00 ทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางไว้ล่วงหน้า เดินทีละขั้นทีละตอน สำหรับกลุ่ม “นิติล้มเจ้า” ขณะเดียวกันเครือข่ายทักษิณ ไม่ว่าจะเป็น “เสื้อแดง-รัฐบาล-พรรคเพื่อไทย” ก็ทำทีแยกเดินไปอีกทาง แต่ในที่สุดแล้วเป้าหมายสุดท้ายก็ต้องมาบรรจบกัน แต่ที่ต้องจับตากันอย่างยิ่งก็คือระหว่างรายทางที่เดินไปนั้นก็ฉวยโอกาสเขย่า “เจ้า” ให้สะเทือนให้มากที่สุด เพราะคนพวกนี้รู้อยู่แล้วว่าไม่อาจทำให้ “พัง” ลงไปทันที แต่จะทำให้อ่อนแรง หรือเปิดเป็นช่องโหว่แล้วค่อยทะลุทะลวงเข้าไปภายหลัง บอกแค่นี้พอเห็นภาพแล้วหรือยังพี่น้อง
00 ข้ออ้างของพวกนิติราษฎร์ที่ว่าถูก ผู้บริหาร ม.ธรรมศาสตร์ปิดกั้นเสรีภาพ แล้วมีการส่งสัญญาณให้พวกเสื้อแดงไม่กี่คนไปถือดอกไม้จันทร์ประท้วงที่ลานปรีดีฯ เมื่อวันก่อน จากนั้นก็ได้แตกตัวออกมาเป็น ครก.112 ทำท่าทางฮึดฮัดว่าเมื่อถูกขัดขวางก็จะย้ายสถานที่ไปเดินสายแบบสัญจร “ปลุกระดม” ต่างจังหวัดทั่วประเทศทุกอย่างกำหนดเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว แต่เมื่อกล้าเสี่ยงแบบนี้ หากเกิดอะไรขึ้นก็ต้องกล้ารับผิดชอบด้วยนะ “วรเจี๊ยก” เอ้ย วรเวตน์ ภาคีรัตน์
00 รายนี้ก็ฮึ่มจนเจ็บคอแล้วสำหรับ ผบ.ทบ.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ออกมาบอกให้ ก๊วนนิติราษฎร์ หยุดเคลื่อนไหว ซึ่งก็คงทำได้แค่นี้ แต่หากมองในแง่ดีก็ถือว่าดีกว่าอยู่เปล่าๆ เพราะการออกมาส่งเสียงเตือนให้ได้ยินอยู่ตลอดเวลาก็ยังดีกว่าวางเฉยดูดาย แต่ที่ต้องตำหนิให้หนักก็น่าจะเป็น ผบ.ตร.พล.ต.อ.เพรียวพันธุ์ ดามาพงศ์ ที่ไม่เคยออกมาพูดและลงมือ “ทำ”ให้ชื่นใจสักครั้งเดียวว่าจะจัดการกับพวก “ล้มเจ้า” ครอกนี้อย่างไร หรือว่าเป็น “พวกเดียวกัน” หือ!!
00 ขณะที่สายเสื้อแดง ก็ไปอีกทางเริ่มรณรงค์เดินหน้าแก้ไข รธน.กันเต็มที่ ดีเดย์กันตั้งแต่สัปดาห์นี้เป็นต้นไป ซึ่งก็สอดคล้องกับพรรคเพื่อไทยที่เตรียมเสนอร่างแก้ไข ม.291 เพื่อเปิดประตูเข้าไปก่อน ผนวกกับเรื่องที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ที่อาสารับงานก็เตรียมเสนอ พ.ร.บ.นิรโทษฯในชื่อใหม่ว่า พ.ร.บ.ปรองดอง เพื่อตบตา แต่ไส้ในก็คือลบล้างความผิดให้ ทักษิณ ชินวัตร ลูกพี่ใหญ่ งานนี้ถ้าสำเร็จรับประกันไว้ล่วงหน้าจะมีการตกรางวัลให้ “อย่างแรง” มิน่าถึงได้กล้าเปลืองตัวกันขนาดนี้
00 แต่ที่ชวนสมเพชเวทนาก็คือพรรครักประเทศไทยของ ชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ หลังจากออกแอ็อกชั่นแปลกๆ จนได้ ส.ส.มา 4 หน่อ แต่เวลานี้สภาพภายในไม่ต่างจาก “ตลาดแตก” ด่าทอกันล้งเล้งวุ่นวาย สาเหตุเป็นเพราะลูกน้องแอบกินคนเดียว หรือกินไม่บอก หรือว่าไม่อยากอยู่ใต้รองเท้าอีกต่อไปก็ไม่รู้ เพราะเมื่อเป็น ส.ส.แล้ว และไม่รู้อนาคตจะได้เป็นอีกหรือเปล่าจึงต้องออกอาการ “ล้ำเส้น” และงานนี้เชื่อว่าจะพังกันทั้งพรรค โดยเฉพาะ ชูวิทย์ พอเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นภาพลักษณ์ที่เคยกระเตื้องขึ้นมาจากเรื่องคลิปบ่อน อนาคตไม่แน่ว่าอาจเดี้ยงเพราะคลิปย้อนศรจากลูกน้องก็เป็นได้ !!
