ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-หลังจากที่สังคมได้เห็นการปรับเปลี่ยน คณะรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ 2 กันเป็นที่เรียบร้อยสนุกสนานโรงเรียนชินวัตรแล้ว ซึ่งก็คงต้องบอกได้คำเดียวว่า หาได้เกี่ยวกับความเป็นไปของการบริหารประเทศที่ดีขึ้น หรือเพื่อความเหมาะสมแต่ประการใด จะเป็นไปก็เพียงเพราะทุกคน ล้วนเป็นทาสรับใช้ที่ดีของ "บริษัทชินวัตร" ไม่ทางใดทางหนึ่งเท่านั้น
แต่ดูแล้วควันหลงการปรับ ครม.ปู 2 ยังไม่ทันจางหาย ประชาชนตาดำๆ ที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ ซึ่งไม่ได้รับประโยชน์จากการปรับครม.รอบที่ผ่านมา ก็ต้องได้ยินข่าวอันเศร้าใจในทำนองเดียวกันตามมาติดๆ นั่นคือการปรับเปลี่ยนเก้าอี้เลขานุการ และที่ปรึกษารัฐมนตรี เมื่อ ครม.มีมติแต่งตั้งข้าราชการการเมืองยกแผง 41 ตำแหน่ง เมื่อวันที่ 24 มกราคมที่ผ่านมา ซึ่งปรากฏว่า ไม่ได้ต่างจากหนังม้วนเดิมที่มีการปรับคณะรัฐมนตรีไปก่อนหน้านี้ เพราะถึงที่สุดแล้ว ก็เป็นเพียงการกระชับขุมข่ายอำนาจของตระกูลชินวัตร หนักข้อเข้าไปอีกเสียด้วยซ้ำ
ที่ต้องจับตายิ่งคงจะหนีไม่พ้นโควตาของสังกัด กระทรวงมหาดไทย ปรากฏชื่อของ นายผดุง ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีและเลขานุการส่วนตัวของ นช.ทักษิณ ชินวัตร มาดำรงตำแหน่ง เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
หากจะกล่าวถึงประวัติของ "ป๋าดุง" ก็คงต้องว่าบอก ซี้ย่ำปึก กับ นช.ทักษิณ ชนิดที่เหมือนเป็นเงากันเลยทีเดียว
ประวัติแรกเริ่มเดิมที "ป๋าดุง" โดดเข้ามาสู่เส้นทางการเมืองตั้งแต่ สมัยนช.ทักษิณเป็น "รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ" ซึ่งสื่อมวลชนส่วนใหญ่รู้จักและคุ้นเคยกันดีในนาม "คนผมขาว"
ชื่อของ "ผดุง" โดดเด่นอย่างมากในสมัยนช.ทักษิณ ยังคงรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ว่ากันว่า เขาเป็นทุกอย่างของทักษิณ
ในยุคก่อนนั้นชื่อเสียงของ "ผดุง" เป็นที่รู้กันในหมู่ข้าราชการ ทั้งทำเนียบรัฐบาล รัฐสภาแม้แต่ระดับปลัดกระทรวง ระดับอธิบดี ผู้ว่าราชการจังหวัด ในฐานะคนข้างกายทักษิณ ยุคนั้นหากใครอยากได้ดิบได้ดีเป็นต้องพยายามแวะเวียนมาที่หน้าห้องของ "ป๋าดุง"ก่อน เรียกว่าหัวกระไดไม่เคยแห้งเลยทีเดียว
สำหรับ ป๋าดุง ถือเป็นบุคคลที่ทักษิณ นช.ทักษิณ ชินวัตร ไว้ใจมากที่สุดคนหนึ่ง เป็นสายตรงของนายใหญ่ดูไบ ที่ทำงานรับใช้มากว่า 10 ปี ชนิดยอมตายถวายหัว มีผลงานทำงานรับใช้ครอบครัวตระกูล "ชินวัตร-ดามาพงศ์" จนได้รับความไว้วางใจ เป็นเงาตามติด หิ้วกระเป๋า-ถือโทรศัพท์ ขนาดที่ว่างานทุกเรื่องก่อนถึงมือ "ทักษิณ" ต้องผ่านการตรวจสอบจาก "ผดุง" ก่อน และยังเคยเป็นผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ เอสซีแอสเซท จำกัด (SC Asset) จำกัด โดยบริษัทดังกล่าวนี้เป็นบริษัทที่ดูแลธุรกิจทรัพย์สินส่วนตัวของทักษิณ และครอบครัว จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ได้มาคุมกระทรวงคลองหลอดตัวจริงเสียงจริง อยู่ขณะนี้
