ขบวนการพูโลว่อนอินเทอร์เน็ต ประณามทหารไทยฆ่าประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่ปัตตานี ปลุกกระแสเลือดคนมลายูปัตตานีมีราคาถูก สามารถจ่ายเป็นเงินได้ ขณะที่คนร้ายซิ่งกระบะยิงถล่ม อส.ยะลาดับคาที่ 2 นาย พร้อมชิงอาวุธปืนอาก้าและปืนพกสั้นรวม 3 กระบอก คาดตอบโต้ 4 ศพปัตตานี "มาร์ค" อัด"ยงยุทธ" พลิ้วรายวัน เยียวยาเหยื่อไฟใต้ ทำสังคมสับสน ลั่นต้องเยียวยา 5 พันชีวิต เท่าเทียมกับ เสื้อแดง
วานนี้ (5 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านในพื้นที่ จ.ยะลา ปัตตานี และ นราธิวาส ว่า ทางขบวนการพูโล ได้ออกแถลงการณ์ผ่านอินเทอร์เน็ต ประณามการกระทำของทหารพรานไทยที่ใช้อาวุธเข่นฆ่าชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ บ้านกาหยี ต.ปุโล๊ะปุโย อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ขณะเดินทางโดยรถยนต์กระบะ เพื่อเดินทางไปละหมาดศพเพื่อนบ้านเสียชีวิต 4 ศพ บาดเจ็บอีก 4 คนส่วนขับรถยนต์ปลอดภัย เมื่อ 29 มกราคม 2555 ที่ผ่านมา
โดยได้พาดหัวว่าเป็นอีกครั้งหนึ่งที่ปฏิบัติการของทหารพรานไทยในการรักษาความมั่นคงในพื้นที่ที่เหี้ยมโหด ไม่มีมนุษยธรรม เข่นฆ่าประชาชนผู้บริสุทธิ์ขณะเดินทางไปละหมาดศพเพื่อนบ้านที่เสียชีวิต ทำให้มลายูปัตตานีเสียชีวิตไป 4 ศพ ซึ่งมีอายุระหว่าง 15-74 ปี
เนื้อหากล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีผู้เสียชีวิต 4 ราย บาดเจ็บอีก 4 ราย ส่วนคนขับรถยนต์ปลอดภัย ซึ่งหลังก่อเหตุ ทางเจ้าหน้าที่ทหารไทย ได้กล่าวหาว่าผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บเป็นกลุ่มขบวนการผู้ก่อความไม่สงบปัตตานี เหตุเกิดห่างจากที่ตั้ง กองร้อยทหารพราน ที่ 4302 ประมาณ 2 กม. ขบวนการปลดปล่อยปัตตานี หรือขบวนการพูโล ของประณามการกระทำในครั้งนี้ว่า เป็นการก่อเหตุที่โหดเหี้ยม ต่อมลายูปัตตานี ซึ่งสอดคล้องกับที่ทางการไทยมีความรู้สึกเกลียดชังต่อคนมลายูปัตตานีเป็นร้อยๆ ปี ยิ่งนับวันยิ่งมากขึ้น และขัดขวางการเตรียมการนำปัตตานี เข้าสู่สภาเศรษฐกิจอาเซียน 2015 (KEA 2015)
นอกจากนี้ ในเนื้อหายังได้กล่าวทิ้งท้ายว่า รัฐบาลก่อเหตุและแก้ปัญหาเอง โดยมองชีวิตของมลายูปัตตานีเป็นการซื้อขายด้วยเงิน และอำนาจเด็ดขาด โดยมีความอิสระในการกระทำของรัฐบาลไทย ฆ่ามลายูแล้วจ่ายเงินชดเชยเพื่อยุติปัญหา ดังนั้นเลือดมลายูปัตตานี ซื้อขายด้วยเงินในราคาถูก และเหยียดหยามโดยกลอุบายได้หรือ
