ASTVผู้จัดการรายวัน – “สิงห์” ชี้ตลาดเบียร์ปีนี้โตไม่ต่ำว่กา 5% หลังผ่านวิกฤติน้ำท่วมหนักปีที่แล้ว ชูกลยุทธ์หัวใจนำการตลาด ดันแชร์รวมพิ่มอีก 2% เป็น 70% เล็งเปิดตลาดต่างประเทศใหม่ๆ พร้อมโฟกัสพม่า
นายฉัตรชัย วิรัตน์โยสินทร์ ผู้อำนวยการสายการตลาด บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด ในเครือ บุญรอดบริวเวอรี่ เปิดเผยว่า ตลาดรวมเบียร์ปี 2555 นี้ คาดว่าจะมีการเติบโตไม่ต่ำวกว่า 5% จากมูลค่าตลาด 115,000 ล้านบาท ขณะที่ปีที่แล้วตลาดรวมเบียร์เติบโตแค่ 2-3% เท่านั้น
เนื่องจากปีนี้ภาพรวมเศรษฐกิจดีขึ้น และรัฐบาลอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบมากขึ้น และกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ฟื้นตัวขึ้นอย่างชัดเจน ผิดจากปีที่แล้วที่เจอเหตุการณ์น้ำท่วมมหนัก ทำให้กำลังการผลิตสินค้าในตลาดรวมลดลง
ทั้งนี้แผนตลาดของสิงห์ปีนี้จะเน้นไปที่ การใช้หัวใจนำการตลาด หรือ เน้นสร้างรอยยิ้มให้ทุกคน ด้วยงบการตลาดที่ใกล้เคียงกับปีก่อน ตามแนวทางที่ นายสันติ ภิรมย์ภักดี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ ได้ให้แนวทางไว้ โดยมีเป้าหมายผลักดันให้ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในเครือทุกแบรนด์ มีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มเป็น 70% จากปีก่อน มีส่วนแบ่งการตลาด 68% ในตลาดรวมเบียร์ ขณะที่คู่แข่งคือกลุ่มเบียร์ช้างมีส่วนแบ่ง 28%
สำหรับการรับมือกับเหตุน้ำท่วมใหญ่ที่อาจจะเกดิอีกในปีนี้ นายฉัตรชัยกล่าวว่า ได้เตรียมรับมืออย่างเต็มที่ ทั้งระบบลอจิสติกส์ คลังสินค้า และโรงงาน ขณะเดียวกัน กกำลังการผลิตสินค้าเครื่องดื่มของบริษัท คาดว่าจะกลับมาปกติได้ในเดือน เม.ย.นี้ เพราะเป็นฤดูขายสินค้าและเข้าสู่เทศกาลสงกรานต์ ที่ต้องผลิตสินค้าเพิ่มขึ้นถึงระดับ 110-120% รองรับกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้น มั่นใจว่า ในช่วงดังกล่าว บริษัทจะมีสินค้าเพียงพอกับความต้องการอย่างแน่นอน
หลังจากต้องหยุดการผลิตไปเพราะน้ำท่มวใหญ่ปีที่แล้ว ที่ส่งผลกระทบต่อโรงงานในเครือที่ผลิตขวดในนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ เกิดความเสียหาย เพราะขวดแก้วที่ใช้ผลิตเครื่องดื่มจมน้ำไป 50 ล้านขวด แต่บริษัทได้ทำลายขวดดังกล่าวทันที เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภค
นายฉัตรชัยยังกล่าวถึงแผนการรุกตลาดต่างประเทศด้วยว่า นโยบายของบริษัทต้องการสร้างแบรนด์สู่โกลบอลแบรนด์ จึงไม่ได้มองคู่แข่งและเน้นแข่งในประเทศมาเป็นเวลา 3-4 ปีแล้ว แต่ต้องการ ให้แบรนด์ สิงห์ สู่โกลบอลแบรนด์ให้สำเร็จในอนาคต โดยบริษัทจะนำสินค้าเครื่องดื่มในเครือทุกแบรนด์ ทั้ง สิงห์ ลีโอ โซดาสิงห์ และบีอิ้ง ไปขยายตลาดใหม่ในประเทศเพื่อนบ้านเพิ่มขึ้น