อย่างไรก็ตาม หากใครเป็นคอการเมืองน่าจะพอทราบดีถึงความเชื่อในเรื่องโชคลางของ นายใหญ่และนายหญิง มาพอสมควรว่าไม่ได้น้อยหน้าไปกว่าใครเช่นกัน โดยเหตุผลในการตั้งป๋าดุงให้มาคุมมหาดไทยครั้งนี้ก็ยังมีเรื่องขำขันว่ากันว่า เคยมีซินแสเคยบอกไว้ว่า ตระกูลชินวัตร "ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์" เป็นธาตุไฟด้วยกันทั้งคู่ ดังนั้น ตระกูลชินวัตรจึงถูกโฉลกกับคนผมขาวที่เป็นธาตุทอง ถือเป็นโชคลาภของทักษิณที่มีธาตุไฟแข็งแรงมาก จึงเลือกคนผมขาวที่ไม่มีพิษมีภัยต่อตัวเอง ไม่สามารถทำอะไรกับตัวเองได้ ไม่ว่าจะเป็น "ยงยุทธ วิชัยดิษฐ - ผดุง ลิ้มเจริญรัตน์" ถ้าได้คนเหล่านี้มาทำงานข้างกาย ยิ่งจะทำให้ตระกูลชินวัตรมีความโด่งดังมากขึ้น
"ยงยุทธ" เป็นคนธาตุทอง ผสมธาตุดิน ดวงขุนนางธาตุทองแข็งแรงมาก จะมีโชคลาภตำแหน่งดีมาก มีผู้ใหญ่คอยช่วยเหลือตลอดเวลา แม้จะถูกปรับออกผู้ใหญ่ก็จะคอยช่วยเหลือตลอดเวลา แล้วเป็นคนที่มีพลังแรงมาก อีกทั้งเป็นคนมีความคิดความอ่านรอบคอบ ประสบการณ์เยอะลึกและนิ่งมาก จึงเหมาะที่จะเป็นกุนซื่อใหญ่เดินข้างกายให้ "ยิ่งลักษณ์" ได้ดีที่สุด
ส่วน "ผดุง" เป็นคนที่เกิดในลักคนาธาตุทอง ถือเป็นถุงเงินของทักษิณ ที่ถูกโฉลกกับคนธาตุไฟ (ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์) ย่อมเป็นการเสริมดวงให้กับทั้งคู่ ก็เป็นเรื่องของดวง การเสริมบารมีก็ว่ากันไป
แต่เบื้องหลังนั้นแว่วว่า นช.ทักษิณ ไม่ค่อยปลื้มการทํางานของยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ ในตําแหน่งรมว.มหาดไทยจึงต้องการให้มีการเปลี่ยนแปลง แต่ด้วยยงยุทธหนังยังเหนียว มีความสนิทสนมกับบ้านจันทร์ส่องหล้า เลยโดนขอยกเว้นเอาไว้ โดยเรียก "ผดุง" เข้ามาเป็นทัพเสริมที่ค่อยช่วยการทํางานของ ยงยุทธ อีกชั้นหนึ่ง และหากจะกล่าวว่าอำนาจ มท.1 ของยงยุทธ ถึงกาลอวสานไปเรียบร้อยแล้วก็คงไม่ผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริงนัก
ขณะเดียวกัน ที่ต้องขีดเส้นใต้คือหน้าที่ภารกิจหลักของ ป๋าดุง ถือเป็นความประสงค์ของ นช.ทักษิณโดยตรง เพื่อต้องการให้ ผดุงเข้ามาดูแล บริหารจัดการงานในกระทรวงมหาดไทยให้งานต่างๆ รวดเร็วขึ้น คอยเป็นหูเป็นตาให้กับทักษิณ และน.ส.ยิ่งลักษณ์
