ASTVผู้จัดการรายวัน – คลังเคาะกรอบรายได้ปี 56 เบื้องต้นวงเงินรวม 2.18 ล้านล้านบาท เพิ่มจากปี 55 ที่ 1.98 ล้านล้านบาท ด้านกรมสรรพากรเผยยังไม่สามารถระบุผลกระทบการจัดเก็บรายได้จากเหตุน้ำท่วมได้ ต้องรอความชัดเจนจากมาตรการทั้งหมดและจำนวนประชาชนที่ใช้สิทธิทั้งหมด
แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังเปิดเผยถึงการจัดทำงบประมาณ 2556 ว่า ขณะนี้ได้ประมาณการจัดเก็บรายได้ของ 3 กรมจัดเก็บรวม 2.284 ล้านล้านบาท โดยเป็นของกรมสรรพากร 1.774 ล้านล้านบาท กรมสรรพสามิต 3.95 แสนล้านบาท และกรมศุลกากร 1.15 แสนล้านบาท โดยยังไม่นับรวมรายได้จากรัฐวิสาหกิจ แต่เบื้องต้นมีการประมาณการงบประมาณรายได้รวมไว้ที่ 2.494 ล้านล้านบาท แต่หากหักการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีจากองค์กรปกครองท้องถิ่น(อปท.)จะเป็นกรอบงบประมาณรายได้สุทธิ 2.18 ล้านล้านบาท
นายสาธิต รังคสิริ อธิบดี กรมสรรพากรเปิดเผยถึงมาตรการการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีกับผู้ประกอบการที่ได้รับสิทธิส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ)ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยให้สามารถนำไปหักค่าใช้จ่ายในการยื่นชำระภาษีนิติบุคคลได้ถึง 150%ว่า กระทรวงอุตสาหกรรมอยู่ระหว่างการพิจารณา เพื่อนำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) จึงยังไม่ชัดเจนว่าจะมีผลกระทบต่อการจัดเก็บรายได้มากน้อยเพียงใด ซึ่งหากเป็นบริษัทที่ได้รับสิทธิบีโอไออยู่แล้วก็จะไม่มีผลมากนัก แต่จะกระทบจากบริษัทที่หมดสิทธิบีโอไอและจะต้องเสียภาษีนิติบุคคลในอัตรา 23%
“ขณะนี้ยังไม่ได้ประมาณการชัดเจนว่าจะมีผลกระทบต่อรายได้อย่างไร ซึ่งจากตัวเลขมีผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมที่ถูกน้ำท่วม 2,000 แห่ง เป็นบริษัทที่ได้รับสิทธิบีโอไอครึ่งหนึ่ง และก็ไม่ชัดว่า จะมีบริษัทที่จะหมดสิทธิบีโอจำนวนเท่าใด ซึ่งตามนโยบายของกระทรวงการคลังแล้วจะให้สิทธิบีโอไอตามเท่าที่จำเป็นเท่านั้น เพราะการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน(เออีซี) สิทธิต่างๆ ก็ต้องเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ไม่ใช่การมาตั้งกำแพงภาษีอีกต่อไป” นายสาธิตกล่าว
สำหรับการยื่นแบบภาษีในปีภาษี 2554 นายสาธิตกล่าวว่า สรรพากรได้เปิดให้ยื่นเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม- 31 มีนาคม ขณะนี้จนถึงต้นกุมภาพันธ์พบว่า มีการยื่นเข้ามาพอสมควร โดยเฉพาะผ่านอินเตอร์เน็ต และส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่จะได้รับเงินคืนภาษี ขณะที่ผู้ที่จะต้องจะชำระภาษีเพิ่มก็จะเป็นการยื่นในช่วงท้ายๆก่อนวันที่ 31 มีนาคม แต่ก็สามารถใช้โครงการชำระผ่านบัตรเครดิตของธนาคาร กรุงไทยและไทยพาณิชย์ได้ เพราะนอกจากจะได้สิทธิใน 45 วันแล้วยังสามารถผ่อนชำระได้ 10 เดือนด้วยอัตราดอกเบี้ย 0.89% ได้อีกด้วย
สำหรับการใช้สิทธิภาษีสำหรับผู้ประสบภัยน้ำท่วม ทั้งการซ่อมบ้านและรถยนต์ นายสาธิตกล่าวว่า เนื่องจากมาตรการดังกล่าวออกมาในปลายเดือนธันวาคม ขณะที่การพิมพ์แบบเสียภาษีทำแต่เนิ่นๆ ดังนั้นผู้เสียภาษีสามารถใช้สิทธิลดหย่อนดังกล่าวในช่องอื่นๆ ได้ โดยหากเป็นการซ่อมแซมในปี 2554 ก็ใช้สิทธิภาษีในปี 2555 แต่หากรายการเกิดขึ้นในปี 2555 ก็สามารถใช้สิทธิภาษีในปีถัดไปได้ โดยต้องมีหลักฐานการเป็นเจ้าของ หรือสิทธิการเช่า รวมถึงหลักฐานการชำระเงิน โดยหากเป็นประชาชนที่อยู่ในเขตพื้นที่ถูกน้ำท่วมอยู่แล้วก็จะไม่สุ่มตรวจ แต่หากนอกเขตน้ำท่วมและมาใช้สิทธิดังกล่าวก็จะขอดูเอกสารหลักฐานเพิ่มเติมบ้าง
แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังเปิดเผยถึงการจัดทำงบประมาณ 2556 ว่า ขณะนี้ได้ประมาณการจัดเก็บรายได้ของ 3 กรมจัดเก็บรวม 2.284 ล้านล้านบาท โดยเป็นของกรมสรรพากร 1.774 ล้านล้านบาท กรมสรรพสามิต 3.95 แสนล้านบาท และกรมศุลกากร 1.15 แสนล้านบาท โดยยังไม่นับรวมรายได้จากรัฐวิสาหกิจ แต่เบื้องต้นมีการประมาณการงบประมาณรายได้รวมไว้ที่ 2.494 ล้านล้านบาท แต่หากหักการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีจากองค์กรปกครองท้องถิ่น(อปท.)จะเป็นกรอบงบประมาณรายได้สุทธิ 2.18 ล้านล้านบาท
นายสาธิต รังคสิริ อธิบดี กรมสรรพากรเปิดเผยถึงมาตรการการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีกับผู้ประกอบการที่ได้รับสิทธิส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ)ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยให้สามารถนำไปหักค่าใช้จ่ายในการยื่นชำระภาษีนิติบุคคลได้ถึง 150%ว่า กระทรวงอุตสาหกรรมอยู่ระหว่างการพิจารณา เพื่อนำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) จึงยังไม่ชัดเจนว่าจะมีผลกระทบต่อการจัดเก็บรายได้มากน้อยเพียงใด ซึ่งหากเป็นบริษัทที่ได้รับสิทธิบีโอไออยู่แล้วก็จะไม่มีผลมากนัก แต่จะกระทบจากบริษัทที่หมดสิทธิบีโอไอและจะต้องเสียภาษีนิติบุคคลในอัตรา 23%
“ขณะนี้ยังไม่ได้ประมาณการชัดเจนว่าจะมีผลกระทบต่อรายได้อย่างไร ซึ่งจากตัวเลขมีผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมที่ถูกน้ำท่วม 2,000 แห่ง เป็นบริษัทที่ได้รับสิทธิบีโอไอครึ่งหนึ่ง และก็ไม่ชัดว่า จะมีบริษัทที่จะหมดสิทธิบีโอจำนวนเท่าใด ซึ่งตามนโยบายของกระทรวงการคลังแล้วจะให้สิทธิบีโอไอตามเท่าที่จำเป็นเท่านั้น เพราะการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน(เออีซี) สิทธิต่างๆ ก็ต้องเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ไม่ใช่การมาตั้งกำแพงภาษีอีกต่อไป” นายสาธิตกล่าว
สำหรับการยื่นแบบภาษีในปีภาษี 2554 นายสาธิตกล่าวว่า สรรพากรได้เปิดให้ยื่นเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม- 31 มีนาคม ขณะนี้จนถึงต้นกุมภาพันธ์พบว่า มีการยื่นเข้ามาพอสมควร โดยเฉพาะผ่านอินเตอร์เน็ต และส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่จะได้รับเงินคืนภาษี ขณะที่ผู้ที่จะต้องจะชำระภาษีเพิ่มก็จะเป็นการยื่นในช่วงท้ายๆก่อนวันที่ 31 มีนาคม แต่ก็สามารถใช้โครงการชำระผ่านบัตรเครดิตของธนาคาร กรุงไทยและไทยพาณิชย์ได้ เพราะนอกจากจะได้สิทธิใน 45 วันแล้วยังสามารถผ่อนชำระได้ 10 เดือนด้วยอัตราดอกเบี้ย 0.89% ได้อีกด้วย
สำหรับการใช้สิทธิภาษีสำหรับผู้ประสบภัยน้ำท่วม ทั้งการซ่อมบ้านและรถยนต์ นายสาธิตกล่าวว่า เนื่องจากมาตรการดังกล่าวออกมาในปลายเดือนธันวาคม ขณะที่การพิมพ์แบบเสียภาษีทำแต่เนิ่นๆ ดังนั้นผู้เสียภาษีสามารถใช้สิทธิลดหย่อนดังกล่าวในช่องอื่นๆ ได้ โดยหากเป็นการซ่อมแซมในปี 2554 ก็ใช้สิทธิภาษีในปี 2555 แต่หากรายการเกิดขึ้นในปี 2555 ก็สามารถใช้สิทธิภาษีในปีถัดไปได้ โดยต้องมีหลักฐานการเป็นเจ้าของ หรือสิทธิการเช่า รวมถึงหลักฐานการชำระเงิน โดยหากเป็นประชาชนที่อยู่ในเขตพื้นที่ถูกน้ำท่วมอยู่แล้วก็จะไม่สุ่มตรวจ แต่หากนอกเขตน้ำท่วมและมาใช้สิทธิดังกล่าวก็จะขอดูเอกสารหลักฐานเพิ่มเติมบ้าง