**"มาร์ค"อัด"ยงยุทธ" ทำสับสน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะ ประธาน คอป. ยอมรับว่าพิจารณาหลักเกณฑ์เยียวยาผู้ชุมนุมทางการเมือง ระหว่างปี 48-53 เกี่ยวกับการเยียวยาด้านจิตใจจำนวน 3 ล้านบาท ไม่มีระเบียบใดรองรับ แต่เป็นการพิจารณาจากความรู้สึก ว่า ตนคิดว่าเรื่องนี้มีการชี้แจงหลายครั้ง แต่ข้อมูลกลับไม่ตรงกัน เพราะบางคนก็อ้างว่ามีการคำนวณจากรายได้ประชากร หรือ หลักศาสนา ซึ่งตนเห็นว่า ควรจะต้องมีหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนมากกว่านี้ และอยากเตือนอีกครั้งว่า นอกจากมีหลักเกณฑ์แล้วยังต้องมีกฎหมายมีระเบียบรองรับด้วย
นายอภิสิทธิ์ ยืนยันว่า การจ่ายเงินให้คนกระทำความผิดนั้น ถือว่าผิดหลักเกณฑ์มาตั้งแต่ต้น เพราะการเยียวยาต้องเยียวยาเฉพาะคนที่ถูกละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานเท่านั้น รัฐบาลต้องแยกแยะในเรื่องนี้ หากทำก็จะผิดกฎหมาย จะเป็นปัญหาตามมา
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายยงยุทธ ระบุว่า กรณีภาคใต้ต้องพิสูจน์ว่า ความสูญเสียเกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐหรือไม่ แต่กลับบอกว่า กรณีผู้ชุมนุมคนเสื้อแดง ไม่จำเป็นต้องรอการพิสูจน์ เพราะรัฐบาลมีข้อมูลหมดแล้ว จะเป็นการเลือกปฏิบัติหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า รัฐบาลต้องดำเนินการเรื่องนี้ให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน ไม่เช่นนั้นก็จะไม่มีคำตอบ ถ้าไม่ทำอะไรเป็นมาตรฐานเดียวกัน จะยิ่งเพิ่มตวามขัดแย้งมากขึ้น
" ผมย้ำอีกครั้งว่า ถ้าจ่ายแล้วมีปัญหาเรื่องกฎหมายตามมา ถ้าจ่ายแล้วไม่มีหลักเกณฑ์ที่ชัดเจน มีหลายมาตรฐาน ก็จะมีความขัดแย้ง และสุดท้ายก็จะไม่เป็นไปตามที่รัฐบาลพูด คือทำทั้งหมดเพื่อควมปรองดอง และการที่ออกมาให้ข้อมูลกลับไปกลับมาเกี่ยวกับการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากกรณี กรือเซะ ตากใบ โดยล่าสุด ระบุว่าหลักเกณฑ์ที่ใช้กับผู้ชุมนุมทางการเมือง ไม่รวมสองกลุ่มนี้นั้น ยิ่งสร้างความสับสนมากขึ้น เพราะบางวันก็พูดว่ารวม บางวันก็มาบอกว่า ไม่รวมแล้ว และอยากจะเตือนรัฐบาลว่าปัญหาภาคใต้ ไม่ได้มีเฉพาะ กรือเซะ ตากใบ อย่าลืมว่ามีกว่า 5 พันชีวิต ที่สูญเสียไป และเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับนโยบาย การต่อสู้ทางการเมืองทั้งสิ้น "นายอภิสิทธิ์ กล่าว
**ยิง อส.คุ้มครองพระยะลาดับ 2
ด้านสถานการณ์ความไม่สงบวานนี้ (5 ก.พ.) เวลา 06.00 น.ระหว่างที่ พ.ต.ท.วิรัตน์ ดำคง รอง ผกก.สส.บก.สส.ภ.จ.ยะลา พร้อมชุดเฉพาะกิจออกปฏิบัติภารกิจผ่านไปทางถนนสุขยางค์ เขตเทศบาลนครยะลา ได้ยินเสียงอาวุธปืนดังขึ้นติดต่อกันหลายนัดมาจากบ้านเบอร์เส้ง หมู่ที่ 1 ต.สะเตงนอก แ.เมืองยะลา จึงได้รายงานผู้บังคับบัญชาทราบ
