xs
xsm
sm
md
lg

“พท.พิจิตร”ชง “ปู”ขอ 1.5 พันล.ขุดลอกบึงสีไฟ หนอง คลอง บึง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พิจิตร- เครือข่ายพรรคเพื่อไทยเมืองชาละวัน เตรียมชงแผนขุดลอกบึงสีไฟ 5,390 ไร่ และอีก 35 ห้วย หนอง คลอง บึง พื้นที่ 6,436 ไร่ ใน 12 อำเภอ งบ 1,500 ล้านเสนอ “ปู-ยิ่งลักษณ์”ระหว่างออนทัวร์ดูพื้นที่ลุ่มน้ำกลางเดือนนี้ ขณะที่องค์กรปกครองในท้องถิ่นจับมือสถาบันการศึกษา นัดเปิดเวทีถอดบทเรียน “อยู่กับน้ำท่วม” วันนี้

นายพงษ์ศักดิ์ เหลืองวิจิตร เลขานุการกรรมาธิการการคมนาคม เปิดเผยภายหลังลงเรือสำรวจพื้นที่บึงสีไฟ ซึ่งอยู่ในความดูแลของกรมเจ้าท่า และจังหวัดพิจิตร สุดสัปดาห์นี้ ว่า บึงสีไฟเป็นบึงน้ำจืดขนาดใหญ่อันดับ 3 ของประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันตื้นเขินเต็มไปด้วยผักตบชวาและวัชพืชนานาชนิด มีพื้นที่ใช้ประโยชน์ร่วมและสามารถใช้สอยในการท่องเที่ยว รวมถึงเพาะพันธุ์ปลาน้ำจืดที่ยังคงมีสภาพดีและสวยงามอยู่เพียง 900 ไร่ นอกนั้นอีกกว่า 4,000 ไร่ ตื้นเขินมีระดับรับน้ำได้แค่เพียงความสูงของน้ำ 1 - 2 เมตรเท่านั้น

เมื่อเกิดน้ำท่วมหรือภัยแล้ง บึงสีไฟ จึงแทบไม่เกิดประโยชน์กับเกษตรกรและชาวพิจิตรเลย ดังนั้นในโอกาสที่นโยบายของรัฐบาลจะหาพื้นที่จำนวน 2 ล้านไร่ ให้เป็นอ่างเก็บน้ำและแก้มลิง ซึ่งทางนางสาวสุณีย์ เหลืองวิจิตร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ได้เสนอเพื่อที่จะจัดทำแผนเร่งด่วนให้บึงสีไฟเป็นพื้นที่รับน้ำขนาดใหญ่ของประเทศอีกจุดหนึ่ง

ขณะนี้ได้ว่าจ้างนักวิชาการจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ทำ EIA ซึ่งมั่นใจว่าถ้าลงมือดำเนินการก็จะไม่กระทบพื้นที่ชุ่มน้ำ หรือ สิ่งแวดล้อม โดยตั้งเป้าว่าจะขุดเฉพาะในส่วนที่ตื้นเขินประมาณ 3,000 ไร่ ให้ลึกลงไปอีก 8-10 เมตร จากนั้นก็จะขุดคลอง และฝังท่อใต้ดินต่อเชื่อมแม่น้ำน่าน ซึ่งอยู่ทางด้านทิศตะวันออกของบึงสีไฟ แม่น้ำพิจิตรเก่า ซึ่งปัจจุบันขุดลอกไว้แล้ว รวมถึงแม่น้ำยมที่อยู่ทางด้านทิศตะวันตกของบึงสีไฟที่มีคลองชลประทาน C1 , C 35 , C 40 , C 67 เป็นโครงข่ายโยงใยการผันน้ำที่เชื่อมต่อกันได้ทั้งระบบ โครงการนี้อาจต้องใช้งบประมาณ 1,500 ล้านบาท

