ASTVผู้จัดการรายวัน - เอเจนซี่ฯ เผยผลการสำรวจข้อมูล 5 กลุ่มที่อยู่อาศัยควรสร้างขาย และ 5 กลุ่มที่อยู่อาศัยไม่ควรสร้างขาย หลังผลสำรวจพบราคาขายที่อยู่อาศัยปรับตัวขึ้นลงตตามดีมานด์ในพื้นที่และรูปแบบบ้าน-ราคาในตลาดกรุงเทพมหานครและปริมณฑล แนะศึกาาดีมานด์ในพื้นที่-รูปแบบก่อนลงทุน
นายโสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บริษัท เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จำกัด(AREA) กล่าวว่า ผลการสำรวจโครงการอสังหาริมทรัพย์ เฉพาะกลุ่มที่อยู่อาศัย พบว่าจากการขายของที่อยู่อาศัยประเภทต่าง ๆมีข้อมูลค่าน่าสนใจเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงราคาขาย โดยกลุ่มที่อยู่อาศัยที่ขายดี และราคาขายเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นว่าเป็นกลุ่มที่อยู่อาศัยที่เหมาะแก่การพัฒนาเพื่อขายในอนาคต ยังคงเป็นกลุ่ม ทาวน์เฮาส์ระดับราคา 3.29 ล้านบาท ย่านบางบัวปัจจุบันมีราคาเพิ่มเป็น 3.79 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นถึง 15.2% สะท้อนว่าเป็นตลาดที่มีความต้องการในย่านนี้ 2. ห้องชุดระดับราคา 6.4 ล้านบาท ย่านรัชโยธิน มีราคาเพิ่มขึ้นเป็น 7.242 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 13.2% ในระยะเวลา 6 เดือน ล่าสุดแสดงว่าเป็นกลุ่มห้องชุดคุณภาพที่เป็นที่ต้องการในตลาด 3. ห้องชุดราคา 12.97 ล้านบาท ย่านติดวานนท์ กทม. นนทบุรี มีราคาเพิ่มขึ้นเป็น 2.165 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 9.9% ในรอบ 6 เดือนล่าสุด
ทั้งนี้ เพราะอิทธิพลของรถไฟฟ้าสายสีม่วง ซึ่งทำให้ย่านนี้สามารถก่อสร้างห้องชุดขาย โดยมีความต้องการมากพอสมควร 4. ตึกแถวหรืออาคารพาณิชย์ ราคา 3.05 ล้านบาท ย่าน ถ.พระรามสอง กม.1-12 ที่มีราคาเพิ่มขึ้นเป็น 3.35 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 9.8% ในรอบ 6 เดือนล่าสุด) เนื่องจากความต้องการซื้อตึกแถวในย่านนี้เพื่อการค้า โดยย่านนี้เป็นย่านอุตสาหกรรมที่ค่อนข้างหนาแน่น 5. บ้านแฝด ราคา 1.279 ล้านบาท ย่านบางปู ซึ่งมีราคาเพิ่มขึ้นเป็น 1.399 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 9.4% ในรอบ 6 เดือนล่าสุด ทั้งนี้เพราะย่านนี้อยู่ใกล้เมือง และบ้านแฝดย่านนี้มีสภาพคล้ายบ้านเดี่ยว เป็นที่ต้องการของตลาดอยู่พอสมควร นอกจานี้ ยังพบอีกว่าที่อยู่อาศัย 5 กลุ่มข้างต้นดังกล่าว เป็นที่ต้องการของตลาด ราคาจึงปรับตัวสูงขึ้น และคาดว่าจะมีโอกาสขายได้ดีในอนาคต