ต่อมานายประยูร รัตนเสนีย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา ฝ่ายความมั่นคง พ.ต.ท.สนธยา ธูปทอง รอง ผกก.ป.สภ.เมืองยะลา จ.ส.อ.อดิศักดิ์ ทับเที่ยง ปลัดป้องกันอำเภอเมืองยะลา รุดไปที่เกิดเหตุอยู่บนถนนสายแฟลตตำรวจ-บ้านเบอร์เส้ง ที่เกิดเหตุอยู่หน้าร้านยามาเซอร์วิส เลขที่ 131 ห่างจากฐานจุดตรวจ อส.บ้านเบอร์เส้ง ประมาณ 100 เมตร และอยู่ห่างจากที่ตั้งจากศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศชต.) และศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ประมาณ 700 เมตร
มีผู้ถูกยิงนอนจมกองเลือดอยู่บนถนน แต่ยังหายใจรวยรินอยู่ ทราบชื่อนายรณชิต พลายแก้ว อายุ 26 ปี และนายสุพัฒน์ อินทนก อายุ 30 ปี ทั้งคู่เป็นอาสาสมัคร (อส.) อำเภอเมืองยะลา ถูกกระสุนที่ศีรษะและลำตัวจนพรุน จึงได้นำตัวทั้งคู่ส่งโรงพยาบาลศูนย์ยะลา แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา
บริเวณใกล้กันยังพบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ 125 ซีซี สีดำไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนล้มอยู่ ใกล้กัน พบปลอกกระสุนปืนเอ็ม 16 ปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม. และลูกซองตกอยู่บริเวณสามแยกตรงข้ามปากทางเข้าซอยเบอร์เส้ง 7 จึงได้เก็บรวบรวมไว้จำนวน 6 ปลอก
สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ อส.ทั้ง 2 นายขับขี่รถคันดังกล่าวออกจากฐานที่ตั้งเพื่อไปปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้แก่พระภิกษุสงฆ์ วัดเวฬุวัน ออกบิณฑบาตในช่วงเช้า ขณะออกจากจุดตรวจมาได้ราว 100 เมตร ได้มีคนร้ายไม่ทราบจำนวนคาดว่าไม่ต่ำกว่า 3 คนใช้รถกระบะยี่ห้ออีซูซุ ดีแมคซ์ สีเทา ไม่ทราบหมายเลขทะเบียนมาจอดรอจังหวะที่ทั้งคู่มาถึง คนร้ายที่อยู่ในกระบะท้าย 2 คนใช้อาวุธปืนเอ็ม 16 อาวุธปืนพกสั้นขนาด 9 มม. และลูกซองยาว 5 นัดระดมยิงใส่จนทั้งคู่ถูกกระสุนปืนได้รับบาดเจ็บล้มลง
หลังก่อเหตุคนร้ายยังได้กระโจนลงไปเอาอาวุธปืน AK 102 (อาก้ารุ่นใหม่) 2 กระบอก และอาวุธปืนพกสั้น ขนาด .38 ของ อส.รณชิต พาขึ้นรถหลบหนีผ่านด่านไปทางบ้านมลายูบางกอกอย่างรวดเร็ว พร้อมกันนี้คนร้ายยังได้โปรยตะปูเรือใบตลอดเส้นทาง ระหว่างหลบหนี เพื่อป้องกันการติดตามของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่า กลุ่มคนร้ายน่าจะเป็นกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบที่เคลื่อนไหวในพื้นที่ อ.เมืองยะลา ที่ต้องการสร้างสถานการณ์ เพื่อตอบโต้เหตุ 4 ศพ ที่ จ.ปัตตานีอย่างแน่นอน
