ASTV ผู้จัดการรายวัน – รับข่าวดีจากนอกประเทศญี่ปุ่นเตรียมใช้มาตรการQEรอบใหม่ บวกจีนเตรียมช่วยกลุ่มประเทศยุโรปด้วยการซื้อพันธบัตรรัฐบาล หนุนตลาดหุ้นทั้งภูมิภาคปรับตัวเพิ่ม ด้านหุ้นไทยรับอานิสงส์ด้วยจากกระแสเม็ดเงินที่ทะลักเข้า ดันดัชนีรีบาวด์ 20 จุด โบรกฯคาดวันนี้(16ก.พ.) มีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อ แนะเข้าลงทุนหุ้นปิโตรเคมี และยานยนต์ในช่วงราคาอ่อนตัว
ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ (15ก.พ.) ปรับตัวอยู่ในแดนบวกตลอดทั้งวัน โดยปิดที่ 1126.48 จุด เพิ่มขึ้น 20.07 จุด หรือ 1.81% มูลค่าการซื้อขาย38,018.17 ล้านบาท ระหว่างวันปรับตัว ต่ำสุดที่ 1,114.00 จุด และสูงสุดที่ 1,127.99 จุด ภาพรวมบรรยากาศการลงทุนวานนี้ ดัชนีทะยานตัวในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเซีย ที่ได้รับปัจจัยหนุนจากเงินทุนไหลเข้า ขณะเดียวกันยังขานรับกรณีที่ทางการจีนประกาศพร้อมให้ความช่วยเหลือยุโรป แม้ปัจจัยในประเทศจะได้รับปัจจัยลบจากเหตุการณ์ระเบิดใจกลางกรุงเทพฯจากกลุ่มก่อการร้าย ก็ตาม
ทั้งนี้ พบว่า นักลงทุนต่างชาติ ซื้อสุทธิ 1,045.60 ล้านบาท เช่นเดียวกับ สถาบัน และบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ที่ซื้อสุทธิ 205.33 ล้านบาท และ 924.08 ล้านบาท โดยนักลงทุนทั่วไปขายสุทธิ 2,175 ล้านบาท
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวานนี้ เพิ่มขึ้น 435 หลักทรัพย์ ลดลง 108 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 125 หลักทรัพย์โดยหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่ IVL มูลค่าการซื้อขาย 3,087.75 ล้านบาท ปิดที่ 41.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.75 บาท PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,589.05 ล้านบาท ปิดที่ 344.00 บาท เพิ่มขึ้น 6.00 บาท BBL มูลค่าการซื้อขาย 2,028.74 ล้านบาท ปิดที่ 169.50 บาท เพิ่มขึ้น 4.00 บาท KBANK มูลค่าการซื้อขาย 2,025.65 ล้านบาท ปิดที่ 143.50 บาท เพิ่มขึ้น 4.50 บาท และPTTGC มูลค่าการซื้อขาย 1,870.88 ล้านบาท ปิดที่ 73.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.25 บาท
ขณะที่ตลาดหุ้นอื่นๆในต่างประเทศ พบว่า ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียบวก 10.57 จุด หรือ 0.25% ปิดที่ 4,253.40 จุด , ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวพุ่งขึ้น 208.27 จุด หรือ 2.30% แตะที่ 9,260.34 จุด , ดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิด ปิดบวกขึ้น 22.68 จุดแตะ 2,025.32 จุด ,ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตพุ่ง 21.93 จุด หรือ 0.94% ปิดที่ 2,366.70 จุด และ ดัชนีฮั่งเส็ง ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดพุ่งสูงขึ้น 447.40 จุด หรือ 2.14% แตะ 21,365.23 จุด
