สองสามวันก่อนมีมิตรสหาย ซึ่งเป็นนักวิชาการด้านความมั่นคงจากสาธารณรัฐประชาชนจีนมาเยี่ยมยามถามข่าว แต่แทนที่เขาจะเป็นฝ่ายถามเรา ผมและคณะผู้ต้อนรับซึ่งมีอยู่ 5-6 คน (รวมทั้งเด็กเสิร์ฟ) กลับเป็นฝ่ายถามรุกอยู่ฝ่ายเดียว ด้วยความกระหายใคร่รู้ว่าขณะนี้มหาอำนาจอย่างจีนเป็นอย่างไรบ้าง
แขกผู้มาเยือนรายนี้เล่าให้ฟังตั้งแต่ความทันสมัยของจีนในการผลิตอาวุธ ตั้งแต่จรวดสเตลท์, ยุทธการสงครามอวกาศใช้ดาวเทียมไล่บี้ดาวเทียม ฯลฯ แต่สุดท้ายก็มาลงเอยตรงที่ว่าประเทศจีนกำลังเครียดเคร่งกับบทบาทของสหรัฐอเมริกาที่เปิดฉากรุกภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกโดยเฉพาะอาเซียนอีกครั้งหนึ่ง..ทั้งเวียดนาม, เขมร, ไทย และโดยเฉพาะอย่างยิ่งพม่าที่กำลัง “เปลี๊ยนไป๋” เอาใจออกห่างจากจีน ตั้งแต่ยกเลิกการสร้างเขื่อนยักษ์ของจีนและอีกหลายโครงการ แล้วกลับไปดี๋ด๋ากับสหรัฐฯ ในหลายๆเรื่อง
“ผมไม่ได้ยุแหย่นะ แต่ผมว่าอเมริกันกำลังอันตรายยิ่งอีกครั้งสำหรับประเทศไทย” หนุ่มนักวิชาการท่านนี้เน้นสียงคำว่า “อันตราย” ซึ่งพวกผมบอกว่าเห็นด้วย และบอกกล่าวไปว่าเมื่อรู้เช่นนี้แล้วจีนน่าจะกระชับมือกับไทยให้มากกว่านี้ ควรหาทางใช้ความเป็นมหาอำนาจ บทบาทในศาลโลก บทบาท-บารมีที่มีเหนือเขมรมาช่วยเหลือไทยที่หมิ่นเหม่กรณีเสียดินแดนบ้าง
ผู้มาเยือนพยักหน้า ก่อนพูดสั้นๆ “เขมรหน้าตรงแต่ใจคด”
ต้นเดือนมกราคม 2555 ที่ผ่านมา ได้พบกับ คุณอังคณา นีละไพจิตร ประธานมูลนิธิยุติธรรมเพื่อสันติภาพ ในรายการ “สภาท่าพระอาทิตย์” ทำให้ได้รับข้อมูลว่าวันนี้ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้พลุกพล่านไปด้วยทุนช่วยเหลือจากสหรัฐฯ องค์กรพัฒนาเอกชนหรือเอ็นจีโอทั้งรายเล็กรายใหญ่รับเงินช่วยเหลือกันทั่วถ้วน จากที่แต่เดิมมีหลายกลุ่มปฏิเสธเพราะถือว่าเป็นเงินพวกยิว...คุณอังคณาเธอกำลังคิดเหมือนผมว่าสหรัฐฯ ต้องมีบางสิ่งบางอย่างกับ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้!!??
วันที่ 27 มกราคม 2555 ที่ผ่านมา คุณสนธิ ลิ้มทองกุล ซึ่งมักบินเร็วกว่าเสียงหรือแม่นยำในการทำนายล่วงหน้า ได้เดี่ยวไมโครโฟนผ่ายรายการ “คนเคาะข่าว” ทางเอเอสทีวี โดยเปลือยปลิ้นยุทธศาสตร์-ยุทธวิธีของสหรัฐฯ ว่า เป็นมหาอำนาจที่ใช้กลุ่มทุนหนุนคนเสื้อแดงให้ปฏิบัติการล้มเจ้าเพื่อผลประโยชน์ด้านพลังงานและอื่นๆ ของตัวเอง....โดยข้อมูล–รายละเอียดที่คุณสนธินำมาแสดงถือว่าตกผลึก สมบูรณ์กว่าทุกครั้ง...
