ASTVผู้จัดการรายวัน-ทช.สั่งลงเข็มสะพานเชื่อมเกาะลันตาน้อย-ใหญ่ 415.99 ล้านบาท ในเม.ย.นี้ เพิ่มความสะดวกเดินทางประชาชนและส่งเสริมท่องเที่ยว พร้อมคุมเข้มผลกระทบสิ่งแวดล้อมทุกขั้นตอน ด้าน"ประยูรวิศว์”อ่วมต้นทุนวัสดุเพิ่ม 20% ทั้งเหล็กและคอนกรีต ปรับแผนเร่งก่อสร้างเร็วขึ้น 7 เดือน เน้นใช้เทคโนโลยียันไม่ขาดทุน
นายชาติชาย ทิพย์สุนาวี อธิบดีกรมทางหลวงชนบท (ทช.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการก่อสร้างสะพานเชื่อมเกาะลันตาน้อย-เกาะลันตาใหญ่ จ.กระบี่ มูลค่า 415.99 ล้านบาท ว่า บริษัท ประยูรวิศว์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้รับเหมา ได้เริ่มเข้าพื้นที่ตั้งแต่วันที่ 13 ม.ค.2555 ภายหลังจากที่กรมป่าไม้ได้แจ้งอนุญาตให้ใช้พื้นที่ โดยในช่วง 3 เดือนแรกนี้ จะมีการก่อสร้างท่าเทียบเรือชั่วคราว เพื่อให้แพขนานยนต์สามารถใช้สัญจรในระหว่างก่อสร้าง โดยทช.ได้ร่วมกับจ.กระบี่และ อ.เกาะลันตา จัดประชุมการมีส่วนร่วมภาคประชาชนเพื่อประชาสัมพันธ์โครงการแล้ว
ทั้งนี้ ทช.ได้ว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อให้ติดตามตรวจสอบการปฏิบัติตามมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมและติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมบริเวณโครงการในขณะก่อสร้าง ตามที่เสนอไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ด้วย โดยเบื้องต้นจะต้องมีการตัดต้นไม้ประมาณ 400 ต้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นไม้โกงกางที่อายุยังน้อย โดยจะมีการปลูกทดแทน 2 เท่า และในการก่อสร้างจะแยกการขนส่งวัสดุก่อสร้างกับแพขนานยนต์ออกจากกัน เพื่อให้เกิดความปลอดภัย
นอกจากนี้ ได้ออกแบบโดยปรับภูมิทัศน์ฝั่งเกาะลันตาใหญ่ และฝั่งเกาะลันตาน้อย ให้มีสวนสาธารณะและที่กลับรถโดยฝั่งเกาะลันตาใหญ่จะมีประภาคาร ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์หรือจุดสังเกตที่สำคัญ (แลนด์มาร์ค) ของเกาะลันตาและเป็นไปตามที่ได้รับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ โดยเมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จจะทำให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางข้ามระหว่างเกาะลันตาใหญ่ และเกาะลันตาน้อยได้ตลอด 24 ชม.จากปัจจุบันที่ต้องเดินทางด้วยแพขนานยนต์ ซึ่งไม่บริการในช่วงกลางคืน
นายวุฒิชัย เงินดี ผู้จัดการโครงการ บริษัท ประยูรวิศว์ จำกัด กล่าวว่า ขณะนี้ต้นทุนค่าก่อสร้างปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 20% โดยเฉพาะค่าขนส่งและวัสดุก่อสร้าง เนื่องจากเป็นราคาที่เสนอไว้ตั้งแต่ปี 2553 โดยเหล็กปรับจาก 17 บ./กก.ขึ้นเป็น 22 บ./กก. , คอนกรีต ปรับจาก 2,400 บ./คิว เป็น 3,000 บ./คิว ดังนั้น จึงต้องปรับเพื่อเร่งรัดการก่อสร้างให้เสร็จเร็วขึ้นจากสัญญา 900 วันเหลือ 700 วันหรือเร็วขึ้นประมาณ 7 เดือน เพื่อลดต้นทุน และจะใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการก่อสร้างมากขึ้น โดยในเดือนมี.ค.นี้จะเริ่มงานรื้อท่าเทียบเรือเก่าและทำท่าเทียบเรือชั่วคราวและเริ่มงานก่อสร้างฐานรากในเดือนเม.ย.ใช้เวลาประมาณ 4 เดือน
