วานนี้ (5ก.พ.55)นายชัยวัฒน์ ไกรฤกษ์ ส.ส.พรรครักประเทศไทย อดีตเลขาธิการพรรค พร้อมทนายความ ได้เดินทางไปแจ้งความดำเนินคดี นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย ในข้อหาหมิ่นประมาท กรณีที่นายชูวิทย์เปิดแถลงข่าวที่พรรค กล่าวหาว่า นายชัยวัฒน์ กับนายโปรดปราน โต๊ะราหนี 2 ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรค ใช้ตำแหน่ง ส.ส.ไปแสวงหาผลประโยชน์ในทางมิชอบเกี่ยวกับการจัดสรรงบประมาณ และแจ้งความเท็จกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โดยมีคนนำดอกไม้ไปมอบให้กำลังใจ ส.ส.ทั้งสองคนแน่นสถานีตำรวจ
นายชัยวัฒน์ยืนยันว่า ไม่เคยไปเรียกรับผลประโยชน์ใดๆ เกี่ยวกับการจัดสรรงบประมาณ เพราะเป็นเพียง ส.ส.ฝ่ายค้านธรรมดา ไม่ได้เป็นกรรมาธิการงบประมาณ และไม่เคยยื่นใบลาออก หรือแสดงเจตนาว่าต้องการลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรครักประเทศไทยแต่อย่างใด เพราะรู้ว่าจะทำให้ขาดคุณสมบัติการเป็น ส.ส.จะมีแค่เพียงการยื่นใบลาออกจากตำแหน่งเลขาธิการพรรค
นายชัยวัฒน์เปิดเผยด้วยว่า รู้จักกับนายชูวิทย์มา 35 ปี เพราะเป็นเพื่อนสมัยเรียนโรงเรียนเทพศิรินทร์ รุ่น 1921 รู้ดีว่านายชูวิทย์เป็นคนยังไง จึงขอเรียกร้องให้นายชูวิทย์หยุดพฤติกรรมกล่าวหาคนอื่น
วันเดียวกัน นายชูวิทย์ แถลงข่าวโดยได้นำคลิปวีดิโอการสนทนาระหว่างตัวเอง กับนายชัยวัฒน์ ที่พูดถึงการผลักดันโครงการสร้างถนนในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชมาเปิดเผยกับผู้สื่อข่าว พร้อมยืนยันว่าการนำคลิปวีดิโอมาเผยแพร่ ไม่ได้ต้องการแบล็คเมล์นายชัยวัฒน์ แต่ต้องการปกป้องตัวเอง เพราะไม่เคยมีส่วนในการกระทำของนายชัยวัฒน์
หัวหน้าพรรครักประเทศไทย กล่าวว่าหลังจากที่นายชัยวัฒน์ ได้เข้ามาเป็น ส.ส. ก็มีพฤติกรรมเปลี่ยนไป อีกทั้งเคยบอกว่าให้ตนเองยุติบทบาทการตรวจสอบรัฐบาล รวมถึงการเปิดเผยเรื่องบ่อนการพนันต่างๆ ซึ่งตนเองเคยบอกกับนายชัยวัฒน์ ว่า ไม่สามารถยุติการทำหน้าที่พรรคการเมืองฝ่ายค้านได้ นอกจากนี้นายชูวิทย์ ยังได้กล่าวขอโทษประชาชน ที่นำนายชัยวัฒน์ เข้าร่วมพรรคพร้อมยืนยันหลักฐานการลาออกจากสมาชิกพรรครักประเทศไทย โดยมีกรรมการบริหารพรรคเป็นพยานในการลงชื่อลาออก ซึ่งตนได้ส่งเอกสารดังกล่าวไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยระหว่างตนเองและนายชัยวัฒน์ ยังสามารถพบปะและร่วมรับประทานอาหารกันได้ แต่จะไม่สามารถร่วมงานทางการเมืองกันได้อีก
รายงานข่าวแจ้งว่า สาเหตุความขัดแย้งนี้ เนื่องจากนายชูวิทย์ ไม่พอนายชัยวัฒน์ ที่เข้าตีสนิทกับแกนนำนปช.ระดับผู้นำเสื้อแดง และตีสนิทไปถึงส.ส.พรรคแกนนำรัฐบาลด้วย
นางสดศรี สัตยธรรม กกต. ด้านกิจการพรรคการเมืองและการออกเสียงประชามติ กล่าวว่า เรื่องนี้ยังอยู่ระหว่างการไต่สวน เนื่องจากยังมีการโต้เถียงกันในเรื่องลายเซ็นในหนังสือการลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค ซึ่งนายชัยวัฒน์ ออกมาปฏิเสธว่าไม่ใช่ลายมือของตนเอง โดยเรื่องนี้คงต้องพิสูจน์กันระหว่างนายชูวิทย์ กับนายชัยวัฒน์ ว่ามีการปลอมลายเซ็นหรือไม่ โดยทาง กกต. ก็คงต้องนำเอาลายเซ็นที่อยู่ในหนังสือลาออกจากเป็นสมาชิกพรรคของนายชัยวัฒน์ ไปตรวจสอบที่สถาบันนิติเวชวิทยา หรือกรมตำรวจ
