ASTVผู้จัดการรายวัน - กรุงศรีฯเผยความคืบหน้าซื้อพอร์ตรายย่อย HSBC คาดโอนเสร็จมี.ค.นี้ ดันสัดส่วนธุรกิจรายย่อยเพิ่มเป็น 2% พร้อมตั้งเป้ายอดใช้จ่ายบัตรเป็น 8 หมื่นล้าน และเพิ่มยอดบัตรอีก 1.1 แสนใบ
นายฐากร ปิยะพันธ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่กลุ่มงานลูกค้าบุคคล ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)(BAY) เปิดเผยว่า หลังจากที่ธนาคารได้เข้าซื้อกลุ่มธุรกิจรายย่อยจากธนาคารเอสเอชบีซีในมูลค่าเงินลงทุน 3,557 ล้านบาท หรือประมาณ 115 ล้านดอลลาร์หสรัฐนั้น ในกลุ่มดังกล่าว มีทั้งธุรกิจบัตรเคดิต สินเชื่อบุคคล สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย และธุรกิจเงินฝาก ซึ่งมีฐานลูกค้ารวม 5.5 แสนราย แบ่งเป็นลูกค้าบัตรเคดิต 5 แสนรายมูลค่าพอร์ต 1.3 หมื่นล้านบาท และคาดว่าการโอนย้ายธุรกิจลูกค้ารายย่อยจากเอชเอสบีซี จะแล้วเสร็จในช่วงปลายเดือนมี.ค 55
ทั้งนี้ การเข้าซื้อพอร์ตดังกล่าวจะส่งผลให้สินทรัพย์ของธุรกิจรายย่อยเพิ่มขึ้น 2% และในส่วนบัตรเครดิตที่ธนาคารซื้อพอร์ตมาจะโอนให้บริษัทบัตรกรุงศรีอยุธยา จำกัด ขณะที่สินเชื่อประเภทที่เหลือธนาคารจะเป็นผู้บริหารจัดการเอง
"การเข้าซื้อธุรกิจดังกล่าวทำให้ส่งผลด้านความแข็งแกร่งและการเติบโตของธนาคาร อีกด้วย อีกทั้งในส่วนของบัตรเคดิตยังมีการต่อยอดฐานลูกค้าธนาคารเพิ่มขึ้นอีก ทั้งนี้ธนาคารยังคงใช้ตราบัตรเคดิต HSBC ไปก่อนในช่วง 6- 9 เดือนเพื่อให้ลูกค้าปรับตัว และหลังจากนั้นจึงจะมีการเปลี่ยนรูปแบบของบัตรให้แก่ลูกค้าในรูปแบบของบัตรธนาคารกรุงศรีอยุธยา"
ด้านธุรกิจเงินฝากที่เป็นฐานลูกค้าเป็นระดับบนนั้น เป็นส่วนที่สอดคล้องกับแผนที่ธนาคารจะต้องมีการระดมเงินฝากที่เพิ่มขึ้น เพื่อรองรับกฎเกณฑ์การปรับลดการคุ้มครองเงินฝากในเดือนส.ค.ที่จะถึงนี้ และทางทีมงานของเอชเอสบีซีที่ดูแลลูกค้าระดับสูงนั้น จะมีการโอนย้านมาทำงานกับธนาคารประมาณ 30 -40 ราย
นายธาดา จารุกิจไพศาล กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท บัตรกรุงศรีอยุธยา จำกัด กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทตั้งเป้ายอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเพิ่มเป็น 8 หมื่นล้านบาท จากปีก่อนที่ตั้งเป้าหมายไว้ที่ 7 หมื่นล้านบาท และตั้งเป้าเพิ่มยอดบัตรใหม่ 1.1 แสนใบ จากสิ้นปีก่อนอยู่ที่ 1 ล้านใบ โดยปัจจุบันส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ระดับ 7% และหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL)จะคงรักษาระดับไว้ไม่ให้เกิน 2%
อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่เกิดเหตุอุทภัยในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ยอดใช้จ่ายผานบัตรเครดิตลดลงค่อนข้างมากมาก แต่เดือนในธันวาคม 2554 ที่ผ่านมายอดได้ปรับเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลทำให้มียอดใช้จ่ายเพิ่มเป็น 8 พันล้านบาทต่อเดือน ซึ่งสูงกว่ายอดใช้จ่ายในระดับปกติที่ 7 พันล้านบาทต่อเดือน เนื่องจากลูกค้าได้ใช้จ่ายผ่านบัตรเพื่อนำไปซื้อวัสดุอุปกรณ์ซ่อมแซมบ้านเรือนที่เสียหาย รวมถึงเฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ
ล่าสุด ธนาคารกรุงศรีฯได้ออกบัตรเดบิตและบัตรเครดิตแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รูปลักษณ์ใหม่ ซึ่งเป็นการต่อสัญญาเป็นพันธมิตรกับทางสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นเวลาอีก 5 ปี ในการออกผลิตภัณฑ์ทางการเงิน ซึ่งธนาคารกรุงศรีฯเป็นธนาคารแห่งเดียวในประเทศไทยที่ได้รับสิทธิ์อย่างเป็นทางการ เทียบเท่าพันธมิตรระดับโลก โดยปัจจุบัน กรุงศรีมีฐานบัตรเดบิต แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดกว่า 1 แสนใบ โดยปีนี้ได้ตั้งเป้าเพิ่มฐานลูกค้ารวมเพิ่มอีก 2-3 หมื่นใบ