ส่วนประเทศที่มีโอกาสขยายตลาดได้ดีในปีนี้คือ พม่า เพราะกำลังเปิดประเทศ และมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่สูงต่อเนื่อง
นายฉัตรชัย วิรัตน์โยสินทร์ ผู้อำนวยการสายการตลาด บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด ในเครือ บุญรอดบริวเวอรี่ เปิดเผยว่า ตลาดรวมเบียร์ปี 2555 นี้ คาดว่าจะมีการเติบโตไม่ต่ำวกว่า 5% จากมูลค่าตลาด 115,000 ล้านบาท ขณะที่ปีที่แล้วตลาดรวมเบียร์เติบโตแค่ 2-3% เท่านั้น
เนื่องจากปีนี้ภาพรวมเศรษฐกิจดีขึ้น และรัฐบาลอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบมากขึ้น และกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ฟื้นตัวขึ้นอย่างชัดเจน ผิดจากปีที่แล้วที่เจอเหตุการณ์น้ำท่วมมหนัก ทำให้กำลังการผลิตสินค้าในตลาดรวมลดลง
ทั้งนี้แผนตลาดของสิงห์ปีนี้จะเน้นไปที่ การใช้หัวใจนำการตลาด หรือ เน้นสร้างรอยยิ้มให้ทุกคน ด้วยงบการตลาดที่ใกล้เคียงกับปีก่อน ตามแนวทางที่ นายสันติ ภิรมย์ภักดี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ ได้ให้แนวทางไว้ โดยมีเป้าหมายผลักดันให้ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในเครือทุกแบรนด์ มีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มเป็น 70% จากปีก่อน มีส่วนแบ่งการตลาด 68% ในตลาดรวมเบียร์ ขณะที่คู่แข่งคือกลุ่มเบียร์ช้างมีส่วนแบ่ง 28%
สำหรับการรับมือกับเหตุน้ำท่วมใหญ่ที่อาจจะเกดิอีกในปีนี้ นายฉัตรชัยกล่าวว่า ได้เตรียมรับมืออย่างเต็มที่ ทั้งระบบลอจิสติกส์ คลังสินค้า และโรงงาน ขณะเดียวกัน กกำลังการผลิตสินค้าเครื่องดื่มของบริษัท คาดว่าจะกลับมาปกติได้ในเดือน เม.ย.นี้ เพราะเป็นฤดูขายสินค้าและเข้าสู่เทศกาลสงกรานต์ ที่ต้องผลิตสินค้าเพิ่มขึ้นถึงระดับ 110-120% รองรับกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้น มั่นใจว่า ในช่วงดังกล่าว บริษัทจะมีสินค้าเพียงพอกับความต้องการอย่างแน่นอน
หลังจากต้องหยุดการผลิตไปเพราะน้ำท่มวใหญ่ปีที่แล้ว ที่ส่งผลกระทบต่อโรงงานในเครือที่ผลิตขวดในนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ เกิดความเสียหาย เพราะขวดแก้วที่ใช้ผลิตเครื่องดื่มจมน้ำไป 50 ล้านขวด แต่บริษัทได้ทำลายขวดดังกล่าวทันที เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภค
นายฉัตรชัยยังกล่าวถึงแผนการรุกตลาดต่างประเทศด้วยว่า นโยบายของบริษัทต้องการสร้างแบรนด์สู่โกลบอลแบรนด์ จึงไม่ได้มองคู่แข่งและเน้นแข่งในประเทศมาเป็นเวลา 3-4 ปีแล้ว แต่ต้องการ ให้แบรนด์ สิงห์ สู่โกลบอลแบรนด์ให้สำเร็จในอนาคต โดยบริษัทจะนำสินค้าเครื่องดื่มในเครือทุกแบรนด์ ทั้ง สิงห์ ลีโอ โซดาสิงห์ และบีอิ้ง ไปขยายตลาดใหม่ในประเทศเพื่อนบ้านเพิ่มขึ้น
ส่วนประเทศที่มีโอกาสขยายตลาดได้ดีในปีนี้คือ พม่า เพราะกำลังเปิดประเทศ และมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่สูงต่อเนื่อง