นายสุกิจ อุดมศิริกุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนลูกค้าบุคคล สายงานวิจัย บล.ไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวขึ้นแรง เป็นการฟื้นขึ้นจากวันก่อนที่ปรับตัวลงไปจากความตื่นตระหนกเหตุการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้นกลางกรุงเทพฯ ขณะที่ตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียต่างก็ปรับตัวขึ้นกันถ้วนหน้า รับผลจากประเทศญี่ปุ่นจะใช้ QE รอบใหม่ ซึ่งจะทำให้สภาพคล่องในระบบมีมากขึ้น และเป็น Sentiment ที่ส่งมายังตลาดฯด้วย ประกอบกับ จีนจะเข้าซื้อพันธบัตรของประเทศในยุโรป เพื่อช่วยเหลือ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ทำให้เม็ดเงินต่างชาติได้ไหลเข้ามาลงทุนอย่างมาก โดยเชื่อว่าวานนี้ตลาดไทยคงจะรับแรงซื้อจากนักลงทุนต่างชาติเห็นได้จากหุ้นขนาดใหญ่ปรับตัวขึ้น ส่งผลให้ดัชนีฯทะลุแนวต้านจิตวิทยาที่ 1,120 จุดมาได้ และเชื่อว่าน่าจะมีนักลงทุนบางส่วนเข้ามาซื้อตาม Flow ด้วย
ทำให้แนวโน้มการลงทุนในวันนี้(16 ก.พ.) ดัชนียังมีโอกาสที่จะดีดตัวขึ้นต่อหากไม่มีข่าวลบ เพราะเชื่อว่าเม็ดเงินต่างชาติยังไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง พร้อมให้แนวต้านไว้ที่ 1,130-1,135 จุด แนวรับ 1,120 จุด
นายสมชาย เอนกทวีผล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์(บล.) ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นค่อนข้างมาก เนื่องจากมีความคาดหวังในเชิงบวกต่อกรีซ โดยตลาดประเมินว่ากรีซจะสามารถทำตามเงื่อนไขทั้ง3 ข้อที่ยูโรโซนเรียกร้องได้ คือ 1.รัฐสภาของกรีซจะต้องให้สัตยาบันต่อมาตรการปฏิรูปเศรษฐกิจ2. ต้องมีการให้ประกันทางการเมืองอย่างหนักแน่น จากผู้นำพรรคร่วมรัฐบาลกรีซว่าจะปฏิบัติตามมาตรการปฏิรูป ข้อที่ 3.กรีซต้องกำหนดมาตรการปรับลดงบประมาณรายจ่ายอีก 325 ล้านยูโร
ขณะเดียวกัน แรงบวกส่วนหนึ่งเกิดขึ้นจากการที่นักลงทุนบางกลุ่มน่าจะเริ่มหายตกใจกับข่าวลบภายในประเทศ กรณีระเบิดกลางกรุงที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ จึงทำให้มีแรงซื้อกลับเข้ามา ทำให้ในวันนี้ (16ก.พ.) ประเมินว่าตลาดหุ้นไทย น่าจะปรับตัวเป็นบวกต่อไปได้ โดยประเมินแนวรับไว้ที่ระดับ 1,120 จุด และแนวต้านที่ระดับ 1,135 จุด แนะนำนักลงทุนช้อนซื้อหุ้น ปิโตรเคมี และหุ้นยานยนต์ในช่วงที่ราคาอ่อนตัว
ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ (15ก.พ.) ปรับตัวอยู่ในแดนบวกตลอดทั้งวัน โดยปิดที่ 1126.48 จุด เพิ่มขึ้น 20.07 จุด หรือ 1.81% มูลค่าการซื้อขาย38,018.17 ล้านบาท ระหว่างวันปรับตัว ต่ำสุดที่ 1,114.00 จุด และสูงสุดที่ 1,127.99 จุด ภาพรวมบรรยากาศการลงทุนวานนี้ ดัชนีทะยานตัวในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเซีย ที่ได้รับปัจจัยหนุนจากเงินทุนไหลเข้า ขณะเดียวกันยังขานรับกรณีที่ทางการจีนประกาศพร้อมให้ความช่วยเหลือยุโรป แม้ปัจจัยในประเทศจะได้รับปัจจัยลบจากเหตุการณ์ระเบิดใจกลางกรุงเทพฯจากกลุ่มก่อการร้าย ก็ตาม
ทั้งนี้ พบว่า นักลงทุนต่างชาติ ซื้อสุทธิ 1,045.60 ล้านบาท เช่นเดียวกับ สถาบัน และบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ที่ซื้อสุทธิ 205.33 ล้านบาท และ 924.08 ล้านบาท โดยนักลงทุนทั่วไปขายสุทธิ 2,175 ล้านบาท
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวานนี้ เพิ่มขึ้น 435 หลักทรัพย์ ลดลง 108 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 125 หลักทรัพย์โดยหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่ IVL มูลค่าการซื้อขาย 3,087.75 ล้านบาท ปิดที่ 41.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.75 บาท PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,589.05 ล้านบาท ปิดที่ 344.00 บาท เพิ่มขึ้น 6.00 บาท BBL มูลค่าการซื้อขาย 2,028.74 ล้านบาท ปิดที่ 169.50 บาท เพิ่มขึ้น 4.00 บาท KBANK มูลค่าการซื้อขาย 2,025.65 ล้านบาท ปิดที่ 143.50 บาท เพิ่มขึ้น 4.50 บาท และPTTGC มูลค่าการซื้อขาย 1,870.88 ล้านบาท ปิดที่ 73.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.25 บาท