**เผยภาพวงจรปิดคนร้ายยิง อส.
รายงานข่าวแจ้งว่า ต่อมาหน่วยเฉพาะกิจยะลาได้นำภาพจากกล้องวงจรปิดที่อยู่ใกล้กับจุดที่เกิดเหตุออกมาตรวจสอบ พบว่า กลุ่มคนร้ายแต่งกายด้วยชุดดะวะห์ จำนวน 6 คน ใช้รถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้าไฮลักซ์ วีโก้ แค็บ สีบรอนซ์เงิน ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน โดยลักษณะของการก่อเหตุ คนร้ายนั่งอยู่ในกระบะท้ายจำนวน 4 คน ในเก๋งอีก 2 คน ขับรถยนต์เปิดไฟสูงเพื่ออำพรางจากกล้องวงจรปิด ขับรถยนต์ตีคู่กับรถจักรยานยนต์ของ อส. แล้วได้เบียดชนรถจักรยานยนต์ของ อส.จนทำให้รถจักรยานยนต์ของ อส.ล้มลง
คนร้ายที่อยู่ในกระบะท้าย กระโดดลงมาจากรถยนต์แล้วใช้อาวุธปืนสงคราม และอาวุธปืนพกสั้น กระหน่ำยิงเข้าใส่จำนวนหลายนัด จน อส.ทั้ง 2 นายนอนแน่นิ่ง แล้วได้ชิงอาวุธปืนประจำกายไปรวม 3 กระบอก โดยคนร้ายใช้เวลาในการปฏิบัติการเพียง 30 วินาที ก่อนทั้งหมดจะขึ้นรถยนต์แล้วขับรถยนต์หลบหนีมุ่งหน้าไปทางบ้านมาลายูบางกอก
พล.ต.ต.พีระ บุญเลี้ยง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา เปิดเผยว่า ลักษณะของการก่อเหตุของกลุ่มคนร้ายในครั้งนี้ มีความคล้ายกับการก่อเหตุถล่มทหาร ชุด รปภ.พระ ร้อย ร.5011 ฉก.ยะลา สังกัด ร.5 พัน.1 อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งตั้งฐานปฏิบัติการภายในสำนักสงฆ์หัวสะพาน มีทหารเสียชีวิต 2 นาย พระภิกษุถูกกระสุนปืนเฉี่ยวได้รับบาดเจ็บอีก 1 รูป แล้วชิงอาวุธปืนเอ็ม 16 จำนวน 1 กระบอก อาวุธปืนพกสั้น 1 กระบอก เหตุเกิดบริเวณสะพานดำ หลังตลาดพิมลชัย ในเขตเทศบาลนครยะลา อ.เมืองยะลา และยังได้โปรยตะปูเรือใบตลอดเส้นทางถนนเลียบแม่น้ำปัตตานีไปจนถึงตลาด เมื่อวันที่ 18 ธ.ค.53 ที่ผ่านมา ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกหมายจับแล้ว โดยเป็นกลุ่มของนายซับรี ยูนุ และ นายมะกอเซ็ง เจ๊ะมะ และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะนำปลอกกระสุนปืนที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุทั้งหมดไปตรวจสอบอีกครั้งหนึ่งว่ามีความเชื่อมโยงกันหรือไม่อย่างไร
**มทภ.4 รดน้ำศพ 2 อส.เหยื่อโจรใต้
เวลา 15.00 น.ที่ศาลาบำเพ็ญกุศล วัดพุทธภูมิ พระอารามหลวง เขตเทศบาลนครยะลา อ.เมือง จ.ยะลา พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาค 4 ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) เป็นประธานในพิธีรดน้ำศพและวางพวงหรีดหน้าศพ 2 อาสาสมัครอำเภอเมืองยะลาที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ด้งกล่าว โดยมี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) นายเดชรัฐ สิมศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา พล.ต.ต.สุรพงษ์ เขมะสิงคิ รองผู้บัญชาการ ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศชต.) นายประยูร รัตนเสนีย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา (ฝ่ายความมั่นคง) พ.อ.นพพร เรือนจันทร์ รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจยะลา และข้าราชการตำรวจ ทหาร และ ฝ่ายปกครอง เข้าร่วมในพิธีเป็นจำนวนมาก
บรรยากาศในงานเต็มไปด้วยความเศร้าโศกเสียใจของบรรดาญาติมิตร และเพื่อนร่วมงาน หลังจากนั้น แม่ทัพภาคที่ 4 ได้มอบเงินช่วยเหลือจากทางกองทัพ จำนวนหนึ่ง พร้อมทั้งมอบเหรียญกล้าหาญ ส่วนเลขาธิการ ศอ.บต.ด้มอบเงินช่วยเหลือเยียวยาแก่ครอบครัว อส.ทั้ง 2 นายเป็นเงินจำนวนรายละ 500,000 บาท
สำหรับความคืบหน้าในคดีนี้ พล.ต.ต.พีระ บุญเลี้ยง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุดสืบสวนสอบสวน สภ.เมืองยะลา และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวน กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา เร่งตรวจสอบพยานหลักฐานที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุทั้งหมด และพยานหลักฐานจากภาพวงจรปิด เพื่อติดตามกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้มาดำเนินคดีโดยด่วน เพราะเป็นเหตุการณ์ที่สร้างความสะเทือนขวัญ ต่อประชาชนในพื้นที่โดยกลุ่มคนร้ายได้ก่อเหตุอย่างอุกอาจ.
