00 กลายเป็น “สุนัขหัวเน่า”สมบูรณ์แบบแล้วจริงๆสำหรับพวก “นิติเนรคุณ” ที่มีทั้ง “หัวหงอกหัวดำ” ที่เด่นๆออกหน้าขึ้นมาบนเวทีเท่าที่จำได้ก็มี วรเจตน์ ภาคีรัตน์ ส่วนคนอื่นๆ อีกหลายคนแม้ว่าจะพยายามทำตัวให้โดดเด่นเป็นที่จดจำ แต่เสียใจจริงๆที่จำไม่ได้เพราะมันโนเนม แต่ที่น่าสมเพชก็คือคนอย่าง ชาญวิทย์ เกษตรศิริ รวมไปถึง นิธิ เอียวศรีวงศ์ ที่ทำตัวเป็น “อีแอบ” ยืนซ่อนอยู่ข้างเสา ดันหลังให้พวกเด็กๆเหล่านี้มาตายแทน แต่ก็อย่างว่าเมื่อคิดว่ามันคุ้มกับความเด่นดัง คิดว่าเท่ก็เชิญตามสบาย
00 อย่างไรก็ดีกรณีของเด็กๆพวกนี้ มันก็ได้เห็นธาตุแท้ของคนหลายคน ที่ว่าพอถึงเวลาวิกฤติจวนตัวมีผลลบมากกว่าบวกก็ “ชิ่งหนี” กันพัลวัน เพราะแม้แต่พรรคเพื่อไทย “ทักษิณกรุ๊ป” ที่เช็กเรทติ้งแล้วเห็นว่ามีแต่เสียงด่า และเกิดอารมณ์โมโหจนแทบจะกินเลือดกินเนื้อก็รีบแถลงปฏิเสธว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกันหน้าตาเฉย ทั้งที่ผ่านมาพวกเด็กเมื่อวานซืนกลุ่มนี้ก็เคยเคลื่อนไหว เคย “แหกปาก”เกื้อหนุนกันมาตลอด มาวันนี้กลายเป็นคนละส่วนตัวใครตัวมัน
00 แต่เดี๋ยวก่อน! พี่น้องอย่าเพิ่งวางใจ เพราะหลายคนมองว่านี่คือการ “สับขาหลอก” แบบเนียนที่สุด ทำให้สังคมตายใจ ทำให้เห็นว่า ทั้งรัฐบาล พรรคเพื่อไทย และ ทักษิณ ชินวัตร ไม่ได้เกี่ยวข้องกัน แต่ผลจากความเหิมเกริมดังกล่าวอย่างน้อยก็ทำให้เกิดการ “สร้างกระแส” วิจารณ์ สถาบันพระมหากษัตริย์ โดยเฉพาะเป้าหมายอยู่ที่พวก “เด็กรุ่นใหม่ๆ” ที่เพิ่งเกิดมาในยุคที่ไม่เคยเห็นพระเจ้าอยู่หัวเสด็จในพื้นที่ห่างไกลในถิ่นทุรกันดาร ทรงริเริ่มโครงการหลวงเพื่อความอยู่ดีกินดีของพสกนิกร เด็กๆพวกนี้ถูกล้างสมองด้วยความคิดว่าการได้ “วิจารณ์เจ้า” ว่านี่คือ “พวกหัวก้าวหน้า” เป็นความเท่ เหนือกว่าคนอื่น เป็นความพยายามสร้างค่านิยมใหม่ เหมือนกับที่พวกรับจ้างสอนกฎหมายในมหาวิทยาลัยกำลังทำอยู่ในเวลานี้
00 น่าผิดหวังกับอาการ “ตาลีตาเหลือก” แบบเพิ่งโผล่หัวออกมาของ สมคิด เลิศไพฑูรย์ ในฐานะอธิการบดีม.ธรรมศาสตร์ ที่อ้างมติกรรมการบริหารมหาวิทยาลัยสั่งห้ามพวก นิติเนรคุณใช้สถานที่ ม.ธรรมศาสตร์เคลื่อนไหวปลุกระดมให้แก้ไข ม.112 บ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ แม้จะเป็นท่าทีที่ชัดเจน แต่คำถามก็คือที่ผ่านมาทำไมถึงเงียบ “รอเช็กกระแส”สังคมอยู่ตั้งนาน
