เอเอฟพี - เกิดเพลิงไหม้ใหญ่เรือนจำแห่งหนึ่งในฮอนดูรัส เป็นเวลานานถึง 3 ชั่วโมงในคืนวันอังคาร(14) ทำให้มีนักโทษเสียชีวิตมากกว่า 350 คน เจ้าหน้าที่แพทย์ฉุกเฉินของฮอนดูรัสตลอดจนผู้เชี่ยวชาญระหว่างประเทศ ต้องใช้ความพยายามอย่างมากเมื่อวานนี้(16) ในการระบุว่าศพซึ่งมีสภาพไหม้เกรียมติดอยู่ภายในห้องขังอย่างน่าสยดสยองนั้น เป็นใครกันบ้าง
ปอมเปโย โบนิลลา รัฐมนตรีความมั่นคงของฮอนดูรัสกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า "มากกว่า 350 คนเสียชีวิต และนี่เป็นเพียงการประมาณการ เราไม่สามารถมองข้ามความเป็นไปได้ที่ว่ายอดอาจสูงขึ้นอีก แต่เรากำลังตรวจสอบเพื่อที่เราจะสามารถบอกยอดของโศกนาฏกรรมครั้งนี้ได้อย่างชัดเจน และเป็นทางการ"
ด้านรามอน กัสโตดิโอ คณะกรรมาธิการด้านสิทธิมนุษยชนของฮอนดูรัสกล่าวก่อนหน้านี้ว่า จากการตรวจสอบรายชื่อได้พบว่านักโทษจำนวน 357 คนหายไป แต่เขาชี้ว่าในจำนวนดังกล่าวอาจมีบางคนหลบหนีออกจากคุกไปแล้ว หรือบางรายอาจนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล
ดานิโล โอเรลลานา อธิบดีกรมราชทัณฑ์ระบุว่า เหยื่อส่วนใหญ่เสียชีวิตเนื่องจากสำลักควัน
เนื่องจากความเสียหายร้ายแรงของอัคคีภัยคราวนี้ ทำให้ประธานาธิบดีปอร์ฟิริโอ โลโบ ต้องออกคำสั่งพักงานพวกเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกรมราชทัณฑ์ รวมถึงตัวอธิบดีด้วย ตลอดจนเจ้าหน้าที่ของเรือนจำโคมายากัวแห่งนั้น ขณะที่ดำเนินการสืบสวนสอบสวน
“เราจะทำการสืบสวนสอบสวนอย่างเต็มที่เพื่อวินิจฉัยถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดโศกนาฎกรรมอันน่าสลดและยอมรับไม่ได้เช่นนี้ขึ้นมา และวินิจฉัยว่าใครบ้างที่จะต้องถูกประณามถูกลงโทษ” โลโบกล่าวในวันพุธ(15)
เรือนจำโคมายากัว ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากกรุงเตกูชิกัลปาราว 90 กิโลเมตร เป็นที่คุมขังนักโทษเกือบ 900 คน ซึ่งเกินกว่าความสามารถในการรองรับได้ถึง 2 เท่า
ผู้รอดชีวิตเล่าเหตุการณ์ ที่เหล่านักโทษอ้อนวอนร้องขอความช่วยเหลือ ขณะที่พวกเขาถูกเพลิงเผาผลาญ สำลักควัน แต่ไม่สามารถหลบหนีได้ เนื่องจากถูกใส่กุญแจ่มือติดกับห้องขัง ซึ่งนับเป็นเหตุไฟไหม้เรือนจำครั้งเลวร้ายที่สุดของโลกในรอบ 10 ปี
นักโทษบางคนเอาชีวิตรอดมาได้ด้วยการกระโจนเข้าใส่น้ำฝักบัว อ่างล้างจาน หรือแหล่งน้ำอื่นๆ ที่พวกเขาสามารถหาได้ บางรายก็กระโดดจากบนหลังคาหลบหนีออกจากคุกที่มีผู้คนหนาแน่นไปได้ ผู้รอดชีวิตรายหนึ่งเล่า
ทั้งนี้ ไฟน่าจะลุกไหม้เวลาประมาณ 22.50 น.ของวันอังคาร (14) ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งตรงกับ 11.50 น.วันพุธ (15) ตามเวลาของไทย โดยใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมงจึงจะควบคุมเพลิงไว้ได้
เจ้าหน้าที่ยังไม่ทราบสาเหตุเพลิงไหม้ที่แน่ชัด โดยแรกที่เดียวพวกเขาเชื่อว่ามาจากไฟฟ้าลัดวงจร แต่ภายหลังพวกเขาก็ไม่ปฏิเสธความเป็นไปได้ที่อัคคีภัยครั้งนี้จะเป็นฝีมือของนักโทษโดยเจตนา