วานนี้ (5 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านในพื้นที่ จ.ยะลา ปัตตานี และ นราธิวาส ว่า ทางขบวนการพูโล ได้ออกแถลงการณ์ผ่านอินเทอร์เน็ต ประณามการกระทำของทหารพรานไทยที่ใช้อาวุธเข่นฆ่าชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ บ้านกาหยี ต.ปุโล๊ะปุโย อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ขณะเดินทางโดยรถยนต์กระบะ เพื่อเดินทางไปละหมาดศพเพื่อนบ้านเสียชีวิต 4 ศพ บาดเจ็บอีก 4 คนส่วนขับรถยนต์ปลอดภัย เมื่อ 29 มกราคม 2555 ที่ผ่านมา
โดยได้พาดหัวว่าเป็นอีกครั้งหนึ่งที่ปฏิบัติการของทหารพรานไทยในการรักษาความมั่นคงในพื้นที่ที่เหี้ยมโหด ไม่มีมนุษยธรรม เข่นฆ่าประชาชนผู้บริสุทธิ์ขณะเดินทางไปละหมาดศพเพื่อนบ้านที่เสียชีวิต ทำให้มลายูปัตตานีเสียชีวิตไป 4 ศพ ซึ่งมีอายุระหว่าง 15-74 ปี
เนื้อหากล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีผู้เสียชีวิต 4 ราย บาดเจ็บอีก 4 ราย ส่วนคนขับรถยนต์ปลอดภัย ซึ่งหลังก่อเหตุ ทางเจ้าหน้าที่ทหารไทย ได้กล่าวหาว่าผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บเป็นกลุ่มขบวนการผู้ก่อความไม่สงบปัตตานี เหตุเกิดห่างจากที่ตั้ง กองร้อยทหารพราน ที่ 4302 ประมาณ 2 กม. ขบวนการปลดปล่อยปัตตานี หรือขบวนการพูโล ของประณามการกระทำในครั้งนี้ว่า เป็นการก่อเหตุที่โหดเหี้ยม ต่อมลายูปัตตานี ซึ่งสอดคล้องกับที่ทางการไทยมีความรู้สึกเกลียดชังต่อคนมลายูปัตตานีเป็นร้อยๆ ปี ยิ่งนับวันยิ่งมากขึ้น และขัดขวางการเตรียมการนำปัตตานี เข้าสู่สภาเศรษฐกิจอาเซียน 2015 (KEA 2015)
นอกจากนี้ ในเนื้อหายังได้กล่าวทิ้งท้ายว่า รัฐบาลก่อเหตุและแก้ปัญหาเอง โดยมองชีวิตของมลายูปัตตานีเป็นการซื้อขายด้วยเงิน และอำนาจเด็ดขาด โดยมีความอิสระในการกระทำของรัฐบาลไทย ฆ่ามลายูแล้วจ่ายเงินชดเชยเพื่อยุติปัญหา ดังนั้นเลือดมลายูปัตตานี ซื้อขายด้วยเงินในราคาถูก และเหยียดหยามโดยกลอุบายได้หรือ
**"มาร์ค"อัด"ยงยุทธ" ทำสับสน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะ ประธาน คอป. ยอมรับว่าพิจารณาหลักเกณฑ์เยียวยาผู้ชุมนุมทางการเมือง ระหว่างปี 48-53 เกี่ยวกับการเยียวยาด้านจิตใจจำนวน 3 ล้านบาท ไม่มีระเบียบใดรองรับ แต่เป็นการพิจารณาจากความรู้สึก ว่า ตนคิดว่าเรื่องนี้มีการชี้แจงหลายครั้ง แต่ข้อมูลกลับไม่ตรงกัน เพราะบางคนก็อ้างว่ามีการคำนวณจากรายได้ประชากร หรือ หลักศาสนา ซึ่งตนเห็นว่า