เปรียบเหมือนเป็นรัฐมนตรีตัวจริงที่เข้ามากำกับงานในกระทรวงคลองหลอด เนื่องจากทักษิณคงเห็นว่าที่ผ่านมาการขับเคลื่อนนโยบายของกระทรวงมหาดไทยค่อนข้างล่าช้า ไม่เห็นผลงานที่ชัดเจน การส่งนายผดุงเข้ามา ซึ่งเป็นคนที่มีประสบการณ์งานการเมือง รู้ระบบราชการ สามารถประสานงานสั่งการหน่วยราชการต่าง ๆ ได้ ทำให้การเร่งรัดนโยบายสามรถทำได้รวดเร็วขึ้น
ที่สำคัญกระทรวงมหาดไทยมีงบประมาณจำนวนมาก จึงจำเป็นต้องใช้คนที่มีประสบการเข้ามาช่วยในการบริหารจัดการและกระจายงบประมาณให้ทั่วถึงและรวดเร็ว แล้วยังสามารถจัดกระบวนทัพทั้งในระดับผู้ว่าราชการจังหวัด ที่สามารถขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลได้แบบเข้าถึงประชาชนชนิดตรงๆ สามารถทำงานสอดประสานกับระบบราชการ ในระดับผู้ว่าราชการจังหวัดผู้นำองค์กรท้องถิ่น เพื่อที่จะใช้เป็น "ฐานเสียง"ทางการเมืองของพรรคเพื่อไทยในอนาคตได้ นี่จึงเป็นสิ่งที่ทักษิณ ตั้งเป้าหมายไว้เป็นประการสำคัญ
ขณะเดียวกันนอกจากจะส่ง “ป๋าดุง” คนใกล้ชิด เข้ามากระชับอำนาจในกระทรวงคลองหลอดแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดแล้ว นายใหญ่และนายหญิง ก็ยังไม่ลืมตกรางวัลให้กับบรรดาข้ารับใช้ที่ถวายหัวสู้เพื่อตระกูลชินวัตรอีกด้วย
หลักฐานก็ไม่ใช่อื่นใด นอกจากรายชื่อที่คณะรัฐมนตรี(ครม.) แต่งตั้งบุคคลต่างๆให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีและเลขานุการรัฐมนตรี ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าบุคคลที่ได้รับแต่งตั้งหลายคนมีทั้งสายสัมพันธ์โยงใยกับ นช.ทักษิณ และเครือญาติและ นปช. เสื้อแดง จำนวนมากได้ดิบได้ดี ตีตั๋วเข้ามารับตำแหน่งกันถ้วนหน้า
กลุ่มของอดีตนักเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น 26 ( นรต. รุ่น 26 ) รุ่นเดียวกับ นช.ทักษิณ อาทิ พล.ต.ต.ไพฑูรย์ เชิดมณี ที่ปรึกษานายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯ , พล.ต.ต. บุญเลิศ นันทวิสิทธิ์ ที่ปรึกษานายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ, อดีตนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 10 ( ตท. 10) รุ่นเดียวกับ นช.ทักษิณ อาทิ พล.อ. วรวิทย์ ชินะนาวิน เลขานุการ พล.อ.อ. สุกำพล สุวรรณทัต รมว. กลาโหม , พล.ร.อ. ชัยวัฒน์ พุกกะรัตน์ ที่ปรึกษา พล.อ.อ. สุกำพล ก็เป็น ตท. 10
