือชาวไร่อ้อยอีกตันละ 154 ล้านบาท จะใช้เงินทั้งสิ้น 15,400 ล้านบาท จึงจำเป็นต้องคงการปรับเพิ่มราคาน้ำตาลทรายกิโลกรัมละ 5 บาทต่อไป เพื่อนำเงินที่ได้มาชำระหนี้จำนวนดังกล่าว ซึ่งคาดว่าจะสามารถชำระหนี้ได้หมดใน 17 เดือน
นอกจากนี้ครม.ยังมีมติให้ทบทวนหลักเกณฑ์การคำนวณต้นทุนการผลิตอ้อยและน้ำตาลทรายให้สะท้อนราคาที่แท้จริงมากขึ้น โดยครม.ให้กระทรวงอุตสาหกรรมศึกษาโครงสร้างราคาอ้อยทั้งระบบ ให้แล้วเสร็จภายในเดือนก.ย ก่อนฤดูกาลผลิตใหม่ปี 2555/2556
หากรวมราคาอ้อยขั้นต่ำที่กำหนดไว้ 1,000 บาทต่อตันอ้อย แลเงินอุดหนุนเพื่อช่วยเหลือชาวไร่อ้อยอีก 154 บาทแล้วราคาอ้อยที่ชาวไร่อ้อยจะได้รับเงินจะมีจำนวน 1,154 บาทต่อตันอ้อย
ทั้งนี้ โครงการจำนำข้าวของปี 2555 จะรับจำนำผลผลิตทั้งหมดที่ผลิตในประเทศไทย ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์คาดการณ์ว่า ข้าวในปีนี้น่าจะมีทั้งหมด 11.11 ล้านตัน โดยข้าวทุกตัน รวมทั้งพันธุ์ข้าวปลูกและให้ข้าวสารคุณภาพต่ำจำนวน 18 พันธุ์ ที่ในโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี 2554/2555 ไม่ได้ให้เข้าร่วมโครงการ ก็สามารถเข้าร่วมโครงการในปีนี้ได้ อัตราสูงสุดที่ให้คืนตันละ 15,000 บาท แยกเป็นแต่ละประเภท ดังนี้ ข้าวเปลือกเจ้า 100% ตันละ 15,000 บาท ข้าวเปลือกเจ้า 5% ตันละ 14,800 บาท ข้าวเปลือกเจ้า 10% ตันละ 14,600 บาท ข้าวเปลือกเจ้า 15% ตันละ 14,200 บาท ข้าวเปลือกเจ้า 25% ตันละ 13,800 บาท ข้าวเปลือกปทุมธานี 1 (42 กรัม) ตันละ 16,000 บาท ข้าวเปลือกเหนียว 10% เมล็ดยาว ตันละ 16,000 บาท และข้าวเปลือกเหนียว 10% เมล็ดสั้น ตันละ 15,000 บาท ทั้งนี้ในการรับจำนำข้าวเปลือกปทุมธานี 1 ให้ปรับเพิ่มลดตามจำนวนกรัมในอัตรากรัมละ 200 บาท ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์ที่ใช้อยู่เดิม
สำหรับวงเงินงบประมาณของโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังประจำปี 2555 นั้นยังไม่ได้ข้อยุติ เนื่องจากในครั้งนี้ได้มีการตัดเงื่อนไขในส่วนของปริมาณที่ได้จำกัดวงเงินเกษตรกรรายละ 500,000 บาทออกไป เนื่องจากไม่สอดคล้องกับเป้าหมายของโครงการที่จะรับจำนำข้าวไม่จำกัดจำนวน ซึ่งรายละเอียดจะต้องมีการนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง เพราะไม่สอดคล้องกันในบางจุด
ม.ร.ว.พงษ์สวัสดิ์ สวัสดิวัตน์ รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ครม.อนุมัติการจ่ายเงินอุดหนุนเช่วยเหลือชาวไร่อ้อย ฤดูกาลผลิต 2554/55 เพิ่มเติมในอัตราตันละ 154 บาทต่อตันอ้อย และเห็นชอบให้คงการปรับขึ้นราคาน้ำตาลทรายกิโลกรัมละละ 5 บาทออกไปอีก เพื่อนำรายได้จากการปรับขึ้นมาเป็นรายได้ของกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย เพื่อชำระหนี้เงินกู้จากสสถาบันการเงินที่จะต้องนำจ่ายเงินอุดหนุนช่วยเหลือชาวไร่อ้อย
ปัจจุบันมีผลผลิตอ้อยประมาณ 100 ล้านตัน การปรับเพิ่มเงินอุดหนุนช่วยเหลือชาวไร่อ้อยอีกตันละ 154 ล้านบาท จะใช้เงินทั้งสิ้น 15,400 ล้านบาท จึงจำเป็นต้องคงการปรับเพิ่มราคาน้ำตาลทรายกิโลกรัมละ 5 บาทต่อไป เพื่อนำเงินที่ได้มาชำระหนี้จำนวนดังกล่าว ซึ่งคาดว่าจะสามารถชำระหนี้ได้หมดใน 17 เดือน
นอกจากนี้ครม.ยังมีมติให้ทบทวนหลักเกณฑ์การคำนวณต้นทุนการผลิตอ้อยและน้ำตาลทรายให้สะท้อนราคาที่แท้จริงมากขึ้น โดยครม.ให้กระทรวงอุตสาหกรรมศึกษาโครงสร้างราคาอ้อยทั้งระบบ ให้แล้วเสร็จภายในเดือนก.ย ก่อนฤดูกาลผลิตใหม่ปี 2555/2556
หากรวมราคาอ้อยขั้นต่ำที่กำหนดไว้ 1,000 บาทต่อตันอ้อย แลเงินอุดหนุนเพื่อช่วยเหลือชาวไร่อ้อยอีก 154 บาทแล้วราคาอ้อยที่ชาวไร่อ้อยจะได้รับเงินจะมีจำนวน 1,154 บาทต่อตันอ้อย