00 จะเรียกว่าอาจต้อง “ตายน้ำตื้น หรือว่าพบจุดจบเพราะความเหิมเกริมของตัวเองก็ได้ สำหรับรัฐบาลของ “นายกฯนกแก้ว” หลังจากที่ ส.ส.ปชป.เช่น กรณ์ จาติกวณิช รวบรวมรายชื่อเสนอให้ศาลรธน.ตีความว่า พรก.สองฉบับคือ พรก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อวางระบบบริหารจัดการน้ำฯจำนวน 3.5 แสนล้านบ.และพรก.ปรับปรุงการบริหารหนี้เงินกู้ฯว่าขัดกับรธน.184 หรือไม่ ความหมายก็คือมีความจำเป็นเร่งด่วนหรือไม่ และวานนี้(31 ม.ค.) กลุ่ม ส.ว.บางส่วน เช่น คำนูณ สิทธิสมาน ได้ยื่นศาลรธน.ซ้ำเป็นดาบสอง ดูแนวโน้มต้องลุ้นระทึกเสียด้วยซี เพราะแค่ศาลรับพิจารณาทุกอย่างก็ต้องหยุดนิ่งชั่วคราว และถ้าสุดท้ายผลออกมาว่าผิดแล้วละก็ไม่อยากจะนึกถึงผลที่ตามมา แต่บอกได้คำเดียวว่า “ขนลุก” จริงๆ !!
00 ได้เห็นข่าวกลุ่มสหกรณ์แท็กซี่ออกมาโวยวายกระทรวงพลังงานที่ออกบัตรเครดิตพลังงานที่ตอนแรกบอกว่าเพื่อช่วยเหลืออุดหนุนราคาก๊าซ ที่ปตท.ปรับขึ้นเอ็นจีวีไปเดือนละ 50 ส.ต.ต่อกก.แต่เอาเข้าจริงก็มีปัญหาทั้งเรื่องความล่าช้ามีแท็กซี่และสามล้อได้รับบัตรดังกล่าวแค่จิ๊บจ๊อย แถมเมื่อนำไปใช้จริงก็ไม่มีปั๊มไหนรับอ้างโน่นอ้างนี่สารพัด ก็นี่แหละเขาเรียกว่า “โดนต้ม” ไงละ เพราะมันมั่วได้ทุกเรื่องแหละ ทุด !!
00 อย่างไรก็ดีกรณีของเด็กๆพวกนี้ มันก็ได้เห็นธาตุแท้ของคนหลายคน ที่ว่าพอถึงเวลาวิกฤติจวนตัวมีผลลบมากกว่าบวกก็ “ชิ่งหนี” กันพัลวัน เพราะแม้แต่พรรคเพื่อไทย “ทักษิณกรุ๊ป” ที่เช็กเรทติ้งแล้วเห็นว่ามีแต่เสียงด่า และเกิดอารมณ์โมโหจนแทบจะกินเลือดกินเนื้อก็รีบแถลงปฏิเสธว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกันหน้าตาเฉย ทั้งที่ผ่านมาพวกเด็กเมื่อวานซืนกลุ่มนี้ก็เคยเคลื่อนไหว เคย “แหกปาก”เกื้อหนุนกันมาตลอด มาวันนี้กลายเป็นคนละส่วนตัวใครตัวมัน