“ตอนประกวดราคาคิด Overheadไว้ 10% แต่ตอนนี้ต้นทุนเพิ่ม 20% ก็ต้องหาทางลดส่วนต่าง10% เพื่อไม่ให้ขาดทุน ซึ่งนอกจากใช้เทคโนโลยีมากที่สุดแล้ว การก่อสร้างจะประกอบชิ้นส่วนต่างๆ จากบนฝั่งเพื่อลดเวลา ส่วนค่าแรง 300 บาทนั้น ไม่ส่งผลกระทบต่อต้นทุน เพราะส่วนใหญ่ใช้แรงงานฝีมือค่าแรงเกิน 300 บาทอยู่แล้ว ซึ่งคาดว่าจะไม่ขาดทุน เพราะยังมีค่าเค
อีกส่วนหนึ่งที่จะนำมาชดเชยได้”นายวุฒิชัยกล่าว
นายกฤษดารักษ์ แพรัตกุล กรรมการบริหาร บริษัท เอ็นแคด คอนซัลแตนท์ จำกัด ที่ปรึกษาด้านสิ่งแวดล้อมโครงการกล่าวว่า การก่อสร้างจะต้องให้ความสำคัญเรื่องผลกระทบสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะมีการติดตามตลอดเวลาก่อสร้างและหลังเปิดใช้งาน 3-5 ปี ซึ่งอุปสรรคในการก่อสร้างที่พบจะเป็นเรื่องข้อจำกัดด้านเวลาที่ไม่สามารถก่อสร้างในช่วงกลางคืนได้ ยกเว้นเป็นกรณีพิเศษ
การตอกเสาเข็มจะต้องควบคุมการฟุ้งของตะกอน โดยจะต้องมีตะแกรงครอบป้องกันตามข้อกำหนดของที่ปรึกษาด้านสิ่งแวดล้อม โดยต้องวัดคุณภาพน้ำและปริมาณตะกอน ตลอดเวลา ส่วนเสาสะพานจะมีระยะห่างต่อม่อกว้าง 70 เมตรเพื่อความปลอดภัยในการเดินเรือ
อย่างไรก็ตาม ได้มีการตั้งคณะกรรมการประชาสัมพันธ์โครงการ เพื่อลดผลกระทบกับประชาชนและนักท่องเที่ยวในพื้นที่ โดยจะต้องเสนอรายงานต่อ สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ทุก 6 เดือน
โครงการก่อสร้างสะพานเชื่อมเกาะลันตาน้อย-เกาะลันตาใหญ่ จ.กระบี่ ระยะทางรวม 1.4กิโลเมตร ประกอบด้วยสะพาน ยาว 650 เมตร ถนนเชิงลาด 2 ฝั่งยาว 750 เมตร สัญญาก่อสร้างเริ่มวันที่ 13 ม.ค.2555–30 มิ.ย.2557 ระยะเวลา 900 วัน ค่าก่อสร้าง 415,998,000 บาท ค่าปรับ 0.1% (415,998 บาทต่อวัน) ซึ่งเป็นอัตราสูงสุด ทั้งนี้ สะพานเชื่อมเกาะลันตาน้อย-เกาะลันตาใหญ่ จะช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางระหว่าง 2 เกาะ โดยคาดว่า ในปี 2559 จะมีปริมาณจราจร 864 คัน/ชม.ปี 2564 มี 1,150 คัน/ชม.
นายชาติชาย ทิพย์สุนาวี อธิบดีกรมทางหลวงชนบท (ทช.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการก่อสร้างสะพานเชื่อมเกาะลันตาน้อย-เกาะลันตาใหญ่ จ.กระบี่ มูลค่า 415.99 ล้านบาท ว่า บริษัท ประยูรวิศว์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้รับเหมา ได้เริ่มเข้าพื้นที่ตั้งแต่วันที่ 13 ม.ค.2555 ภายหลังจากที่กรมป่าไม้ได้แจ้งอนุญาตให้ใช้พื้นที่ โดยในช่วง 3 เดือนแรกนี้ จะมีการก่อสร้างท่าเทียบเรือชั่วคราว เพื่อให้แพขนานยนต์สามารถใช้สัญจรในระหว่างก่อสร้าง โดยทช.ได้ร่วมกับจ.กระบี่และ อ.เกาะลันตา จัดประชุมการมีส่วนร่วมภาคประชาชนเพื่อประชาสัมพันธ์โครงการแล้ว
ทั้งนี้ ทช.ได้ว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อให้ติดตามตรวจสอบการปฏิบัติตามมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมและติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมบริเวณโครงการในขณะก่อสร้าง ตามที่เสนอไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ด้วย โดยเบื้องต้นจะต้องมีการตัดต้นไม้ประมาณ 400 ต้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นไม้โกงกางที่อายุยังน้อย โดยจะมีการปลูกทดแทน 2 เท่า และในการก่อสร้างจะแยกการขนส่งวัสดุก่อสร้างกับแพขนานยนต์ออกจากกัน เพื่อให้เกิดความปลอดภัย