ครับ ที่ผมนำปรากฏการณ์เหล่านี้มาเล่าสู่กันฟังก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าจะบอกเราๆ ท่านๆ ว่า วันนี้ของประเทศไทยนอกจากจะถูกท้าทายจากเรื่องราวน่าปวดเศียรเวียนเกล้าจากปัญหาภายใน และโชคร้ายที่เรามีผู้นำที่กระเดียดไปทาง “พริตตี้ประเทศ” แล้วภัยคุกคามรูปแบบใหม่จากมหาอำนาจ ที่กำลังผนวกผนึกกระชับมือกับทุนสามานย์คือภัยร้ายสำคัญที่อันตราย ซึ่งเราต้องรู้เท่าทัน..
ส่วนปัญหาภายในเฉพาะหน้านี้ก็อย่างที่ทราบๆ กันว่า มีเรื่องร้ายๆ ร้อนๆ หลายเรื่องที่น่าเสียวไส้ อาทิ
1) กรณีมติศาลโลกเรื่องไทย-กัมพูชา 2) กรณีกลุ่มนิติราษฎร์ที่ยังไม่เลิกราที่จะแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 ทั้งๆ ที่ถูกต่อต้านอย่างหนัก 3) กรณีคดี 14 ศพ(ขั้นตอนชันสูตรพลิกศพ) ที่อัยการกำลังจะส่งเรื่องไปยังศาล และแนวรบคนเสื้อแดงตั้งธงเอาไว้ว่าสุดท้ายจะทำให้ “ชายชุดดำ” ที่ยิงประชาชนกลายเป็นทหาร 4) กรณี พ.ร.ก. 2 ฉบับที่ถูกยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัย 5) กรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ลึกๆ แล้วมีการตั้งเป้าเอาไว้ว่าจะฟอกผิดให้กับคนชื่อ “ทักษิณ” ไปด้วยเลย และ 6) พ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติ ฉบับ “เฉลิมจัดให้” โดยจะใช้ 6 มาตราถอยหลังประเทศไทยไปถึงวันที่ 18 ก.ย. 2549 เลิกแล้วต่อกันทุกฝ่าย ทักษิณกลับบ้านได้แบบเบิร์ดๆ...
ท่ามกลางสถานการณ์และโจทย์ประเทศไทยเป็นเช่นนี้ ย่อมเป็นที่น่าหนักใจสำหรับทุกฝ่ายที่ยังรักบ้านรักเมือง รักสถาบันสูงสุด โดยเฉพาะกองทัพและองค์กรประชาชน ที่จะต้องจัดทัพปรับแถวหรือร่วมกันตีโจทย์ให้แตก เพื่อจะเดินไปข้างหน้าเพื่อกอบบ้านกู้เมือง..ซึ่งผมยอมรับว่าจนปัญญาที่จะเสนอแนะทางออกที่เป็นสูตรสำเร็จอะไรได้...
ยิ่งกว่านั้น ถึงบรรทัดนี้ใคร่กราบเรียนว่า หลังจากได้รับโอกาสให้เขียนคอลัมน์ “หน้ากระดานเรียงห้า” มาหลายเพลา และเคยเว้นวรรคไปช่วงหนึ่ง วันนี้ด้วยเหตุผลความจำเป็นบางประการที่ชีวิตจะต้องเดินทางต่อไปตามกรรมวิถี ต้องกราบขออนุญาตหยุดเขียนอีกครั้งหนึ่ง....โดยเหตุผลรายละเอียดเกี่ยวกับตัวผมที่เชื่อมโยงมาถึงคอลัมน์นี้ ผมได้โพสต์เอาไว้ในเฟสบุ๊กเมื่อวานนี้ (1 ก.พ.) ซึ่งใคร่ขออนุญาตนำมาเป็นบทอำลาทุกท่านตรงนี้อีกครั้ง นะครับ...
..................................................