นายฐากร ปิยะพันธ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่กลุ่มงานลูกค้าบุคคล ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)(BAY) เปิดเผยว่า หลังจากที่ธนาคารได้เข้าซื้อกลุ่มธุรกิจรายย่อยจากธนาคารเอสเอชบีซีในมูลค่าเงินลงทุน 3,557 ล้านบาท หรือประมาณ 115 ล้านดอลลาร์หสรัฐนั้น ในกลุ่มดังกล่าว มีทั้งธุรกิจบัตรเคดิต สินเชื่อบุคคล สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย และธุรกิจเงินฝาก ซึ่งมีฐานลูกค้ารวม 5.5 แสนราย แบ่งเป็นลูกค้าบัตรเคดิต 5 แสนรายมูลค่าพอร์ต 1.3 หมื่นล้านบาท และคาดว่าการโอนย้ายธุรกิจลูกค้ารายย่อยจากเอชเอสบีซี จะแล้วเสร็จในช่วงปลายเดือนมี.ค 55
ทั้งนี้ การเข้าซื้อพอร์ตดังกล่าวจะส่งผลให้สินทรัพย์ของธุรกิจรายย่อยเพิ่มขึ้น 2% และในส่วนบัตรเครดิตที่ธนาคารซื้อพอร์ตมาจะโอนให้บริษัทบัตรกรุงศรีอยุธยา จำกัด ขณะที่สินเชื่อประเภทที่เหลือธนาคารจะเป็นผู้บริหารจัดการเอง
"การเข้าซื้อธุรกิจดังกล่าวทำให้ส่งผลด้านความแข็งแกร่งและการเติบโตของธนาคาร อีกด้วย อีกทั้งในส่วนของบัตรเคดิตยังมีการต่อยอดฐานลูกค้าธนาคารเพิ่มขึ้นอีก ทั้งนี้ธนาคารยังคงใช้ตราบัตรเคดิต HSBC ไปก่อนในช่วง 6- 9 เดือนเพื่อให้ลูกค้าปรับตัว และหลังจากนั้นจึงจะมีการเปลี่ยนรูปแบบของบัตรให้แก่ลูกค้าในรูปแบบของบัตรธนาคารกรุงศรีอยุธยา"
ด้านธุรกิจเงินฝากที่เป็นฐานลูกค้าเป็นระดับบนนั้น เป็นส่วนที่สอดคล้องกับแผนที่ธนาคารจะต้องมีการระดมเงินฝากที่เพิ่มขึ้น เพื่อรองรับกฎเกณฑ์การปรับลดการคุ้มครองเงินฝากในเดือนส.ค.ที่จะถึงนี้ และทางทีมงานของเอชเอสบีซีที่ดูแลลูกค้าระดับสูงนั้น จะมีการโอนย้านมาทำงานกับธนาคารประมาณ 30 -40 ราย
นายธาดา จารุกิจไพศาล กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท บัตรกรุงศรีอยุธยา จำกัด กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทตั้งเป้ายอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเพิ่มเป็น 8 หมื่นล้านบาท จากปีก่อนที่ตั้งเป้าหมายไว้ที่ 7 หมื่นล้านบาท และตั้งเป้าเพิ่มยอดบัตรใหม่ 1.1 แสนใบ จากสิ้นปีก่อนอยู่ที่ 1 ล้านใบ โดยปัจจุบันส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ระดับ 7% และหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL)จะคงรักษาระดับไว้ไม่ให้เกิน 2%
อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่เกิดเหตุอุทภัยในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ยอดใช้จ่ายผานบัตรเครดิตลดลงค่อนข้างมากมาก แต่เดือนในธันวาคม 2554 ที่ผ่านมายอดได้ปรับเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลทำให้มียอดใช้จ่ายเพิ่มเป็น 8 พันล้านบาทต่อเดือน ซึ่งสูงกว่ายอดใช้จ่ายในระดับปกติที่ 7 พันล้านบาทต่อเดือน เนื่องจากลูกค้าได้ใช้จ่ายผ่านบัตรเพื่อนำไปซื้อวัสดุอุปกรณ์ซ่อมแซมบ้านเรือนที่เสียหาย รวมถึงเฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ
ล่าสุด ธนาคารกรุงศรีฯได้ออกบัตรเดบิตและบัตรเครดิตแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รูปลักษณ์ใหม่ ซึ่งเป็นการต่อสัญญาเป็นพันธมิตรกับทางสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นเวลาอีก 5 ปี ในการออกผลิตภัณฑ์ทางการเงิน ซึ่งธนาคารกรุงศรีฯเป็นธนาคารแห่งเดียวในประเทศไทยที่ได้รับสิทธิ์อย่างเป็นทางการ เทียบเท่าพันธมิตรระดับโลก โดยปัจจุบัน กรุงศรีมีฐานบัตรเดบิต แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดกว่า 1 แสนใบ โดยปีนี้ได้ตั้งเป้าเพิ่มฐานลูกค้ารวมเพิ่มอีก 2-3 หมื่นใบ