00 แต่เดี๋ยวก่อน! พี่น้องอย่าเพิ่งวางใจ เพราะหลายคนมองว่านี่คือการ “สับขาหลอก” แบบเนียนที่สุด ทำให้สังคมตายใจ ทำให้เห็นว่า ทั้งรัฐบาล พรรคเพื่อไทย และ ทักษิณ ชินวัตร ไม่ได้เกี่ยวข้องกัน แต่ผลจากความเหิมเกริมดังกล่าวอย่างน้อยก็ทำให้เกิดการ “สร้างกระแส” วิจารณ์ สถาบันพระมหากษัตริย์ โดยเฉพาะเป้าหมายอยู่ที่พวก “เด็กรุ่นใหม่ๆ” ที่เพิ่งเกิดมาในยุคที่ไม่เคยเห็นพระเจ้าอยู่หัวเสด็จในพื้นที่ห่างไกลในถิ่นทุรกันดาร ทรงริเริ่มโครงการหลวงเพื่อความอยู่ดีกินดีของพสกนิกร เด็กๆพวกนี้ถูกล้างสมองด้วยความคิดว่าการได้ “วิจารณ์เจ้า” ว่านี่คือ “พวกหัวก้าวหน้า” เป็นความเท่ เหนือกว่าคนอื่น เป็นความพยายามสร้างค่านิยมใหม่ เหมือนกับที่พวกรับจ้างสอนกฎหมายในมหาวิทยาลัยกำลังทำอยู่ในเวลานี้
00 น่าผิดหวังกับอาการ “ตาลีตาเหลือก” แบบเพิ่งโผล่หัวออกมาของ สมคิด เลิศไพฑูรย์ ในฐานะอธิการบดีม.ธรรมศาสตร์ ที่อ้างมติกรรมการบริหารมหาวิทยาลัยสั่งห้ามพวก นิติเนรคุณใช้สถานที่ ม.ธรรมศาสตร์เคลื่อนไหวปลุกระดมให้แก้ไข ม.112 บ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ แม้จะเป็นท่าทีที่ชัดเจน แต่คำถามก็คือที่ผ่านมาทำไมถึงเงียบ “รอเช็กกระแส”สังคมอยู่ตั้งนาน
00 จะเรียกว่าอาจต้อง “ตายน้ำตื้น หรือว่าพบจุดจบเพราะความเหิมเกริมของตัวเองก็ได้ สำหรับรัฐบาลของ “นายกฯนกแก้ว” หลังจากที่ ส.ส.ปชป.เช่น กรณ์ จาติกวณิช รวบรวมรายชื่อเสนอให้ศาลรธน.ตีความว่า พรก.สองฉบับคือ พรก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อวางระบบบริหารจัดการน้ำฯจำนวน 3.5 แสนล้านบ.และพรก.ปรับปรุงการบริหารหนี้เงินกู้ฯว่าขัดกับรธน.184 หรือไม่ ความหมายก็คือมีความจำเป็นเร่งด่วนหรือไม่ และวานนี้(31 ม.ค.) กลุ่ม ส.ว.บางส่วน เช่น คำนูณ สิทธิสมาน ได้ยื่นศาลรธน.ซ้ำเป็นดาบสอง ดูแนวโน้มต้องลุ้นระทึกเสียด้วยซี เพราะแค่ศาลรับพิจารณาทุกอย่างก็ต้องหยุดนิ่งชั่วคราว และถ้าสุดท้ายผลออกมาว่าผิดแล้วละก็ไม่อยากจะนึกถึงผลที่ตามมา แต่บอกได้คำเดียวว่า “ขนลุก” จริงๆ !!
00 ได้เห็นข่าวกลุ่มสหกรณ์แท็กซี่ออกมาโวยวายกระทรวงพลังงานที่ออกบัตรเครดิตพลังงานที่ตอนแรกบอกว่าเพื่อช่วยเหลืออุดหนุนราคาก๊าซ ที่ปตท.ปรับขึ้นเอ็นจีวีไปเดือนละ 50 ส.ต.ต่อกก.แต่เอาเข้าจริงก็มีปัญหาทั้งเรื่องความล่าช้ามีแท็กซี่และสามล้อได้รับบัตรดังกล่าวแค่จิ๊บจ๊อย แถมเมื่อนำไปใช้จริงก็ไม่มีปั๊มไหนรับอ้างโน่นอ้างนี่สารพัด ก็นี่แหละเขาเรียกว่า “โดนต้ม” ไงละ เพราะมันมั่วได้ทุกเรื่องแหละ ทุด !!