00 เริ่มเข้าสู่บรรยากาศลุ้นระทึกกันแล้ว หลังจากเมื่อวานนี้(6 ก.พ.)ศาล รธน.รับพิจารณาสองร่าง พรก.คือ โอนหนี้ 1.14 ล้านล้านให้แบงก์ชาติรับภาระ เพื่อแต่งบัญชีกู้เพิ่ม และให้คลังกู้บริหารจัดการเรื่องน้ำท่วมและสร้างอนาคตประเทศ 3.5 แสนล้านบาทแต่ไม่รู้ว่าจะสร้างอนาคตทางการเงินให้ใครหรือเปล่าเพราะไม่มีรายละเอียดโครงการว่าจะไปทำอะไรบ้าง มีแต่ตัวเลข ซึ่งฝ่ายค้านและวุฒิสมาชิกเสนอให้ตีความว่าขัดกฎหมายในเรื่องคอขาดบาดตายจำเป็นเร่งด่วนหรือไม่ หมายความว่ารัฐบาลจะต้องหยุดมือเอาไว้ชั่วคราวรอศาลตัดสินก่อน ซึ่งมีกำหนดนัดให้ไปชี้แจงวันที่ 15 ก.พ. ไม่อยากจะนึกเลยว่าถ้าผลออกมาแจ๊กพ็อตแล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นอีก
00 ตบท้ายด้วยควันหลงต่อเนื่องจากเหตุการณ์ข้างสนามกีฬากองทัพบกเมื่อวันจันทร์ที่ 23 ม.ค.) ที่มีการแข่งขันฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีกนัดส่งท้ายก่อนปิดฤดูกาลที่สโมสรอาร์มี ยูในเต็ดเปิดบ้านรับการมาเยือนของ เอสซีจี สมุทรสงคราม ซึ่งผลการแข่งขันก็รับรู้กันไปแล้ว แต่ขณะเดียวกันข้างสนามก็มีเหตุการณ์ที่ไม่น่าเกิดขึ้นเมื่อมี สารวัตรทหารนายหนึ่งที่ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยในสนามแสดงกิริยา “ไม่ควร” ขึ้นมา แต่ในที่สุดก็มีการ “ทำความเข้าใจ”กันแล้วว่าบางครั้งอารมณ์พาไป แต่เมื่อพูดคุยเปิดอกกันอย่างลูกผู้ชาย โดยเฉพาะ “เสธ.ชาย” พล.ต.อดุลยเดช อินทะพงษ์ ผู้จัดการทีม อาร์มีฯที่ “มีน้ำใจ”ก็ต้องยอมรับกันว่า นี่สิ “สุภาพบุรุษ”ของแท้ นับถือ นับถือ !!
00 ข้ออ้างของพวกนิติราษฎร์ที่ว่าถูก ผู้บริหาร ม.ธรรมศาสตร์ปิดกั้นเสรีภาพ แล้วมีการส่งสัญญาณให้พวกเสื้อแดงไม่กี่คนไปถือดอกไม้จันทร์ประท้วงที่ลานปรีดีฯ เมื่อวันก่อน จากนั้นก็ได้แตกตัวออกมาเป็น ครก.112 ทำท่าทางฮึดฮัดว่าเมื่อถูกขัดขวางก็จะย้ายสถานที่ไปเดินสายแบบสัญจร “ปลุกระดม” ต่างจังหวัดทั่วประเทศทุกอย่างกำหนดเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว แต่เมื่อกล้าเสี่ยงแบบนี้ หากเกิดอะไรขึ้นก็ต้องกล้ารับผิดชอบด้วยนะ “วรเจี๊ยก” เอ้ย วรเวตน์ ภาคีรัตน์
00 รายนี้ก็ฮึ่มจนเจ็บคอแล้วสำหรับ ผบ.ทบ.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ออกมาบอกให้ ก๊วนนิติราษฎร์ หยุดเคลื่อนไหว ซึ่งก็คงทำได้แค่นี้ แต่หากมองในแง่ดีก็ถือว่าดีกว่าอยู่เปล่าๆ เพราะการออกมาส่งเสียงเตือนให้ได้ยินอยู่ตลอดเวลาก็ยังดีกว่าวางเฉยดูดาย แต่ที่ต้องตำหนิให้หนักก็น่าจะเป็น ผบ.ตร.พล.ต.อ.เพรียวพันธุ์ ดามาพงศ์ ที่ไม่เคยออกมาพูดและลงมือ “ทำ”ให้ชื่นใจสักครั้งเดียวว่าจะจัดการกับพวก “ล้มเจ้า” ครอกนี้อย่างไร หรือว่าเป็น “พวกเดียวกัน” หือ!!