จากใจ.....ถึงพ่อแม่พี่น้องพันธมิตรฯ- เพื่อนพ้องน้องพี่และทุกท่านที่เคารพรัก
ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. 2555 นี้ผมจะไปประจำการเป็นที่ปรึกษาและพิธีกรบางรายการที่สำนักข่าวที นิวส์/สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมช่องใหม่ชื่อ “ไทยทีวีดี” ซึ่งสำนักข่าวทีนิวส์บริหาร โดยมีเหตุผลส่วนตัวบางประการโดยเฉพาะถือเป็นโอกาสใช้หนี้ (ทางใจ) กับน้องชายคนหนึ่ง..สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม ผอ.สำนักข่าวทีนิวส์ รวมทั้งเห็นว่าสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีดีที่มุ่งเน้นความเป็นสถานีข่าว และการตรวจสอบก็น่าจะเป็นเวทีที่สร้างสรรค์บ้านเมืองได้ตามสมควร
ทั้งนี้ทั้งนั้นใคร่เรียนว่า ผมได้ไปกราบคารวะเรียนให้คุณสนธิ ลิ้มทองกุล รับทราบด้วยความเข้าใจเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อหลายวันก่อน ซึ่งอยากย้ำว่าคุณสนธิเป็นคนใจกว้าง ใจนักเลง และเป็นผู้ใหญ่ที่เข้าใจในเหตุผล....
ผมเกรงว่าการไปปรากฏกายหน้าจอทีวีไทยทีวีดีแทบทุกวัน จากที่เคยเป็นแขกในรายการสภาท่าพระอาทิตย์ของเอเอสทีวี สัปดาห์ละครั้ง อาจจะมีผู้ฉวยโอกาสนำไปวิเคราะห์เจาะลึกตีความไปต่างๆ นานา จึงขออนุญาตรบกวนเรียนมาเพื่อโปรดทราบตามนี้ และขอยืนยันว่าไม่ว่าจะทำหน้าที่อยู่ตรงไหน ที่ใด ก็ยังจะยึดมั่นในความถูกต้อง ร่วมปกป้อง ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ อย่างไม่เปลี่ยนแปลง และยังรำลึกถึงทุกท่านที่เคยร่วมต่อสู้กันมา....
ปล.ขออภัยที่ไม่ได้บอกกล่าวเพื่อนพ้องน้องพี่หลายคนในเครือเอเอสทีวี-ผู้จัดการ
ด้วยจิตคารวะ/สำราญ รอดเพชร
แขกผู้มาเยือนรายนี้เล่าให้ฟังตั้งแต่ความทันสมัยของจีนในการผลิตอาวุธ ตั้งแต่จรวดสเตลท์, ยุทธการสงครามอวกาศใช้ดาวเทียมไล่บี้ดาวเทียม ฯลฯ แต่สุดท้ายก็มาลงเอยตรงที่ว่าประเทศจีนกำลังเครียดเคร่งกับบทบาทของสหรัฐอเมริกาที่เปิดฉากรุกภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกโดยเฉพาะอาเซียนอีกครั้งหนึ่ง..ทั้งเวียดนาม, เขมร, ไทย และโดยเฉพาะอย่างยิ่งพม่าที่กำลัง “เปลี๊ยนไป๋” เอาใจออกห่างจากจีน ตั้งแต่ยกเลิกการสร้างเขื่อนยักษ์ของจีนและอีกหลายโครงการ แล้วกลับไปดี๋ด๋ากับสหรัฐฯ ในหลายๆเรื่อง
“ผมไม่ได้ยุแหย่นะ แต่ผมว่าอเมริกันกำลังอันตรายยิ่งอีกครั้งสำหรับประเทศไทย” หนุ่มนักวิชาการท่านนี้เน้นสียงคำว่า “อันตราย” ซึ่งพวกผมบอกว่าเห็นด้วย และบอกกล่าวไปว่าเมื่อรู้เช่นนี้แล้วจีนน่าจะกระชับมือกับไทยให้มากกว่านี้ ควรหาทางใช้ความเป็นมหาอำนาจ บทบาทในศาลโลก บทบาท-บารมีที่มีเหนือเขมรมาช่วยเหลือไทยที่หมิ่นเหม่กรณีเสียดินแดนบ้าง
ผู้มาเยือนพยักหน้า ก่อนพูดสั้นๆ “เขมรหน้าตรงแต่ใจคด”
ต้นเดือนมกราคม 2555 ที่ผ่านมา ได้พบกับ คุณอังคณา นีละไพจิตร ประธานมูลนิธิยุติธรรมเพื่อสันติภาพ ในรายการ “สภาท่าพระอาทิตย์” ทำให้ได้รับข้อมูลว่าวันนี้ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้พลุกพล่านไปด้วยทุนช่วยเหลือจากสหรัฐฯ องค์กรพัฒนาเอกชนหรือเอ็นจีโอทั้งรายเล็กรายใหญ่รับเงินช่วยเหลือกันทั่วถ้วน จากที่แต่เดิมมีหลายกลุ่มปฏิเสธเพราะถือว่าเป็นเงินพวกยิว...คุณอังคณาเธอกำลังคิดเหมือนผมว่าสหรัฐฯ ต้องมีบางสิ่งบางอย่างกับ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้!!??