นอกจากนี้ ได้ออกแบบโดยปรับภูมิทัศน์ฝั่งเกาะลันตาใหญ่ และฝั่งเกาะลันตาน้อย ให้มีสวนสาธารณะและที่กลับรถโดยฝั่งเกาะลันตาใหญ่จะมีประภาคาร ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์หรือจุดสังเกตที่สำคัญ (แลนด์มาร์ค) ของเกาะลันตาและเป็นไปตามที่ได้รับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ โดยเมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จจะทำให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางข้ามระหว่างเกาะลันตาใหญ่ และเกาะลันตาน้อยได้ตลอด 24 ชม.จากปัจจุบันที่ต้องเดินทางด้วยแพขนานยนต์ ซึ่งไม่บริการในช่วงกลางคืน
นายวุฒิชัย เงินดี ผู้จัดการโครงการ บริษัท ประยูรวิศว์ จำกัด กล่าวว่า ขณะนี้ต้นทุนค่าก่อสร้างปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 20% โดยเฉพาะค่าขนส่งและวัสดุก่อสร้าง เนื่องจากเป็นราคาที่เสนอไว้ตั้งแต่ปี 2553 โดยเหล็กปรับจาก 17 บ./กก.ขึ้นเป็น 22 บ./กก. , คอนกรีต ปรับจาก 2,400 บ./คิว เป็น 3,000 บ./คิว ดังนั้น จึงต้องปรับเพื่อเร่งรัดการก่อสร้างให้เสร็จเร็วขึ้นจากสัญญา 900 วันเหลือ 700 วันหรือเร็วขึ้นประมาณ 7 เดือน เพื่อลดต้นทุน และจะใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการก่อสร้างมากขึ้น โดยในเดือนมี.ค.นี้จะเริ่มงานรื้อท่าเทียบเรือเก่าและทำท่าเทียบเรือชั่วคราวและเริ่มงานก่อสร้างฐานรากในเดือนเม.ย.ใช้เวลาประมาณ 4 เดือน
“ตอนประกวดราคาคิด Overheadไว้ 10% แต่ตอนนี้ต้นทุนเพิ่ม 20% ก็ต้องหาทางลดส่วนต่าง10% เพื่อไม่ให้ขาดทุน ซึ่งนอกจากใช้เทคโนโลยีมากที่สุดแล้ว การก่อสร้างจะประกอบชิ้นส่วนต่างๆ จากบนฝั่งเพื่อลดเวลา ส่วนค่าแรง 300 บาทนั้น ไม่ส่งผลกระทบต่อต้นทุน เพราะส่วนใหญ่ใช้แรงงานฝีมือค่าแรงเกิน 300 บาทอยู่แล้ว ซึ่งคาดว่าจะไม่ขาดทุน เพราะยังมีค่าเค
อีกส่วนหนึ่งที่จะนำมาชดเชยได้”นายวุฒิชัยกล่าว
นายกฤษดารักษ์ แพรัตกุล กรรมการบริหาร บริษัท เอ็นแคด คอนซัลแตนท์ จำกัด ที่ปรึกษาด้านสิ่งแวดล้อมโครงการกล่าวว่า การก่อสร้างจะต้องให้ความสำคัญเรื่องผลกระทบสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะมีการติดตามตลอดเวลาก่อสร้างและหลังเปิดใช้งาน 3-5 ปี ซึ่งอุปสรรคในการก่อสร้างที่พบจะเป็นเรื่องข้อจำกัดด้านเวลาที่ไม่สามารถก่อสร้างในช่วงกลางคืนได้ ยกเว้นเป็นกรณีพิเศษ
การตอกเสาเข็มจะต้องควบคุมการฟุ้งของตะกอน โดยจะต้องมีตะแกรงครอบป้องกันตามข้อกำหนดของที่ปรึกษาด้านสิ่งแวดล้อม โดยต้องวัดคุณภาพน้ำและปริมาณตะกอน ตลอดเวลา ส่วนเสาสะพานจะมีระยะห่างต่อม่อกว้าง 70 เมตรเพื่อความปลอดภัยในการเดินเรือ
อย่างไรก็ตาม ได้มีการตั้งคณะกรรมการประชาสัมพันธ์โครงการ เพื่อลดผลกระทบกับประชาชนและนักท่องเที่ยวในพื้นที่ โดยจะต้องเสนอรายงานต่อ สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ทุก 6 เดือน
โครงการก่อสร้างสะพานเชื่อมเกาะลันตาน้อย-เกาะลันตาใหญ่ จ.กระบี่ ระยะทางรวม 1.4กิโลเมตร ประกอบด้วยสะพาน ยาว 650 เมตร ถนนเชิงลาด 2 ฝั่งยาว 750 เมตร สัญญาก่อสร้างเริ่มวันที่ 13 ม.ค.2555–30 มิ.ย.2557 ระยะเวลา 900 วัน ค่าก่อสร้าง 415,998,000 บาท ค่าปรับ 0.1% (415,998 บาทต่อวัน) ซึ่งเป็นอัตราสูงสุด ทั้งนี้ สะพานเชื่อมเกาะลันตาน้อย-เกาะลันตาใหญ่ จะช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางระหว่าง 2 เกาะ โดยคาดว่า ในปี 2559 จะมีปริมาณจราจร 864 คัน/ชม.ปี 2564 มี 1,150 คัน/ชม.