00 ขณะที่สายเสื้อแดง ก็ไปอีกทางเริ่มรณรงค์เดินหน้าแก้ไข รธน.กันเต็มที่ ดีเดย์กันตั้งแต่สัปดาห์นี้เป็นต้นไป ซึ่งก็สอดคล้องกับพรรคเพื่อไทยที่เตรียมเสนอร่างแก้ไข ม.291 เพื่อเปิดประตูเข้าไปก่อน ผนวกกับเรื่องที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ที่อาสารับงานก็เตรียมเสนอ พ.ร.บ.นิรโทษฯในชื่อใหม่ว่า พ.ร.บ.ปรองดอง เพื่อตบตา แต่ไส้ในก็คือลบล้างความผิดให้ ทักษิณ ชินวัตร ลูกพี่ใหญ่ งานนี้ถ้าสำเร็จรับประกันไว้ล่วงหน้าจะมีการตกรางวัลให้ “อย่างแรง” มิน่าถึงได้กล้าเปลืองตัวกันขนาดนี้
00 แต่ที่ชวนสมเพชเวทนาก็คือพรรครักประเทศไทยของ ชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ หลังจากออกแอ็อกชั่นแปลกๆ จนได้ ส.ส.มา 4 หน่อ แต่เวลานี้สภาพภายในไม่ต่างจาก “ตลาดแตก” ด่าทอกันล้งเล้งวุ่นวาย สาเหตุเป็นเพราะลูกน้องแอบกินคนเดียว หรือกินไม่บอก หรือว่าไม่อยากอยู่ใต้รองเท้าอีกต่อไปก็ไม่รู้ เพราะเมื่อเป็น ส.ส.แล้ว และไม่รู้อนาคตจะได้เป็นอีกหรือเปล่าจึงต้องออกอาการ “ล้ำเส้น” และงานนี้เชื่อว่าจะพังกันทั้งพรรค โดยเฉพาะ ชูวิทย์ พอเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นภาพลักษณ์ที่เคยกระเตื้องขึ้นมาจากเรื่องคลิปบ่อน อนาคตไม่แน่ว่าอาจเดี้ยงเพราะคลิปย้อนศรจากลูกน้องก็เป็นได้ !!
00 เริ่มเข้าสู่บรรยากาศลุ้นระทึกกันแล้ว หลังจากเมื่อวานนี้(6 ก.พ.)ศาล รธน.รับพิจารณาสองร่าง พรก.คือ โอนหนี้ 1.14 ล้านล้านให้แบงก์ชาติรับภาระ เพื่อแต่งบัญชีกู้เพิ่ม และให้คลังกู้บริหารจัดการเรื่องน้ำท่วมและสร้างอนาคตประเทศ 3.5 แสนล้านบาทแต่ไม่รู้ว่าจะสร้างอนาคตทางการเงินให้ใครหรือเปล่าเพราะไม่มีรายละเอียดโครงการว่าจะไปทำอะไรบ้าง มีแต่ตัวเลข ซึ่งฝ่ายค้านและวุฒิสมาชิกเสนอให้ตีความว่าขัดกฎหมายในเรื่องคอขาดบาดตายจำเป็นเร่งด่วนหรือไม่ หมายความว่ารัฐบาลจะต้องหยุดมือเอาไว้ชั่วคราวรอศาลตัดสินก่อน ซึ่งมีกำหนดนัดให้ไปชี้แจงวันที่ 15 ก.พ. ไม่อยากจะนึกเลยว่าถ้าผลออกมาแจ๊กพ็อตแล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นอีก
00 ตบท้ายด้วยควันหลงต่อเนื่องจากเหตุการณ์ข้างสนามกีฬากองทัพบกเมื่อวันจันทร์ที่ 23 ม.ค.) ที่มีการแข่งขันฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีกนัดส่งท้ายก่อนปิดฤดูกาลที่สโมสรอาร์มี ยูในเต็ดเปิดบ้านรับการมาเยือนของ เอสซีจี สมุทรสงคราม ซึ่งผลการแข่งขันก็รับรู้กันไปแล้ว แต่ขณะเดียวกันข้างสนามก็มีเหตุการณ์ที่ไม่น่าเกิดขึ้นเมื่อมี สารวัตรทหารนายหนึ่งที่ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยในสนามแสดงกิริยา “ไม่ควร” ขึ้นมา แต่ในที่สุดก็มีการ “ทำความเข้าใจ”กันแล้วว่าบางครั้งอารมณ์พาไป แต่เมื่อพูดคุยเปิดอกกันอย่างลูกผู้ชาย โดยเฉพาะ “เสธ.ชาย” พล.ต.อดุลยเดช อินทะพงษ์ ผู้จัดการทีม อาร์มีฯที่ “มีน้ำใจ”ก็ต้องยอมรับกันว่า นี่สิ “สุภาพบุรุษ”ของแท้ นับถือ นับถือ !!