ควรจะต้องมีหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนมากกว่านี้ และอยากเตือนอีกครั้งว่า นอกจากมีหลักเกณฑ์แล้วยังต้องมีกฎหมายมีระเบียบรองรับด้วย
นายอภิสิทธิ์ ยืนยันว่า การจ่ายเงินให้คนกระทำความผิดนั้น ถือว่าผิดหลักเกณฑ์มาตั้งแต่ต้น เพราะการเยียวยาต้องเยียวยาเฉพาะคนที่ถูกละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานเท่านั้น รัฐบาลต้องแยกแยะในเรื่องนี้ หากทำก็จะผิดกฎหมาย จะเป็นปัญหาตามมา
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายยงยุทธ ระบุว่า กรณีภาคใต้ต้องพิสูจน์ว่า ความสูญเสียเกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐหรือไม่ แต่กลับบอกว่า กรณีผู้ชุมนุมคนเสื้อแดง ไม่จำเป็นต้องรอการพิสูจน์ เพราะรัฐบาลมีข้อมูลหมดแล้ว จะเป็นการเลือกปฏิบัติหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า รัฐบาลต้องดำเนินการเรื่องนี้ให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน ไม่เช่นนั้นก็จะไม่มีคำตอบ ถ้าไม่ทำอะไรเป็นมาตรฐานเดียวกัน จะยิ่งเพิ่มตวามขัดแย้งมากขึ้น
" ผมย้ำอีกครั้งว่า ถ้าจ่ายแล้วมีปัญหาเรื่องกฎหมายตามมา ถ้าจ่ายแล้วไม่มีหลักเกณฑ์ที่ชัดเจน มีหลายมาตรฐาน ก็จะมีความขัดแย้ง และสุดท้ายก็จะไม่เป็นไปตามที่รัฐบาลพูด คือทำทั้งหมดเพื่อควมปรองดอง และการที่ออกมาให้ข้อมูลกลับไปกลับมาเกี่ยวกับการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากกรณี กรือเซะ ตากใบ โดยล่าสุด ระบุว่าหลักเกณฑ์ที่ใช้กับผู้ชุมนุมทางการเมือง ไม่รวมสองกลุ่มนี้นั้น ยิ่งสร้างความสับสนมากขึ้น เพราะบางวันก็พูดว่ารวม บางวันก็มาบอกว่า ไม่รวมแล้ว และอยากจะเตือนรัฐบาลว่าปัญหาภาคใต้ ไม่ได้มีเฉพาะ กรือเซะ ตากใบ อย่าลืมว่ามีกว่า 5 พันชีวิต ที่สูญเสียไป และเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับนโยบาย การต่อสู้ทางการเมืองทั้งสิ้น "นายอภิสิทธิ์ กล่าว
**ยิง อส.คุ้มครองพระยะลาดับ 2
ด้านสถานการณ์ความไม่สงบวานนี้ (5 ก.พ.) เวลา 06.00 น.ระหว่างที่ พ.ต.ท.วิรัตน์ ดำคง รอง ผกก.สส.บก.สส.ภ.จ.ยะลา พร้อมชุดเฉพาะกิจออกปฏิบัติภารกิจผ่านไปทางถนนสุขยางค์ เขตเทศบาลนครยะลา ได้ยินเสียงอาวุธปืนดังขึ้นติดต่อกันหลายนัดมาจากบ้านเบอร์เส้ง หมู่ที่ 1 ต.สะเตงนอก แ.เมืองยะลา จึงได้รายงานผู้บังคับบัญชาทราบ