ขณะนี้กกต. ก็ได้เชิญนายชูวิทย์มาชี้แจงแล้ว แต่ถึงขณะนี้นายชูวิทย์ ก็ยังไม่ได้มาชี้แจง ส่วนกรณีของนายโปรดปราน ที่มีข่าวว่าได้ลาออกจากสมาชิกพรรคอีก 1 คนนั้น ทาง กกต. ยังไม่ได้รับหนังสือแจ้งรายชื่อลาออกของนายโปรดปราน อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าวอยู่ในการสืบพยานกัน
นายชัยวัฒน์ยืนยันว่า ไม่เคยไปเรียกรับผลประโยชน์ใดๆ เกี่ยวกับการจัดสรรงบประมาณ เพราะเป็นเพียง ส.ส.ฝ่ายค้านธรรมดา ไม่ได้เป็นกรรมาธิการงบประมาณ และไม่เคยยื่นใบลาออก หรือแสดงเจตนาว่าต้องการลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรครักประเทศไทยแต่อย่างใด เพราะรู้ว่าจะทำให้ขาดคุณสมบัติการเป็น ส.ส.จะมีแค่เพียงการยื่นใบลาออกจากตำแหน่งเลขาธิการพรรค
นายชัยวัฒน์เปิดเผยด้วยว่า รู้จักกับนายชูวิทย์มา 35 ปี เพราะเป็นเพื่อนสมัยเรียนโรงเรียนเทพศิรินทร์ รุ่น 1921 รู้ดีว่านายชูวิทย์เป็นคนยังไง จึงขอเรียกร้องให้นายชูวิทย์หยุดพฤติกรรมกล่าวหาคนอื่น
วันเดียวกัน นายชูวิทย์ แถลงข่าวโดยได้นำคลิปวีดิโอการสนทนาระหว่างตัวเอง กับนายชัยวัฒน์ ที่พูดถึงการผลักดันโครงการสร้างถนนในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชมาเปิดเผยกับผู้สื่อข่าว พร้อมยืนยันว่าการนำคลิปวีดิโอมาเผยแพร่ ไม่ได้ต้องการแบล็คเมล์นายชัยวัฒน์ แต่ต้องการปกป้องตัวเอง เพราะไม่เคยมีส่วนในการกระทำของนายชัยวัฒน์
หัวหน้าพรรครักประเทศไทย กล่าวว่าหลังจากที่นายชัยวัฒน์ ได้เข้ามาเป็น ส.ส. ก็มีพฤติกรรมเปลี่ยนไป อีกทั้งเคยบอกว่าให้ตนเองยุติบทบาทการตรวจสอบรัฐบาล รวมถึงการเปิดเผยเรื่องบ่อนการพนันต่างๆ ซึ่งตนเองเคยบอกกับนายชัยวัฒน์ ว่า ไม่สามารถยุติการทำหน้าที่พรรคการเมืองฝ่ายค้านได้ นอกจากนี้นายชูวิทย์ ยังได้กล่าวขอโทษประชาชน ที่นำนายชัยวัฒน์ เข้าร่วมพรรคพร้อมยืนยันหลักฐานการลาออกจากสมาชิกพรรครักประเทศไทย โดยมีกรรมการบริหารพรรคเป็นพยานในการลงชื่อลาออก ซึ่งตนได้ส่งเอกสารดังกล่าวไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยระหว่างตนเองและนายชัยวัฒน์ ยังสามารถพบปะและร่วมรับประทานอาหารกันได้ แต่จะไม่สามารถร่วมงานทางการเมืองกันได้อีก
รายงานข่าวแจ้งว่า สาเหตุความขัดแย้งนี้ เนื่องจากนายชูวิทย์ ไม่พอนายชัยวัฒน์ ที่เข้าตีสนิทกับแกนนำนปช.ระดับผู้นำเสื้อแดง และตีสนิทไปถึงส.ส.พรรคแกนนำรัฐบาลด้วย
นางสดศรี สัตยธรรม กกต. ด้านกิจการพรรคการเมืองและการออกเสียงประชามติ กล่าวว่า เรื่องนี้ยังอยู่ระหว่างการไต่สวน เนื่องจากยังมีการโต้เถียงกันในเรื่องลายเซ็นในหนังสือการลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค ซึ่งนายชัยวัฒน์ ออกมาปฏิเสธว่าไม่ใช่ลายมือของตนเอง โดยเรื่องนี้คงต้องพิสูจน์กันระหว่างนายชูวิทย์ กับนายชัยวัฒน์ ว่ามีการปลอมลายเซ็นหรือไม่ โดยทาง กกต. ก็คงต้องนำเอาลายเซ็นที่อยู่ในหนังสือลาออกจากเป็นสมาชิกพรรคของนายชัยวัฒน์ ไปตรวจสอบที่สถาบันนิติเวชวิทยา หรือกรมตำรวจ
ขณะนี้กกต. ก็ได้เชิญนายชูวิทย์มาชี้แจงแล้ว แต่ถึงขณะนี้นายชูวิทย์ ก็ยังไม่ได้มาชี้แจง ส่วนกรณีของนายโปรดปราน ที่มีข่าวว่าได้ลาออกจากสมาชิกพรรคอีก 1 คนนั้น ทาง กกต. ยังไม่ได้รับหนังสือแจ้งรายชื่อลาออกของนายโปรดปราน อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าวอยู่ในการสืบพยานกัน