นอกจากนี้ ก็ยังมีบุคคลที่เป็นคนสนิทกับทักษิณและเครือญาติ อาทิ พ.ต.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ คณะทำงานสายทหาร พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร (พี่ชาย นช. ทักษิณ) เป็นเลขานุการนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว. พาณิชย์ ,นายภาคิน สมมิตร กรรมการมูลนิธิ 111 พรรคไทยรักไทย ที่มีนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ( น้องเขย ทักษิณ) เป็นประธาน เป็นที่ปรึกษานายบุญทรง รมว.พาณิชย์ , ทพ.ญ.ศรีญาดา ปาลิมาพันธ์ สะใภ้ตระกูลชินวัตร เป็นเลขานุการนายสุชาติ ธาดาดำรงเวช รมว.ศึกษาธิการ ,นายวิม รุ่งวัฒนจินดา คนสนิทนายพงษ์ศักดิ์ รักตพงษ์ไพศาล เป็นเลขาฯนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รมต.สำนักนายกฯ
ส่วนสายเสื้อแดงก็ไม่ได้น้อยหน้ากว่ากันประการใด อาทิ พล.อ. จงศักดิ์ พานิชกุล หรือเสธฯจง เป็น รองเลขาฯ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกฯ ซึ่งเขาเคยโดดขึ้นเวทีเสื้อแดงมาแล้ว, พ.ต.อ.ปราณ์รนต์ สันติปราน์รนต์ ที่เคยลงชื่อเพื่อถอดถอนพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ร่วมกับกลุ่มคนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการ เมื่อวันที่ 29 มี.ค. 2550 ในลำดับที่ 1,643 เป็นที่ปรึกษา ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ
นายสมหวัง อัศราษี รักษาการรองประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ ถือว่าเป็นนักธุรกิจที่มีตำแหน่งในองค์กรแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติเป็นคนแรกและ ศอฉ. เคยขึ้นทะเบียนอายัดทรัพย์มาแล้วเป็นที่ปรึกษานายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช. เกษตรฯ,นาย จิรวุฒิ สิงห์โตทอง เลขานุการนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รมว.คลัง เขาเป็นแกนนำเสื้อแดง จ.ชลบุรี เคยถูกหมายจับในข้อหาทุบรถนายกรัฐมนตรีและล้มการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่พัทยา เมื่อปี 2552,นายภิญโญ ตั๊นวิเศษ ที่ปรึกษานายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ รมช. คลัง ก็เป็นแกนนำเสื้อแดง จ.ชลบุรี เคยถูกหมายจับในข้อหาทุบรถนายกรัฐมนตรีและล้มการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่พัทยา เมื่อปี 2552 ,นายอารี ไกรนรา หัวหน้าการ์ดเสื้อแดง เป็นเลขานุการนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตร
และ ศ.ธเนศวร์ เจริญเมือง ที่ปรึกษานายศักดา คงเพชร รมช.ศึกษา เขาเคยได้รับเชิญเป็นผู้บรรยายของโรงเรียน "นปช.แดงทั้งแผ่นดินและเข้าร่วมงานเสาวนา พัฒนาการประชาธิปไตยในสังคมไทย จาก 14 ตุลา 16 ถึงปรองดอง 53 ในวันที่ 16ตุลาคม พ.ศ2553 จัดขึ้นที่ห้องประชุมพยอมภายในตึกไอที ม.ราชภัฏเชียงราย โดยกลุ่มพลังมวลชนเชียงรายหรือแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการเชียงราย, เป็นหนึ่งในคนเดือนตุลา เป็นหนึ่งในคนเขียน หนังสือพิมพ์ เรดพาวเวอร์
.... บริษัท ชินวัตร จำกัด จัดให้