ต่อมานายประยูร รัตนเสนีย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา ฝ่ายความมั่นคง พ.ต.ท.สนธยา ธูปทอง รอง ผกก.ป.สภ.เมืองยะลา จ.ส.อ.อดิศักดิ์ ทับเที่ยง ปลัดป้องกันอำเภอเมืองยะลา รุดไปที่เกิดเหตุอยู่บนถนนสายแฟลตตำรวจ-บ้านเบอร์เส้ง ที่เกิดเหตุอยู่หน้าร้านยามาเซอร์วิส เลขที่ 131 ห่างจากฐานจุดตรวจ อส.บ้านเบอร์เส้ง ประมาณ 100 เมตร และอยู่ห่างจากที่ตั้งจากศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศชต.) และศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ประมาณ 700 เมตร
มีผู้ถูกยิงนอนจมกองเลือดอยู่บนถนน แต่ยังหายใจรวยรินอยู่ ทราบชื่อนายรณชิต พลายแก้ว อายุ 26 ปี และนายสุพัฒน์ อินทนก อายุ 30 ปี ทั้งคู่เป็นอาสาสมัคร (อส.) อำเภอเมืองยะลา ถูกกระสุนที่ศีรษะและลำตัวจนพรุน จึงได้นำตัวทั้งคู่ส่งโรงพยาบาลศูนย์ยะลา แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา
บริเวณใกล้กันยังพบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ 125 ซีซี สีดำไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนล้มอยู่ ใกล้กัน พบปลอกกระสุนปืนเอ็ม 16 ปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม. และลูกซองตกอยู่บริเวณสามแยกตรงข้ามปากทางเข้าซอยเบอร์เส้ง 7 จึงได้เก็บรวบรวมไว้จำนวน 6 ปลอก
สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ อส.ทั้ง 2 นายขับขี่รถคันดังกล่าวออกจากฐานที่ตั้งเพื่อไปปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้แก่พระภิกษุสงฆ์ วัดเวฬุวัน ออกบิณฑบาตในช่วงเช้า ขณะออกจากจุดตรวจมาได้ราว 100 เมตร ได้มีคนร้ายไม่ทราบจำนวนคาดว่าไม่ต่ำกว่า 3 คนใช้รถกระบะยี่ห้ออีซูซุ ดีแมคซ์ สีเทา ไม่ทราบหมายเลขทะเบียนมาจอดรอจังหวะที่ทั้งคู่มาถึง คนร้ายที่อยู่ในกระบะท้าย 2 คนใช้อาวุธปืนเอ็ม 16 อาวุธปืนพกสั้นขนาด 9 มม. และลูกซองยาว 5 นัดระดมยิงใส่จนทั้งคู่ถูกกระสุนปืนได้รับบาดเจ็บล้มลง
หลังก่อเหตุคนร้ายยังได้กระโจนลงไปเอาอาวุธปืน AK 102 (อาก้ารุ่นใหม่) 2 กระบอก และอาวุธปืนพกสั้น ขนาด .38 ของ อส.รณชิต พาขึ้นรถหลบหนีผ่านด่านไปทางบ้านมลายูบางกอกอย่างรวดเร็ว พร้อมกันนี้คนร้ายยังได้โปรยตะปูเรือใบตลอดเส้นทาง ระหว่างหลบหนี เพื่อป้องกันการติดตามของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่า กลุ่มคนร้ายน่าจะเป็นกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบที่เคลื่อนไหวในพื้นที่ อ.เมืองยะลา ที่ต้องการสร้างสถานการณ์ เพื่อตอบโต้เหตุ 4 ศพ ที่ จ.ปัตตานีอย่างแน่นอน