นายพงษ์ศักดิ์ ย้ำว่า แต่ถ้าทำสำเร็จเมื่อถึงฤดูน้ำหลากน้ำจากแม่น้ำยมก็จะผันผ่านคลองในหลวงที่บ้านหมู่ 8 กำแพงดิน อ.สามง่าม จ.พิจิตร ให้ไหลเข้าสู่แม่น้ำน่านที่มีเขื่อนสิริกิติ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ และเขื่อนนเรศวรจังหวัดพิษณุโลก ควบคุมการเปิดปิดจ่ายน้ำได้ ส่วนพื้นที่เกษตรกรรมก็จะให้คลองชลประทาน C1 ซึ่งมีอยู่แล้วรับน้ำจากเขื่อนนเรศวร ผ่านคลองชลประทาน C35 C40 จ่ายน้ำไปยังพื้นที่ด้าน อ.เมืองพิจิตร อ.สามง่าม อ.โพธิ์ประทับช้าง อ.ตะพานหิน อ.บางมูลนาก อ.บางมูลนาก อ.บึงนาราง

ถ้าน้ำในคลอง C1 มีปริมาณมากเกินความจำเป็นก็จะส่งน้ำเข้าคลอง C67 ที่มีทางแยกคลองบริเวณบ้านวังจันทร์ ต.เมืองเก่า อ.เมือง จ.พิจิตร ให้น้ำไหลเข้าบึงสีไฟที่มีจุดเชื่อมต่อบริเวณบ้านวัดขนุน อ.เมือง จ.พิจิตร ซึ่งถ้าขุดลอกบึงสีไฟก็จะรับน้ำได้หลายล้านลูกบาศก์เมตร

“แต่เมื่อถึงหน้าแล้งก็จะมีสถานีสูบน้ำด้วยพลังงานไฟฟ้า จ่ายน้ำจากบึงสีไฟกลับไปยังคลองดังกล่าวข้างต้น”

นายพงษ์ศักดิ์ บอกอีกว่า ดังนั้นในการเดินทางทัวร์นกขมิ้นของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่จะมาสำรวจพื้นที่รับน้ำที่จังหวัดพิจิตร ในวันที่ 14 หรือ 15 ก.พ. นี้ ก็จะเสนอโครงการขุดลอกบึงสีไฟดังกล่าว

นอกจากนี้ ในส่วนของ นายสุวิทย์ วัชโรทยางกูร ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร ก็ยังได้จัดทำเสนอแผนและนโยบายของ จ.พิจิตร ที่จะเสนอให้มีการขุดลอก ห้วย หนอง คลอง บึง ขนาดใหญ่พื้นที่เกินกว่า 100 ไร่ อีกจำนวน 35 แห่ง ในพื้นที่ของ 12 อำเภอของ จ.พิจิตร ซึ่งคิดเป็นพื้นที่โดยรวมประมาณ 6,436 ไร่ เสนอต่อนายกรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาต่อไปด้วย

ด้านนายโกมุท ปัญจมาภิรมย์ สมาชิกสภาจังหวัดพิจิตร เปิดเผยว่า ขณะนี้ชาวจังหวัดพิจิตรมีความตื่นตัวและหวาดวิตกว่าอีก 4 เดือน จะเกิดน้ำท่วมใหญ่ซ้ำขึ้นอีกครั้งเหมือนกับปีที่ผ่านมา ดังนั้นจึงได้ร่วมกับนิสิตรัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต สาขานโยบายสาธารณะ (ศูนย์พิจิตร) คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวรพิษณุโลก จัดเวทีเสวนาถอดบทเรียนประสบการณ์การกู้วิกฤตน้ำท่วม การทำทางระบายน้ำและผู้ที่ใช้ชีวิตอยู่กับน้ำที่ท่วม วันนี้(6 ก.พ.) ที่ ห้องเพชรพิจิตร โรงแรมพิจิตรพลาซ่า โดยมีผู้ร่วมเสวนาจากหลากหลายสาขาอาชีพ

ทั้งนี้ ตั้งเป้าหมายที่จะสร้างเครือข่ายระวังภัย เพื่อจะได้นำผลการเสวนาครั้งนี้ไปเป็นแม่บทหรือตำราต้นฉบับที่จะนำไปเสนอต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อให้ใช้เป็นแผนรับสถานการณ์หากเกิดน้ำท่วมใหญ่จริงในอีก 4 เดือนข้างหน้าด้วยเช่นกัน
กำลังโหลดความคิดเห็น