อย่างไรก็ตาม ในทางตรงกันข้ามในรอบ 6 เดือนล่าสุด สินค้าบางกลุ่ม ราคาลดลงเป็นพิเศษ เป็นสินค้าที่พึงระวัง ได้แก่ 1. ตึกแถวหรืออาคารพาณิชย์ ราคา 2.95 ล้านบาท ในย่านเจ้าคุณทหาร เขตลาดกระบัง มีราคาบอกขายลดลงเหลือ 2.59 ล้านบาท หรือราคาลดลง 12.2% แสดงว่าตึกแถวย่านนี้ไม่เป็นที่ต้องการเท่าที่ควร 2. ทาวน์เฮาส์ ราคา 6.5 ล้านบาท ในย่านบางนา-ตราด กม.1-10 ราคาลดลงมาเป็น 5.9 ล้านบาท ในห้วงเวลา 6 เดือน (ราคาลดลง 9.2%) ทั้งนี้เพราะสินค้านี้คงมีราคาสูงเกินไป ระดับราคานี้ควรซื้อบ้านเดี่ยว จึงทำให้เป็นการก่อสร้างที่อยู่อาศัยที่ผิดความต้องการของตลาดไป
3. ห้องชุด ราคา 0.729 ล้านบาท ย่านนวมินทร์ ซึ่งเป็นโครงการที่ค่อนข้างเก่าในย่านนี้ ราคาจึงลดลงเหลือ 0.64 ล้านบาท (ราคาลดลง 9.0%) 4. บ้านแฝด ราคา 5.383 ล้านบาท ในย่านอ่อนนุช-ศรีนครินทร์ ราคาลดลงในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมาเหลือ 4.926 ล้านบาท (ราคาลดลง 8.5%) แสดงว่าสินค้านี้ตั้งราคาไว้สูงเกินไป 5. บ้านเดี่ยว ราคา 3.6 ล้านบาท ย่านฉลองกรุง ราคาลดเหลือ 3.3 ล้านบาท (ราคาลดลง 8.3%) ทั้งนี้คงเป็นเพราะการตั้งราคาที่สูงเกินความต้องการของตลาดในย่านนี้นั่นเอง
"สินค้าใดที่มีราคาเพิ่มขึ้นจะแสดงถึงความต้องการของตลาดที่นักพัฒนาที่ดินพึงศึกษาเพื่อการพัฒนาในอนาคต ส่วนสินค้าที่มีราคาลดลง แสดงถึงความต้องการที่จำกัด ควรหลีกเลี่ยงการพัฒนาสินค้าเหล่านี้ หากจะพัฒนาสินค้าเหล่านี้ก็ควรจะมีการส่งเสริมการขาย หรือการสร้างความคุ้มค่าอื่นเพื่อให้สามารถขายได้" นายโสภณกล่าว
นายโสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บริษัท เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จำกัด(AREA) กล่าวว่า ผลการสำรวจโครงการอสังหาริมทรัพย์ เฉพาะกลุ่มที่อยู่อาศัย พบว่าจากการขายของที่อยู่อาศัยประเภทต่าง ๆมีข้อมูลค่าน่าสนใจเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงราคาขาย โดยกลุ่มที่อยู่อาศัยที่ขายดี และราคาขายเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นว่าเป็นกลุ่มที่อยู่อาศัยที่เหมาะแก่การพัฒนาเพื่อขายในอนาคต ยังคงเป็นกลุ่ม ทาวน์เฮาส์ระดับราคา 3.29 ล้านบาท ย่านบางบัวปัจจุบันมีราคาเพิ่มเป็น 3.79 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นถึง 15.2% สะท้อนว่าเป็นตลาดที่มีความต้องการในย่านนี้ 2. ห้องชุดระดับราคา 6.4 ล้านบาท ย่านรัชโยธิน มีราคาเพิ่มขึ้นเป็น 7.242 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 13.2% ในระยะเวลา 6 เดือน ล่าสุดแสดงว่าเป็นกลุ่มห้องชุดคุณภาพที่เป็นที่ต้องการในตลาด 3. ห้องชุดราคา 12.97 ล้านบาท ย่านติดวานนท์ กทม. นนทบุรี มีราคาเพิ่มขึ้นเป็น 2.165 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 9.9% ในรอบ 6 เดือนล่าสุด