วันที่ 27 มกราคม 2555 ที่ผ่านมา คุณสนธิ ลิ้มทองกุล ซึ่งมักบินเร็วกว่าเสียงหรือแม่นยำในการทำนายล่วงหน้า ได้เดี่ยวไมโครโฟนผ่ายรายการ “คนเคาะข่าว” ทางเอเอสทีวี โดยเปลือยปลิ้นยุทธศาสตร์-ยุทธวิธีของสหรัฐฯ ว่า เป็นมหาอำนาจที่ใช้กลุ่มทุนหนุนคนเสื้อแดงให้ปฏิบัติการล้มเจ้าเพื่อผลประโยชน์ด้านพลังงานและอื่นๆ ของตัวเอง....โดยข้อมูล–รายละเอียดที่คุณสนธินำมาแสดงถือว่าตกผลึก สมบูรณ์กว่าทุกครั้ง...
ครับ ที่ผมนำปรากฏการณ์เหล่านี้มาเล่าสู่กันฟังก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าจะบอกเราๆ ท่านๆ ว่า วันนี้ของประเทศไทยนอกจากจะถูกท้าทายจากเรื่องราวน่าปวดเศียรเวียนเกล้าจากปัญหาภายใน และโชคร้ายที่เรามีผู้นำที่กระเดียดไปทาง “พริตตี้ประเทศ” แล้วภัยคุกคามรูปแบบใหม่จากมหาอำนาจ ที่กำลังผนวกผนึกกระชับมือกับทุนสามานย์คือภัยร้ายสำคัญที่อันตราย ซึ่งเราต้องรู้เท่าทัน..
ส่วนปัญหาภายในเฉพาะหน้านี้ก็อย่างที่ทราบๆ กันว่า มีเรื่องร้ายๆ ร้อนๆ หลายเรื่องที่น่าเสียวไส้ อาทิ
1) กรณีมติศาลโลกเรื่องไทย-กัมพูชา 2) กรณีกลุ่มนิติราษฎร์ที่ยังไม่เลิกราที่จะแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 ทั้งๆ ที่ถูกต่อต้านอย่างหนัก 3) กรณีคดี 14 ศพ(ขั้นตอนชันสูตรพลิกศพ) ที่อัยการกำลังจะส่งเรื่องไปยังศาล และแนวรบคนเสื้อแดงตั้งธงเอาไว้ว่าสุดท้ายจะทำให้ “ชายชุดดำ” ที่ยิงประชาชนกลายเป็นทหาร 4) กรณี พ.ร.ก. 2 ฉบับที่ถูกยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัย 5) กรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ลึกๆ แล้วมีการตั้งเป้าเอาไว้ว่าจะฟอกผิดให้กับคนชื่อ “ทักษิณ” ไปด้วยเลย และ 6) พ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติ ฉบับ “เฉลิมจัดให้” โดยจะใช้ 6 มาตราถอยหลังประเทศไทยไปถึงวันที่ 18 ก.ย. 2549 เลิกแล้วต่อกันทุกฝ่าย ทักษิณกลับบ้านได้แบบเบิร์ดๆ...