ขณะที่ตลาดหุ้นอื่นๆในต่างประเทศ พบว่า ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียบวก 10.57 จุด หรือ 0.25% ปิดที่ 4,253.40 จุด , ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวพุ่งขึ้น 208.27 จุด หรือ 2.30% แตะที่ 9,260.34 จุด , ดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิด ปิดบวกขึ้น 22.68 จุดแตะ 2,025.32 จุด ,ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตพุ่ง 21.93 จุด หรือ 0.94% ปิดที่ 2,366.70 จุด และ ดัชนีฮั่งเส็ง ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดพุ่งสูงขึ้น 447.40 จุด หรือ 2.14% แตะ 21,365.23 จุด
นายสุกิจ อุดมศิริกุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนลูกค้าบุคคล สายงานวิจัย บล.ไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวขึ้นแรง เป็นการฟื้นขึ้นจากวันก่อนที่ปรับตัวลงไปจากความตื่นตระหนกเหตุการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้นกลางกรุงเทพฯ ขณะที่ตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียต่างก็ปรับตัวขึ้นกันถ้วนหน้า รับผลจากประเทศญี่ปุ่นจะใช้ QE รอบใหม่ ซึ่งจะทำให้สภาพคล่องในระบบมีมากขึ้น และเป็น Sentiment ที่ส่งมายังตลาดฯด้วย ประกอบกับ จีนจะเข้าซื้อพันธบัตรของประเทศในยุโรป เพื่อช่วยเหลือ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ทำให้เม็ดเงินต่างชาติได้ไหลเข้ามาลงทุนอย่างมาก โดยเชื่อว่าวานนี้ตลาดไทยคงจะรับแรงซื้อจากนักลงทุนต่างชาติเห็นได้จากหุ้นขนาดใหญ่ปรับตัวขึ้น ส่งผลให้ดัชนีฯทะลุแนวต้านจิตวิทยาที่ 1,120 จุดมาได้ และเชื่อว่าน่าจะมีนักลงทุนบางส่วนเข้ามาซื้อตาม Flow ด้วย
ทำให้แนวโน้มการลงทุนในวันนี้(16 ก.พ.) ดัชนียังมีโอกาสที่จะดีดตัวขึ้นต่อหากไม่มีข่าวลบ เพราะเชื่อว่าเม็ดเงินต่างชาติยังไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง พร้อมให้แนวต้านไว้ที่ 1,130-1,135 จุด แนวรับ 1,120 จุด
นายสมชาย เอนกทวีผล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์(บล.) ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นค่อนข้างมาก เนื่องจากมีความคาดหวังในเชิงบวกต่อกรีซ โดยตลาดประเมินว่ากรีซจะสามารถทำตามเงื่อนไขทั้ง3 ข้อที่ยูโรโซนเรียกร้องได้ คือ 1.รัฐสภาของกรีซจะต้องให้สัตยาบันต่อมาตรการปฏิรูปเศรษฐกิจ2. ต้องมีการให้ประกันทางการเมืองอย่างหนักแน่น จากผู้นำพรรคร่วมรัฐบาลกรีซว่าจะปฏิบัติตามมาตรการปฏิรูป ข้อที่ 3.กรีซต้องกำหนดมาตรการปรับลดงบประมาณรายจ่ายอีก 325 ล้านยูโร
ขณะเดียวกัน แรงบวกส่วนหนึ่งเกิดขึ้นจากการที่นักลงทุนบางกลุ่มน่าจะเริ่มหายตกใจกับข่าวลบภายในประเทศ กรณีระเบิดกลางกรุงที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ จึงทำให้มีแรงซื้อกลับเข้ามา ทำให้ในวันนี้ (16ก.พ.) ประเมินว่าตลาดหุ้นไทย น่าจะปรับตัวเป็นบวกต่อไปได้ โดยประเมินแนวรับไว้ที่ระดับ 1,120 จุด และแนวต้านที่ระดับ 1,135 จุด แนะนำนักลงทุนช้อนซื้อหุ้น ปิโตรเคมี และหุ้นยานยนต์ในช่วงที่ราคาอ่อนตัว