xs
xsm
sm
md
lg

เมืองไทยใน 20 ปีข้างหน้า

เผยแพร่:   โดย: ชัยอนันต์ สมุทวณิช

เมืองไทยในอีก 20 ปีข้างหน้าจะเป็นอย่างไร เมื่อถึงเวลานั้นผมก็จะมีอายุเกือบ 90 ปี (หากไม่ตายเสียก่อน) ยุคนี้เป็นยุคโลกาภิวัตน์ เราจึงต้องถามด้วยว่า แล้วโลกในอนาคตจะเป็นอย่างไร ประเทศไทยก็ต้องได้รับผลกระทบบ้างไม่มากก็น้อย

การมองโลกอนาคตนี้ นักวิชาการชอบทำ ก่อนจะเข้าศตวรรษที่ 21 ก็มีคนเขียนหนังสือเรื่อง Mega Trend ออกมาทำนายการเปลี่ยนแปลง เวลานี้ทุกคนต่างลงความเห็นว่า โลกอนาคตจะเป็นโลกของการค้าเสรีมากขึ้น ในที่สุดตลาดโลกก็จะเป็นหนึ่งเดียว ไม่มีกำแพงภาษี การผลิตสินค้าและบริการจะเป็นเรื่องของการใช้ความรู้ และความคิดสร้างสรรค์มากกว่าการใช้ปัจจัยการผลิตแบบดั้งเดิม คือ ที่ดิน แรงงาน และทุน ครอบครัวจะเล็กลง เด็กจะไม่ได้รับการดูแลเอาใจใส่มากเท่าที่ควรเพราะพ่อแม่ต้องทำงาน บ้างก็ว่าคงไม่เป็นเช่นนั้นเพราะต่อไปคนจะทำงานอยู่ที่บ้านมากขึ้น เวลาในการดูแลลูกก็น่าจะมีมากขึ้น การกล่อมเกลาและการเรียนรู้จะไม่จำกัดอยู่เฉพาะพ่อแม่ และโรงเรียน แต่สื่อในรูปแบบต่างๆ ก็จะมีความสำคัญมาก ดังนั้นสิ่งที่เราควรรู้ก็คือเรียนรู้ที่จะเรียน หมายความว่าสาระ และข้อมูลข่าวสารมีมากมาย เวลาเรามีจำกัด จึงจะต้องรู้จักเลือกสาระที่มีประโยชน์ตรงกับความต้องการ

แนวโน้มอนาคตอีกเรื่องหนึ่งก็คือ คนเราจะมีอายุยืนขึ้นกว่าแต่ก่อน เรื่องสุขภาพ สันทนาการ การออกกำลังกาย การพักผ่อน การเลือกกินอาหารที่ดีมีประโยชน์ และการท่องเที่ยว การดูแลจิตใจล้วนเป็นเรื่องสำคัญ ดังนั้นธุรกิจที่เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้จะมีความสำคัญ เวลานี้เราจึงเห็นคนสนใจออกกำลังกายมากขึ้น การนวดและการทำสปาเป็นที่นิยม มีคนสร้างที่พักตากอากาศมากขึ้น และโรงแรมแพงๆ ก็จะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เป็นธรรมชาติ แทนที่จะอยู่ตามเมืองใหญ่ๆ

อาชีพการงานของคนเราจะเปลี่ยนไป แต่ก่อนการทำงานหมายถึงการทำงานอย่างเดียวตลอดชีวิต โดยมีค่าจ้างเป็นรายเดือน เวลานี้คนคนหนึ่งอาจทำงานหลายอย่าง และเป็นการจ้างตนเอง ไม่ใช่เป็นลูกจ้างหน่วยงานหรือบริษัท และก็จะรับ “ค่าธรรมเนียม” เป็นครั้งๆ เป็นชิ้นงานไป เป้าหมายของการทำงานคือ ความพึงพอใจของลูกค้า

แนวโน้มที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ ความต้องการมีส่วนร่วมของประชาชน ทำให้เกิดแรงกดดันที่จะต้องมีการกระจายอำนาจ บทบาทของชุมชน และกลุ่มหลากหลายมีมากขึ้น แรงงานมีการเคลื่อนย้ายอย่างเป็นอิสระมากขึ้น ทั้งที่เป็นแรงงานไร้ฝีมือ และแรงงานที่มีฝีมือหรือพวกวิชาชีพต่างๆ เช่น นักกฎหมาย แพทย์ วิศวกร

แนวโน้มใหญ่ๆ ของโลกเหล่านี้ มีผลกระทบต่อประเทศไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่เห็นชัดอยู่แล้วก็คือการเปิดเสรีทางการค้า การเงิน และการลงทุน สิ่งที่จะมีมากขึ้นในอนาคตก็คือ ชีวิตจะมีลักษณะ “สากล” มากขึ้น มาตรฐานและหลักเกณฑ์ที่เคยมีอยู่เฉพาะภายในประเทศ ก็จะถูกทดแทนด้วยมาตรฐานสากล ต่อไปเราจะอ้างความเป็นไทย ไม่สนใจผู้อื่นไม่ได้อีกแล้ว แม้เราจะมีวัฒนธรรมเป็นของไทย แต่วิถีชีวิตก็จะต้องอาศัยหลักเกณฑ์สากลมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการผลิตอาหาร ความปลอดภัยในการเดินทาง และการท่องเที่ยว ไปจนถึงมาตรฐานด้านการบัญชีธนาคาร

ความเป็นมาตรฐานสากลอีกเรื่องหนึ่งก็คือ ระบอบการเมืองแบบประชาธิปไตย เมื่อโซเวียตล่มสลาย ประชาธิปไตยก็กลายเป็นสิ่งสากลมากขึ้น แต่ปัจจุบันจีนที่เป็นประเทศใหญ่มาก ก็ยังไม่ได้เป็นประชาธิปไตยอย่างเต็มตัว ดังนั้นประชาธิปไตยจึงมีความหมายทางเศรษฐกิจ คือ มีเศรษฐกิจที่เสรีมากกว่ามิติทางการเมือง

อีก 20 ปีข้างหน้า ประเด็นใหญ่ที่สุดที่คนไทยต้องเลือกไม่เป็นแต่เพียงการเป็นประชาธิปไตย แต่จะลงลึกไปถึงลักษณะเฉพาะของระบอบการเมืองว่าจะเป็นอย่างไร เวลานี้เริ่มมีกระแสแหย่ๆ ทดลองความรู้สึกของประชาชนว่ายังจะคงรักษาสถาบันดั้งเดิมของเราไว้หรือไม่ อย่างไร ในขณะเดียวกัน ก็มีแรงขับดันลับๆ ในการที่จะให้ประเทศไทยเป็นทุนนิยมเสรีแบบมีประธานาธิบดี คือ นักธุรกิจเป็นผู้มีความสำคัญที่สุด

การตัดสินใจเรื่องนี้อาจมาเร็วกว่าที่เราคาดคิด ความพยายามที่จะมีกฎหมายปรองดองเป็นเรื่องที่น่าจับตามอง บางทีการเลือกคราวนี้จะรุนแรง และเจ็บปวดยิ่งกว่าการเปลี่ยนแปลงทุกครั้งที่ผ่านมา
กำลังโหลดความคิดเห็น