ท่ามกลางสถานการณ์และโจทย์ประเทศไทยเป็นเช่นนี้ ย่อมเป็นที่น่าหนักใจสำหรับทุกฝ่ายที่ยังรักบ้านรักเมือง รักสถาบันสูงสุด โดยเฉพาะกองทัพและองค์กรประชาชน ที่จะต้องจัดทัพปรับแถวหรือร่วมกันตีโจทย์ให้แตก เพื่อจะเดินไปข้างหน้าเพื่อกอบบ้านกู้เมือง..ซึ่งผมยอมรับว่าจนปัญญาที่จะเสนอแนะทางออกที่เป็นสูตรสำเร็จอะไรได้...
ยิ่งกว่านั้น ถึงบรรทัดนี้ใคร่กราบเรียนว่า หลังจากได้รับโอกาสให้เขียนคอลัมน์ “หน้ากระดานเรียงห้า” มาหลายเพลา และเคยเว้นวรรคไปช่วงหนึ่ง วันนี้ด้วยเหตุผลความจำเป็นบางประการที่ชีวิตจะต้องเดินทางต่อไปตามกรรมวิถี ต้องกราบขออนุญาตหยุดเขียนอีกครั้งหนึ่ง....โดยเหตุผลรายละเอียดเกี่ยวกับตัวผมที่เชื่อมโยงมาถึงคอลัมน์นี้ ผมได้โพสต์เอาไว้ในเฟสบุ๊กเมื่อวานนี้ (1 ก.พ.) ซึ่งใคร่ขออนุญาตนำมาเป็นบทอำลาทุกท่านตรงนี้อีกครั้ง นะครับ...
..................................................
จากใจ.....ถึงพ่อแม่พี่น้องพันธมิตรฯ- เพื่อนพ้องน้องพี่และทุกท่านที่เคารพรัก
ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. 2555 นี้ผมจะไปประจำการเป็นที่ปรึกษาและพิธีกรบางรายการที่สำนักข่าวที นิวส์/สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมช่องใหม่ชื่อ “ไทยทีวีดี” ซึ่งสำนักข่าวทีนิวส์บริหาร โดยมีเหตุผลส่วนตัวบางประการโดยเฉพาะถือเป็นโอกาสใช้หนี้ (ทางใจ) กับน้องชายคนหนึ่ง..สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม ผอ.สำนักข่าวทีนิวส์ รวมทั้งเห็นว่าสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีดีที่มุ่งเน้นความเป็นสถานีข่าว และการตรวจสอบก็น่าจะเป็นเวทีที่สร้างสรรค์บ้านเมืองได้ตามสมควร
ทั้งนี้ทั้งนั้นใคร่เรียนว่า ผมได้ไปกราบคารวะเรียนให้คุณสนธิ ลิ้มทองกุล รับทราบด้วยความเข้าใจเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อหลายวันก่อน ซึ่งอยากย้ำว่าคุณสนธิเป็นคนใจกว้าง ใจนักเลง และเป็นผู้ใหญ่ที่เข้าใจในเหตุผล....
ผมเกรงว่าการไปปรากฏกายหน้าจอทีวีไทยทีวีดีแทบทุกวัน จากที่เคยเป็นแขกในรายการสภาท่าพระอาทิตย์ของเอเอสทีวี สัปดาห์ละครั้ง อาจจะมีผู้ฉวยโอกาสนำไปวิเคราะห์เจาะลึกตีความไปต่างๆ นานา จึงขออนุญาตรบกวนเรียนมาเพื่อโปรดทราบตามนี้ และขอยืนยันว่าไม่ว่าจะทำหน้าที่อยู่ตรงไหน ที่ใด ก็ยังจะยึดมั่นในความถูกต้อง ร่วมปกป้อง ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ อย่างไม่เปลี่ยนแปลง และยังรำลึกถึงทุกท่านที่เคยร่วมต่อสู้กันมา....
ปล.ขออภัยที่ไม่ได้บอกกล่าวเพื่อนพ้องน้องพี่หลายคนในเครือเอเอสทีวี-ผู้จัดการ
ด้วยจิตคารวะ/สำราญ รอดเพชร