เรือนจำในฮอนดูรัส ก็เฉกเช่นเดียวกับประเทศในละตินอเมริกาอื่นๆ มีชื่อเสียงด้านลบเกี่ยวกับความแออัดยัดเยียด ขณะที่ฮอนดูรัสมีเรือนจำทั้งหมด 24 แห่ง ซึ่งสามารถรองรับนักโทษราว 8,000 คน แต่แท้จริงแล้วมีจำนวนผู้ต้องขังมากถึง 13,000 คน
ปอมเปโย โบนิลลา รัฐมนตรีความมั่นคงของฮอนดูรัสกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า "มากกว่า 350 คนเสียชีวิต และนี่เป็นเพียงการประมาณการ เราไม่สามารถมองข้ามความเป็นไปได้ที่ว่ายอดอาจสูงขึ้นอีก แต่เรากำลังตรวจสอบเพื่อที่เราจะสามารถบอกยอดของโศกนาฏกรรมครั้งนี้ได้อย่างชัดเจน และเป็นทางการ"
ด้านรามอน กัสโตดิโอ คณะกรรมาธิการด้านสิทธิมนุษยชนของฮอนดูรัสกล่าวก่อนหน้านี้ว่า จากการตรวจสอบรายชื่อได้พบว่านักโทษจำนวน 357 คนหายไป แต่เขาชี้ว่าในจำนวนดังกล่าวอาจมีบางคนหลบหนีออกจากคุกไปแล้ว หรือบางรายอาจนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล
ดานิโล โอเรลลานา อธิบดีกรมราชทัณฑ์ระบุว่า เหยื่อส่วนใหญ่เสียชีวิตเนื่องจากสำลักควัน
เนื่องจากความเสียหายร้ายแรงของอัคคีภัยคราวนี้ ทำให้ประธานาธิบดีปอร์ฟิริโอ โลโบ ต้องออกคำสั่งพักงานพวกเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกรมราชทัณฑ์ รวมถึงตัวอธิบดีด้วย ตลอดจนเจ้าหน้าที่ของเรือนจำโคมายากัวแห่งนั้น ขณะที่ดำเนินการสืบสวนสอบสวน
“เราจะทำการสืบสวนสอบสวนอย่างเต็มที่เพื่อวินิจฉัยถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดโศกนาฎกรรมอันน่าสลดและยอมรับไม่ได้เช่นนี้ขึ้นมา และวินิจฉัยว่าใครบ้างที่จะต้องถูกประณามถูกลงโทษ” โลโบกล่าวในวันพุธ(15)
เรือนจำโคมายากัว ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากกรุงเตกูชิกัลปาราว 90 กิโลเมตร เป็นที่คุมขังนักโทษเกือบ 900 คน ซึ่งเกินกว่าความสามารถในการรองรับได้ถึง 2 เท่า
ผู้รอดชีวิตเล่าเหตุการณ์ ที่เหล่านักโทษอ้อนวอนร้องขอความช่วยเหลือ ขณะที่พวกเขาถูกเพลิงเผาผลาญ สำลักควัน แต่ไม่สามารถหลบหนีได้ เนื่องจากถูกใส่กุญแจ่มือติดกับห้องขัง ซึ่งนับเป็นเหตุไฟไหม้เรือนจำครั้งเลวร้ายที่สุดของโลกในรอบ 10 ปี
นักโทษบางคนเอาชีวิตรอดมาได้ด้วยการกระโจนเข้าใส่น้ำฝักบัว อ่างล้างจาน หรือแหล่งน้ำอื่นๆ ที่พวกเขาสามารถหาได้ บางรายก็กระโดดจากบนหลังคาหลบหนีออกจากคุกที่มีผู้คนหนาแน่นไปได้ ผู้รอดชีวิตรายหนึ่งเล่า
ทั้งนี้ ไฟน่าจะลุกไหม้เวลาประมาณ 22.50 น.ของวันอังคาร (14) ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งตรงกับ 11.50 น.วันพุธ (15) ตามเวลาของไทย โดยใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมงจึงจะควบคุมเพลิงไว้ได้
เจ้าหน้าที่ยังไม่ทราบสาเหตุเพลิงไหม้ที่แน่ชัด โดยแรกที่เดียวพวกเขาเชื่อว่ามาจากไฟฟ้าลัดวงจร แต่ภายหลังพวกเขาก็ไม่ปฏิเสธความเป็นไปได้ที่อัคคีภัยครั้งนี้จะเป็นฝีมือของนักโทษโดยเจตนา
เรือนจำในฮอนดูรัส ก็เฉกเช่นเดียวกับประเทศในละตินอเมริกาอื่นๆ มีชื่อเสียงด้านลบเกี่ยวกับความแออัดยัดเยียด ขณะที่ฮอนดูรัสมีเรือนจำทั้งหมด 24 แห่ง ซึ่งสามารถรองรับนักโทษราว 8,000 คน แต่แท้จริงแล้วมีจำนวนผู้ต้องขังมากถึง 13,000 คน