ทั้งนี้ เพราะอิทธิพลของรถไฟฟ้าสายสีม่วง ซึ่งทำให้ย่านนี้สามารถก่อสร้างห้องชุดขาย โดยมีความต้องการมากพอสมควร 4. ตึกแถวหรืออาคารพาณิชย์ ราคา 3.05 ล้านบาท ย่าน ถ.พระรามสอง กม.1-12 ที่มีราคาเพิ่มขึ้นเป็น 3.35 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 9.8% ในรอบ 6 เดือนล่าสุด) เนื่องจากความต้องการซื้อตึกแถวในย่านนี้เพื่อการค้า โดยย่านนี้เป็นย่านอุตสาหกรรมที่ค่อนข้างหนาแน่น 5. บ้านแฝด ราคา 1.279 ล้านบาท ย่านบางปู ซึ่งมีราคาเพิ่มขึ้นเป็น 1.399 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 9.4% ในรอบ 6 เดือนล่าสุด ทั้งนี้เพราะย่านนี้อยู่ใกล้เมือง และบ้านแฝดย่านนี้มีสภาพคล้ายบ้านเดี่ยว เป็นที่ต้องการของตลาดอยู่พอสมควร นอกจานี้ ยังพบอีกว่าที่อยู่อาศัย 5 กลุ่มข้างต้นดังกล่าว เป็นที่ต้องการของตลาด ราคาจึงปรับตัวสูงขึ้น และคาดว่าจะมีโอกาสขายได้ดีในอนาคต
อย่างไรก็ตาม ในทางตรงกันข้ามในรอบ 6 เดือนล่าสุด สินค้าบางกลุ่ม ราคาลดลงเป็นพิเศษ เป็นสินค้าที่พึงระวัง ได้แก่ 1. ตึกแถวหรืออาคารพาณิชย์ ราคา 2.95 ล้านบาท ในย่านเจ้าคุณทหาร เขตลาดกระบัง มีราคาบอกขายลดลงเหลือ 2.59 ล้านบาท หรือราคาลดลง 12.2% แสดงว่าตึกแถวย่านนี้ไม่เป็นที่ต้องการเท่าที่ควร 2. ทาวน์เฮาส์ ราคา 6.5 ล้านบาท ในย่านบางนา-ตราด กม.1-10 ราคาลดลงมาเป็น 5.9 ล้านบาท ในห้วงเวลา 6 เดือน (ราคาลดลง 9.2%) ทั้งนี้เพราะสินค้านี้คงมีราคาสูงเกินไป ระดับราคานี้ควรซื้อบ้านเดี่ยว จึงทำให้เป็นการก่อสร้างที่อยู่อาศัยที่ผิดความต้องการของตลาดไป
3. ห้องชุด ราคา 0.729 ล้านบาท ย่านนวมินทร์ ซึ่งเป็นโครงการที่ค่อนข้างเก่าในย่านนี้ ราคาจึงลดลงเหลือ 0.64 ล้านบาท (ราคาลดลง 9.0%) 4. บ้านแฝด ราคา 5.383 ล้านบาท ในย่านอ่อนนุช-ศรีนครินทร์ ราคาลดลงในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมาเหลือ 4.926 ล้านบาท (ราคาลดลง 8.5%) แสดงว่าสินค้านี้ตั้งราคาไว้สูงเกินไป 5. บ้านเดี่ยว ราคา 3.6 ล้านบาท ย่านฉลองกรุง ราคาลดเหลือ 3.3 ล้านบาท (ราคาลดลง 8.3%) ทั้งนี้คงเป็นเพราะการตั้งราคาที่สูงเกินความต้องการของตลาดในย่านนี้นั่นเอง
"สินค้าใดที่มีราคาเพิ่มขึ้นจะแสดงถึงความต้องการของตลาดที่นักพัฒนาที่ดินพึงศึกษาเพื่อการพัฒนาในอนาคต ส่วนสินค้าที่มีราคาลดลง แสดงถึงความต้องการที่จำกัด ควรหลีกเลี่ยงการพัฒนาสินค้าเหล่านี้ หากจะพัฒนาสินค้าเหล่านี้ก็ควรจะมีการส่งเสริมการขาย หรือการสร้างความคุ้มค่าอื่นเพื่อให้สามารถขายได้" นายโสภณกล่าว