**เผยภาพวงจรปิดคนร้ายยิง อส.
รายงานข่าวแจ้งว่า ต่อมาหน่วยเฉพาะกิจยะลาได้นำภาพจากกล้องวงจรปิดที่อยู่ใกล้กับจุดที่เกิดเหตุออกมาตรวจสอบ พบว่า กลุ่มคนร้ายแต่งกายด้วยชุดดะวะห์ จำนวน 6 คน ใช้รถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้าไฮลักซ์ วีโก้ แค็บ สีบรอนซ์เงิน ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน โดยลักษณะของการก่อเหตุ คนร้ายนั่งอยู่ในกระบะท้ายจำนวน 4 คน ในเก๋งอีก 2 คน ขับรถยนต์เปิดไฟสูงเพื่ออำพรางจากกล้องวงจรปิด ขับรถยนต์ตีคู่กับรถจักรยานยนต์ของ อส. แล้วได้เบียดชนรถจักรยานยนต์ของ อส.จนทำให้รถจักรยานยนต์ของ อส.ล้มลง
คนร้ายที่อยู่ในกระบะท้าย กระโดดลงมาจากรถยนต์แล้วใช้อาวุธปืนสงคราม และอาวุธปืนพกสั้น กระหน่ำยิงเข้าใส่จำนวนหลายนัด จน อส.ทั้ง 2 นายนอนแน่นิ่ง แล้วได้ชิงอาวุธปืนประจำกายไปรวม 3 กระบอก โดยคนร้ายใช้เวลาในการปฏิบัติการเพียง 30 วินาที ก่อนทั้งหมดจะขึ้นรถยนต์แล้วขับรถยนต์หลบหนีมุ่งหน้าไปทางบ้านมาลายูบางกอก
พล.ต.ต.พีระ บุญเลี้ยง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา เปิดเผยว่า ลักษณะของการก่อเหตุของกลุ่มคนร้ายในครั้งนี้ มีความคล้ายกับการก่อเหตุถล่มทหาร ชุด รปภ.พระ ร้อย ร.5011 ฉก.ยะลา สังกัด ร.5 พัน.1 อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งตั้งฐานปฏิบัติการภายในสำนักสงฆ์หัวสะพาน มีทหารเสียชีวิต 2 นาย พระภิกษุถูกกระสุนปืนเฉี่ยวได้รับบาดเจ็บอีก 1 รูป แล้วชิงอาวุธปืนเอ็ม 16 จำนวน 1 กระบอก อาวุธปืนพกสั้น 1 กระบอก เหตุเกิดบริเวณสะพานดำ หลังตลาดพิมลชัย ในเขตเทศบาลนครยะลา อ.เมืองยะลา และยังได้โปรยตะปูเรือใบตลอดเส้นทางถนนเลียบแม่น้ำปัตตานีไปจนถึงตลาด เมื่อวันที่ 18 ธ.ค.53 ที่ผ่านมา ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกหมายจับแล้ว โดยเป็นกลุ่มของนายซับรี ยูนุ และ นายมะกอเซ็ง เจ๊ะมะ และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะนำปลอกกระสุนปืนที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุทั้งหมดไปตรวจสอบอีกครั้งหนึ่งว่ามีความเชื่อมโยงกันหรือไม่อย่างไร
**มทภ.4 รดน้ำศพ 2 อส.เหยื่อโจรใต้
เวลา 15.00 น.ที่ศาลาบำเพ็ญกุศล วัดพุทธภูมิ พระอารามหลวง เขตเทศบาลนครยะลา อ.เมือง จ.ยะลา พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาค 4 ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) เป็นประธานในพิธีรดน้ำศพและวางพวงหรีดหน้าศพ 2 อาสาสมัครอำเภอเมืองยะลาที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ด้งกล่าว โดยมี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) นายเดชรัฐ สิมศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา พล.ต.ต.สุรพงษ์ เขมะสิงคิ รองผู้บัญชาการ ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศชต.) นายประยูร รัตนเสนีย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา (ฝ่ายความมั่นคง) พ.อ.นพพร เรือนจันทร์ รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจยะลา และข้าราชการตำรวจ ทหาร และ ฝ่ายปกครอง เข้าร่วมในพิธีเป็นจำนวนมาก
บรรยากาศในงานเต็มไปด้วยความเศร้าโศกเสียใจของบรรดาญาติมิตร และเพื่อนร่วมงาน หลังจากนั้น แม่ทัพภาคที่ 4 ได้มอบเงินช่วยเหลือจากทางกองทัพ จำนวนหนึ่ง พร้อมทั้งมอบเหรียญกล้าหาญ ส่วนเลขาธิการ ศอ.บต.ด้มอบเงินช่วยเหลือเยียวยาแก่ครอบครัว อส.ทั้ง 2 นายเป็นเงินจำนวนรายละ 500,000 บาท
สำหรับความคืบหน้าในคดีนี้ พล.ต.ต.พีระ บุญเลี้ยง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุดสืบสวนสอบสวน สภ.เมืองยะลา และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวน กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา เร่งตรวจสอบพยานหลักฐานที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุทั้งหมด และพยานหลักฐานจากภาพวงจรปิด เพื่อติดตามกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้มาดำเนินคดีโดยด่วน เพราะเป็นเหตุการณ์ที่สร้างความสะเทือนขวัญ ต่อประชาชนในพื้นที่โดยกลุ่มคนร้ายได้ก่อเหตุอย่างอุกอาจ.